ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 332 สิ่งนี้น่าจะมีพิษกระมัง
บทที่ 332 สิ่งนี้น่าจะมีพิษกระมัง
เหล่าปุโรหิตผู้คร่ำเคร่งในการปรุงยาล้วนมีแววเป็นพ่อครัวชั้นยอด พวกมันแล่เนื้อปลาออกมาเป็นแผ่นบางเฉียบ แต่ครั้นจะใส่ลงไปในหม้อน้ำแกงกระดูกปลาที่เดือดพล่าน พวกมันกลับชะงัก
“น้ำแกงที่เคี่ยวจากกระดูกบรรพบุรุษเช่นนี้ พวกเรากินได้หรือ?”
“นับตั้งแต่ตั้งไว้ตรงนี้เป็นเวลานานนับพันปี ไม่แน่ว่าอาจมีพิษแปลกปลอมปะปนอยู่…”
“เช่นนั้น… ให้ข้าชิมก่อนเป็นอย่างไร?”
ปุโรหิตน้อยมิได้เห็นแก่ความหอมหวนชวนน้ำลายสอ หากกระทำไปเพราะความห่วงใยต่อเหล่านักรบปลา จึงตัดสินใจลองชิมให้ก่อน!
ท่านผู้นำกลอกตาใส่ ก่อนจะพยักหน้าหงึกหงัก
ปุโรหิตน้อยตักน้ำแกงสีเทาเหลือบแดงตรงหน้าขึ้นมาด้วยใจระทึก ก่อนจะสูดดมกลิ่นฉุนรุนแรง ดวงตากลมโตของมันร้อนผ่าว ภาพเบื้องหน้าพลันพร่าเลือน…
“เช่นนี้… สิ่งนี้น่าจะมีพิษกระมัง?”
“นั่นมันน้ำแกงที่ถูกสกัดมาจากหญ้าหมัวหงต่างหากเล่า!”
มหาปุโรหิตเตือนอย่างจนปัญญา แต่ปลาที่สกัดหญ้าหมัวหงได้นั้นนับว่าเก่งกาจนัก ถึงกับสามารถกำจัดพิษที่อยู่ข้างในออกไป แต่ยังคงรักษาสรรพคุณเอาไว้ได้ คนผู้นั้นมีเจตนาเช่นไรกัน?
ปุโรหิตน้อยที่ดื่มน้ำแกงปลารสเผ็ดร้อนเข้าไปทีละน้อย แรกเริ่มรู้สึกถึงความร้อนที่พุ่งขึ้นสู่ศีรษะ ลิ้นของเขาชาไปหมด จากนั้นทั้งร่างก็ร้อนขึ้นมา พร้อมกับน้ำตาที่เอ่อคลอ
แม้ร่างกายจะร้อนผ่าวไปทั้งตัว แต่ปุโรหิตน้อยกลับอยากดื่มอีกอึกหนึ่ง โดยเฉพาะน้ำแกงที่ต้มจากหัวบรรพบุรุษนั้น รสชาติอร่อยกว่าที่เคยดื่มมาเสียอีก
“รู้สึกเช่นไร?” ปลาผู้นำถามด้วยความอยากรู้
ปุโรหิตน้อยบรรยายรสชาติคร่าว ๆ แล้วเดินไปยังหม้อที่สอง น้ำแกงในหม้อที่สองดูข้นกว่าอย่างเห็นได้ชัด สีเทาดำมีสีฟ้าอ่อนให้เห็นเป็นครั้งคราว เพียงแค่ได้กลิ่นก็ทำให้น้ำลายสอแล้ว!
คราวนี้เขาแยกแยะสมุนไพรที่ใช้ได้จากกลิ่น รสชาติเปรี้ยวนิดหวานหน่อย กลิ่นหอมจากกระดูกบรรพบุรุษก็ชัดเจนมาก
หม้อที่สามดูปกติกว่าหม้อก่อนหน้า คล้ายกับที่พวกเขาเคยดื่มมาก่อน แต่ไม่รู้ว่าเพราะใส่กระดูกบรรพบุรุษลงไปหรือไม่ จึงทำให้ดื่มแล้วมีกลิ่นหอมเข้มข้นกว่า…
ปุโรหิตน้อยที่ลองชิมน้ำแกงสามรสชาติพร้อมกัน รู้สึกว่าหางปลาของตนกำลังแกว่งไปมาอย่างควบคุมไม่ได้ ส่วนในสมองก็มีความทรงจำที่ไม่ใช่ของตนหลั่งไหลเข้ามา
ปุโรหิตน้อยลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า เปล่งเสียงร้องยาวใส่ผิวน้ำ จนทำให้ผิวน้ำที่เงียบสงบเกิดคลื่นขึ้นเป็นระลอก ชั่วขณะต่อมาฝูงปลาหมัวอินมากมายต่างกระโดดขึ้นเหนือผิวน้ำ ตอบรับด้วยเสียงเดียวกัน
“นั่นคือ… การโจมตีด้วยเสียงคลื่นของมหาปุโรหิตที่สาม มีผลทำให้ปลาในเผ่ามีกำลังใจและเพิ่มพลังในการต่อสู้!” มหาปุโรหิตพึมพำ แต่แววตาของเขายังเต็มไปด้วยความงุนงง
พวกมันเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งปุโรหิต ย่อมรู้จักวิธีใช้คลื่นเสียงจู่โจม แต่หากนับรวมทั้งอาจารย์และศิษย์ พลังที่ปลดปล่อยออกมายังไม่อาจเทียบเท่ากับในตอนนี้ด้วยซ้ำ
แล้วตอนนี้เป็นสถานการณ์เช่นใด?
