ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 330 เพราะชีวิตปลานั้นแสนสั้น
บทที่ 330 เพราะชีวิตปลานั้นแสนสั้น
ปลาโตเต็มวัยสามตัวและลูกปลาที่นอนแผ่ มีสีหน้าราวกับตระหนักได้ว่าพวกเขาเพิ่งกินเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์เข้าไป
แน่นอนว่าโม่จวินเจ๋อไม่ได้รู้สึกผิดอะไร ก็แค่กินเนื้อปลาเท่านั้น เขากินมาไม่น้อยแล้ว
เขาได้สติกลับคืนมาจากสภาพประหลาดของตัวเอง บางทีเขาอาจไม่ได้กลับชาติมาเกิดใหม่ แต่เป็นฝีมือของหลิงเยว่ต่างหาก!
นางเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นลูกปลาทำไมกัน?
โม่จวินเจ๋อพยายามเรียกหาวิญญาณผู้พิทักษ์ตัวน้อย มังกรดำและกระบี่เหมันต์เร้นลับ แต่กลับไม่มีการตอบสนอง เป็นเพราะอาการบาดเจ็บของเขารุนแรงเกินไป ทำให้พวกมันจมอยู่ในภวังค์หรือ?
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ตัวนั้นมีปัญหา!”
ปุโรหิตน้อยนึกถึงตอนที่พบหลิงเยว่ครั้งแรก นางคาบลูกปลาไว้ในปาก ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้แอบกินมากี่ครั้งแล้ว!
“บางทีการโจมตีเมื่อเช้าอาจเป็นฝีมือที่นางจัดการ” ดวงตาของมหาปุโรหิตเปลี่ยนเป็นลึกล้ำ ใบหน้าเต็มไปด้วยความครุ่นคิด แท้จริงแล้วเขายังคงหวนนึกถึงกลิ่นหอมของเนื้อ
ไม่แปลกเลยที่มังกรปีศาจชอบกินเผ่าพันธุ์ปลาหมัวอิน มันช่าง… อร่อยจริง ๆ!
“มันอยู่ที่ไหน?”
มือของหัวหน้าปลาที่กำไม้เท้ากระดูกหางปลาแน่นขึ้นเรื่อย ๆ หากเป็นเช่นนั้นจริง ในที่ที่พวกมันไม่ทันสังเกต อาจมีปลาที่ตกเป็นเหยื่อมากมายแล้ว!
“ไปถามที่บ่อลงทัณฑ์ไม่ได้หรือ?”
ก่อนจากไป ปุโรหิตน้อยยังไม่ลืมที่จะพาลูกปลาโม่ที่นอนแผ่อยู่ไปด้วย
เมื่อปลาทั้งสี่เข้าใกล้สุสานบรรพบุรุษ พวกมันก็ได้กลิ่นหอมฟุ้ง คล้ายกับกลิ่นน้ำแกงที่พวกมันเพิ่งดื่มไป ยิ่งเข้าใกล้ กลิ่นก็ยิ่งหอมฟุ้ง โดยเฉพาะกลิ่นเนื้อ หัวหน้าปลาโกรธจัด พวกมันไม่เพียงทำร้ายเผ่าพันธุ์เดียวกัน แต่ยังทำในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่บรรพบุรุษหลับใหลอีกด้วย!
อภัยให้ไม่ได้!
ปลาตัวโตเต็มวัยสามตัวมาถึงจุดที่มีกลิ่นหอมฟุ้งที่สุดในชั่วพริบตา แล้วก็ต้องตะลึงกับภาพที่เห็นตรงหน้า
หม้อหินสามใบกำลังส่งกลิ่นหอมฟุ้ง ข้าง ๆ หม้อหินมีถังไม้ใหญ่ที่เต็มไปด้วยชิ้นส่วนปลาจำนวนมาก บนชิ้นส่วนปลายังมีเลือดสีเทาไหลออกมา หนึ่งในหม้อถูกเทลงไปแล้ว กลิ่นเนื้อทำให้ทั้งสามผู้ยิ่งใหญ่รวมถึงลูกปลาหนึ่งตัวน้ำลายสอ
“ท่าน… ท่านหัวหน้า…”
“ท่านปุโรหิต…”
พวกปลาที่ทำผิดซึ่งห่อตัวด้วยเปลือกไม้ ร่างกายที่แข็งทื่ออยู่แล้วยิ่งแข็งทื่อขึ้นไปอีก พวกมันรู้สึกผิดอย่างเห็นได้ชัด แต่เมื่อคิดดูแล้วก็ไม่เห็นมีอะไรต้องรู้สึกผิด เพราะเนื้อในอ่างและในหม้อล้วนเป็นเนื้อของพวกมันเอง!
ปลาผู้นำชี้ไปที่บ่อลงทัณฑ์ที่เต็มไปด้วยปลาที่ทำผิด มันโกรธจนตัวสั่น พูดอะไรไม่ออก อยากจะฉีกพวกมันให้เป็นชิ้น ๆ เสียเดี๋ยวนั้น!