มหาปุโรหิตที่สามกลับลงมาเช่นนี้!?
ผู้นำเผ่าเบิกตากว้าง เป็นเช่นนี้ก็ได้หรือ?!
น่าเสียดายยิ่งนัก ช่วงเวลาที่มหาปุโรหิตที่สามลงมานั้นแสนสั้น ปุโรหิตน้อยเพียงคำรามได้ครั้งเดียว บรรพบุรุษก็หายวับไปแล้ว
หลิงเยว่เองไม่คิดว่าแค่เอาโครงกระดูกมาเคี่ยวแล้วจะได้ผลลัพธ์เช่นนี้ นางเพียงแต่คิดว่าปล่อยให้กองกระดูกกองอยู่เช่นนั้นช่างน่าเสียดายยิ่งนัก หากนำมันมาใส่ลงไปในน้ำแกงสมุนไพรเสียหน่อย คงจะได้ใช้ประโยชน์สุดท้ายได้อย่างเต็มที่
[ความคืบหน้าภารกิจ สองส่วนสิบ]
“ระบบ เจ้าคำนวณผิดไปหรือไม่?”
นางเคี่ยวน้ำแกงตั้งสามหม้อเชียวนะ!
[ไม่ผิดหรอก น้ำแกงของเจ้าต้องดื่มทั้งสามหม้อพร้อมกันถึงจะเห็นบรรพบุรุษเผ่าปลาหมัวอินลงมายังร่างของลูกหลาน]
[ดังนั้น จึงนับเป็นอาหารหนึ่งจาน]
หลิงเยว่ “…”
อาจเป็นเพราะนางแยกก้างปลาออกเป็นสามส่วนหรือไม่ มันเลยกลายเป็นแบบนี้?
อีกทั้งเวลาที่บรรพบุรุษลงมาก็สั้นนัก เรียกได้ว่ามันเป็นเพียงของไร้ค่าเท่านั้น!
หลิงเยว่คิดแล้วคิดอีก ในที่สุดนางถึงได้รู้ว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น คงเป็นเพราะก้างปลาไม่ครบสมบูรณ์ หลังจากที่นางเอาหางปลาไปใช้เป็นมีดหั่นผัก!
บางทีหากเพิ่มมันเข้าไป เวลาอาจจะนานขึ้นและรสชาติอาจจะดีขึ้นด้วย!
หลิงเยว่แทบจะอดใจไม่ไหวอยากกระโดดออกไปบอกพวกมันว่าควรทำอย่างไร แต่เพื่อรักษาชีวิตน้อย ๆ นางจึงตัดสินใจรอดูสถานการณ์ต่อไป
ปุโรหิตน้อยลอยอยู่เหนือทะเลสาบโดยไม่มีการเคลื่อนไหว เห็นได้ชัดว่าคลื่นเสียงเมื่อครู่ได้ใช้พลังไปจนหมดสิ้น แม้แต่สติก็ยังรักษาไว้ไม่ได้
ถึงกระนั้น ในดวงตาที่ไร้ชีวิตชีวาของมหาปุโรหิตก็เต็มไปด้วยความอิจฉา หากมันสามารถทำเช่นนั้นได้บ้าง…
ปลาผู้นำเคลื่อนไหวรวดเร็วกว่ามหาปุโรหิต มันดื่มน้ำแกงทั้งสามหม้อตามลำดับที่ปุโรหิตน้อยทำ จากนั้นภาพเหตุการณ์ที่บรรพบุรุษเข้าสิงร่างก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง!
และตามมาด้วยมหาปุโรหิต…
ปลาที่เป็นหัวหน้าทั้งสามตัวลอยอยู่เหนือทะเลสาบอย่างเป็นระเบียบ ฝูงปลาที่โผล่ขึ้นมาบนผิวน้ำต่างงุนงง ปลาโตเต็มวัยที่อยู่บนเกาะจึงรีบว่ายน้ำไปที่ศพทั้งสามเพื่อนำพวกเขากลับไป
โอกาสมาถึงแล้ว!