“นั่นมันเนื้อของข้าเอง ท่านจะโกรธอะไร!”
“ใช่แล้ว เผ่าของพวกเรามีกฎห้ามตัดเนื้อตัวเองมาชิมหรือไร!”
“อย่างไรเสีย พวกข้าก็ไม่ได้ทำร้ายเพื่อนร่วมเผ่า แถมยังอยู่ในบ่อลงทัณฑ์แล้ว จะเอาอย่างไรอีก!”
พวกปลาที่ทำผิดแหงนหน้าขึ้นพูดอย่างหน้าด้าน ๆ
“พวกเจ้ายังมีเหตุผลอีกหรือ!” ปลาผู้นำที่โกรธจนควบคุมตัวเองไม่ได้ ยกไม้เท้ากระดูกหางปลาขึ้น เตรียมจะสั่งสอนพวกที่ไม่รู้จักสำนึกผิดให้หลาบจำ แต่ถูกมหาปุโรหิตห้ามเอาไว้
ปุโรหิตน้อยยื่นมือลงไปในบ่อลงทัณฑ์ จับปลาที่บาดเจ็บขึ้นมาตัวหนึ่งอย่างง่ายดาย ไม่สนใจว่าปลาตัวยาวกว่าสองเมตรจะดิ้นรนขัดขืน แล้วเปิดเปลือกไม้ที่พันแผลออก จากนั้นก็มองไปที่ชิ้นเนื้อปลาในอ่างไม้ ขนาดพอดีกับบาดแผล จึงยืนยันไดว่าเป็นเนื้อที่ตัดมาจากพวกมันเองจริง ๆ
มหาปุโรหิตและปลาผู้นำที่กำลังโกรธจัดก็เห็นเช่นกัน แต่พวกเขายังคงโมโห พวกมันบ้าไปถึงขนาดนี้กินตัวเองแล้วหรือ!
“เห็นหรือยัง นี่แหละเนื้อของข้า!”
ปลาบาดเจ็บที่ถูกจับอยู่ในมือดีใจยิ่งนัก เพียงแต่มุมปากเพิ่งจะยกขึ้นก็ร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด “เร็วเข้า รีบเอาเปลือกไม้พันไว้เดี๋ยวนี้ ข้าเจ็บ!”
ปุโรหิตน้อยเย้ยหยัน แล้วบีบลงบนบาดแผลของปลาตัวนั้นอย่างแรง จนเลือดสีเทาไหลลงมาตามนิ้วของเขา เสียงร้องโหยหวนดังกึกก้อง
ปลาบาดเจ็บทั้งบ่อสูดลมหายใจเข้าปอด แม้จะไม่ได้ถูกบีบที่ตัวพวกมัน เพียงแค่มองดูก็รู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์นั้นเองแล้ว บาดแผลพวกมันพลันปวดแปลบขึ้นมากะทันหัน
“ใครเป็นคนพันแผลให้พวกเจ้า?”
มหาปุโรหิตดึงเอาเปลือกไม้ออกมาทั้งหมดเพื่อพิจารณา จากนั้นก็ดมตรงนั้นทีตรงนี้ที ดวงตาฉายแววประหลาดออกมา แล้วจึงใช้มีดทำจากกระดูกปลาตัดเปลือกไม้ออกมาเล็กน้อย รับเอาตัวลูกปลาโม่ที่ปุโรหิตน้อยพาดไว้บนบ่ามาพันแผลให้
โม่จวินเจ๋อดิ้นรนอย่างไร้ผล ใบหน้าชาไปหมดราวกับซากศพ เขาปล่อยให้มหาปุโรหิตพันแผลให้โดยใช้เปลือกไม้ที่ปลาตัวอื่นเคยใช้แล้ว
“นั่นของข้า!”
ปลาที่ถูกเฉือนเนื้อไปเพียงน้อยนิดร้องโอดครวญราวกับโลกจะแตกสลาย ทว่าสิ่งที่ได้รับกลับมีเพียงฝ่ามือตีสั่งสอนจากปุโรหิตน้อยเท่านั้น แต่ปุโรหิตน้อยไม่ได้ใจดำอำมหิตเช่นนั้น ซ้ำยังใช้เปลือกไม้พันบาดแผลให้ปลาตัวนั้นอย่างลวก ๆ ก่อนจะโยนมันกลับลงไปในบ่อลงทัณฑ์
“พวกเจ้าจงสารภาพมาตามตรง! ใครกันที่เป็นคนลงมือเช่นนี้”
ปุโรหิตน้อยนึกถึงหลิงเยว่เป็นคนแรก ทว่ากวาดสายตามองไปรอบ ๆ กลับไม่พบร่องรอย
ปุโรหิตน้อยเพียงชำเลืองมองอย่างไม่ใส่ใจ แต่หัวใจก็แทบหยุดเต้น… ตรงที่เคยเป็นที่ตั้งของโครงกระดูกบรรพบุรุษ… มันหายไปไหน!
หายไปที่ใดกัน!
“พวกข้าลงมือกันเอง!”
ปลาทั้งหลายต่างรู้ดีกว่าไม่ควรซัดทอดหลิงเยว่ หากนางถูกจับได้ ใครเล่าจะเป็นคนแล่เนื้อปรุงอาหารให้พวกมันกิน!
“เช่นนั้น โครงกระดูกบรรพบุรุษหายไปที่ใด!”
มหาปุโรหิตเองก็สังเกตเห็นว่าโครงกระดูกหายไปเช่นกัน นัยน์ตาพลันเบิกกว้างด้วยความโกรธเกรี้ยว
“เรื่องนั้น…”
หัวหน้าปลาร่างสั่นสะท้าน ลากไม้เท้ากระดูกหางปลาที่เสียบไว้ข้าง ๆ อ่างไม้อย่างไม่ใส่ใจ ช่างเป็นใครกันที่กล้าทำลายร่างของบรรพบุรุษเช่นนี้ อย่าให้เขาจับได้เชียว!
มิเช่นนั้น มันผู้นั้นจะได้รู้สึกถึงการถูกเฉือนเนื้อทีละชิ้นด้วยมีดกระดูกหางปลาเป็นแน่!
หลิงเยว่ที่กำลังเก็บสมุนไพรปีศาจสะดุ้งโดยไม่มีสาเหตุ จึงตัดสินใจเลิกเก็บสมุนไพรและแอบย่องไปยังพื้นที่รักษา ใช้ไข่นกปีศาจติดสินบนปลานักรบ เพื่อขอโอกาสได้มองดูพื้นที่ตรงนั้นสักหน่อย
เพียงแค่แวบเดียวนางก็เห็นถังไม้ที่แตกเป็นชิ้น ๆ บนเตียงจิ๋วที่ถักด้วยหญ้าหมัวอิน ไม่เห็นร่างของลูกปลาโม่อีกต่อไป ปลาผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามก็หายไปด้วย…
ดูเหมือนพวกมันจะได้ลิ้มรสเนื้อแล้ว ทั้ง ๆ ที่นางบดให้ละเอียดมากแท้ ๆ!
นางคงกลับไปสุสานไม่ได้ชั่วคราว น่าเสียดายชิ้นปลาสามกะละมังใหญ่และน้ำแกงสามหม้อ หลิงเยว่พอใจกับรสชาติใหม่ที่ทำมาก หนึ่งในนั้นเป็นรสเผ็ดที่ยังไม่เผ็ดพอ นางจึงรีบวิ่งออกมาเก็บสมุนไพรรสเผ็ด ไม่คิดว่าการกระทำนี้จะช่วยยื้อชีวิตของตนเองไว้ได้
แต่ดูเหมือนจะเป็นเพียงชั่วคราว คาดว่าตอนนี้ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามคงกำลังตามหาข้าไปทั่วทุกหนแห่ง สุสานคงถูกเฝ้าอย่างแน่นหนา หลิงเยว่ทุบฝ่ามือตัวเองด้วยความหงุดหงิด สิ่งที่นางต้องการคือความไว้วางใจจากเผ่าปลาหมัวอิน แต่ความจริงกลับเป็นการถูกไล่ล่าทั่วทั้งเกาะ
ทั้ง ๆ ที่นางไม่ได้ทำอะไรมาก เพียงแค่ช่วยเหลือปลาด้วยความยินดีเท่านั้น
หลิงเยว่ที่ได้เห็นเพียงแวบเดียวก็ตัดสินใจไปดูรอบนอกสุสานก่อน เพราะทั้งหมดนี้เป็นเพียงการคาดเดาของนาง บางทีปลาผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามอาจจะแค่ประทับใจน้ำแกงของนางมาก จนอดใจรอดื่มถังที่สองไม่ไหวก็ได้
หรืออาจเป็นไปได้ว่า ในที่สุดพวกมันจะเข้าร่วมทีมเฉือนเนื้อให้อาหารนางด้วยก็ได้?
เพราะชีวิตปลานั้นแสนสั้น ควรรีบเริงรมย์เสียแต่ตอนนี้!
หลิงเยว่ปลอบใจตนเอง แล้วค่อย ๆ ย่างกรายเข้าไปใกล้สุสาน นางซ่อนกายอยู่ห่าง ๆ มองลอดเข้าไปเห็นแต่โครงกระดูกเต็มไปหมด กับเสียงตวาดก้องของผู้นำและมหาปุโรหิตดังลั่น นางรู้สึกหวาดหวั่นจนต้องถอยหลังกรูด
ยิ่งได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายว่า “ใครบังอาจมาทำลายโครงกระดูกบรรพบุรุษเช่นนี้!” ยิ่งทำให้นางสั่นสะท้านไปทั้งร่าง