หลิงเยว่พุ่งตัวเข้าไปในสุสาน คว้าตัวปลาโม่น้อยที่วางอยู่บนก้อนหิน จากนั้นคว้ามีดที่ทำจากกระดูกปลาโยนลงไปในหม้อใบหนึ่ง แล้วเทเนื้อปลาที่เหล่าปุโรหิตหั่นเตรียมไว้ลงไปในหม้อจนหมด
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในชั่วพริบตา เมื่อปลาที่อยู่ในบ่อลงทัณฑ์รู้สึกตัว กลิ่นหอมของเนื้อก็โชยมา จนพวกมันต้องกลืนน้ำลายไม่หยุด ระดับน้ำในสระลงทัณฑ์ดูเหมือนจะสูงขึ้นเล็กน้อย
“เจ้า…” ปลาที่ถูกตัดเนื้อไปสองชิ้น ถูกกดแผล และถูกขโมยเปลือกไม้สมานแผลไปเล็กน้อยร้องขึ้น “เจ้า… เจ้าหนีการตรวจค้นของตาแก่พวกนั้นได้อย่างไร?”
ปลาตัวอื่น ๆ ต่างเฝ้ารอคำตอบเช่นกัน
“พวกเจ้ายังอยากกินอีกหรือไม่?” หลิงเยว่ชี้ไปที่หม้อ
เหล่าปลาทั้งบ่อต่างพยักหน้าอย่างบ้าคลั่ง
อาศัยจังหวะที่ปลาตัวอื่น ๆ กำลังสนใจสามผู้อาวุโสที่หมดสติอยู่ หลิงเยว่จึงรีบตักเนื้อปลาใส่ชามให้แก่เหล่าปลาในบ่อลงทัณฑ์ ครานี้นางช่างเฉลียวฉลาดยิ่งนัก เพราะได้ซื้อชามไม้มาจากระบบด้วย ชามนั้นเป็นรูปทรงเรือ สามารถลอยอยู่ในบ่อลงทัณฑ์ได้ แถมยังทนความเย็นของน้ำ ทำให้อาหารยังคงร้อนอยู่ตลอดเวลา
แม้มันจะราคาแพงและใช้ได้เพียงครั้งเดียว แต่เพื่อให้ได้มาซึ่งการสนับสนุนจากเหล่าบริวารในอนาคต ค่าพลังวิญญาณนี้จะนับเป็นสิ่งใดได้เล่า!
และนางยังต้องหาวิธีช่วยพวกมันออกมาจากบ่อลงทัณฑ์ให้ได้ เมื่อถึงตอนนั้น… ฮ่า ๆ ๆ!
หลิงเยว่ค่อย ๆ วางชามรูปเรือที่เต็มไปด้วยเนื้อปลาลงในบ่อลงทัณฑ์
ชามที่บรรจุเนื้อปลาไว้เต็มลอยอยู่ในบ่ออย่างมั่นคง
“!!!”
ดวงตาของเหล่าปลาในบ่อต่างลุ้นระทึกไปกับชามที่ลอยอยู่ พวกมันตัวแข็งทื่อไม่กล้าขยับแม้แต่น้อย เพราะเกรงว่าหากขยับเพียงนิด เนื้อของพวกมันจะหายไปอีก!
ในเวลาต่อมา ชามจำนวนนับไม่ถ้วนก็ลอยอยู่ในบ่อลงทัณฑ์อย่างมั่นคง
“ท่านผู้นำ ท่านตื่นแล้ว!”
เสียงตะโกนด้วยความดีใจของปลาหมัวอินดังมาจากด้านนอก หลิงเยว่จึงรีบเก็บทั้งหม้อทั้งกะละมังเข้าไปในแหวนมิติ ก่อนจะยกโครงกระดูกปลาอีกอันติดมือไปด้วย แล้วเผ่นแน่บหายวับไปกับตา
เมื่อหลิงเยว่เคลื่อนไหว เจ้าลูกปลาโม่ก็ตื่นขึ้น
เพียงแต่เขาไม่อาจเอ่ยคำพูดหรือแม้แต่ขยับเขยื้อนร่างกาย เพราะลำตัวถูกเถาวัลย์เส้นบางมัดติดกับหัวปลาและหางปลา กลายเป็นเหมือนเครื่องประดับห้อยอยู่ที่เอวของหลิงเยว่
เอ่อ… แต่ดูเหมือนว่าปลาจะไม่มีเอวนะ
แต่อย่างน้อยเขาก็ได้กลับมาอยู่ข้างกายหลิงเยว่แล้ว แม้จะถูกมัดไว้เช่นนี้ โม่จวินเจ๋อก็รู้สึกยินดี
“หม้อสามใบนั้นหายไปไหน! เนื้อปลาไปอยู่ที่ใดแล้ว!?”
เสียงคำรามของผู้นำเผ่าถูกสายลมพัดไปถึงหูหลิงเยว่ แต่นางมิได้หยุดฝีเท้า กลับพุ่งทะยานเข้าไปในเขตสมุนไพรปีศาจอย่างรวดเร็ว
หึ! สิ่งที่นางลงมือทำ จะปล่อยให้พวกมันได้กินฟรี ๆ งั้นรึ? ไม่มีทาง!
เว้นแต่… ให้นางเป็นรองผู้นำที่มีอำนาจเท่านั้น!