ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 347 เมืองปีศาจ นางมาแล้ว!
บทที่ 347 เมืองปีศาจ นางมาแล้ว!
……….
บทที่ 347 เมืองปีศาจ นางมาแล้ว!
อาหารปีศาจชนิดพิเศษเต็มสิบ
เวลาล่วงเลยไปถึงสามเดือน หลิงเยว่สามารถทำภารกิจสำเร็จไปได้ครึ่งหนึ่ง สิ่งที่ต้องทำต่อไปคือการนำไปขาย หาเงินมาให้ได้หนึ่งพันล้านหินปีศาจ
แน่นอนว่าอาหารปีศาจที่มีผลของการสืบทอดพลังบรรพบุรุษนั้นขายได้ไม่ได้ อีกทั้งอาหารสืบทอดพลังประเภทนี้มีผลเฉพาะกับเผ่าพันธุ์เดียวกันเท่านั้น สำหรับเผ่าพันธุ์อื่นล้วนไร้ค่า มีแต่อาหารปีศาจประเภทรักษาบาดแผลที่น่าจะขายได้
ทว่า!
ต้องทำมากเท่าใดจึงจะได้ถึงหนึ่งพันล้านหินปีศาจ?
หลิงเยว่ยังไม่พอใจกับอาหารปีศาจที่กองเต็มสุสาน นางจึงตัดสินใจศึกษาเพิ่มเติม เช่น ชาแปลงกาย สุราปราบมาร สิ่งที่ผู้คนต่างแย่งชิงกันจนหัวร้างข้างแตก
ในท้ายที่สุด หลิงเยว่จึงใช้เงินสิบห้าล้านซื้อเลือดของปีศาจสิงโตเก้าหางมาสองถัง
ปีศาจสิงโตเก้าหางคือสัตว์อสูรที่มีฐานะเทียบเท่ากับอสรพิษเก้าเศียรในเขตแดนปีศาจ มีศักดิ์เทียบเท่ากับอสูรครึ่งเทพ ทั้งสองเผ่าพันธุ์ต่างมีพลังรบที่แข็งแกร่ง ในสงครามเทพปีศาจ ปีศาจสิงโตเก้าหางเกือบจะถูกกวาดล้างจนสูญพันธุ์ เหลือรอดอยู่เพียงสองตัว และไม่มีใครพบเห็นพวกมันมาเป็นเวลานานแล้ว
การใช้เลือดของพวกมันมาศึกษาชาแปลงกาย คงไม่โดนตามล่าไปทั่วโลกหรอกใช่ไหม?
ผ่านไปครึ่งปี หลิงเยว่ก็ทำภารกิจจนเสร็จสิ้น แล้วนำผลงานชิ้นเอกออกมา นางมิได้คิดจะให้เหล่าปลาที่นี่ทดลอง แต่เก็บอาหารพิเศษทั้งหมดไว้ จากนั้นจึงนำเหล่าปลานักรบมุ่งหน้าสู่เมืองหลวงอย่างยิ่งใหญ่
เมืองหลวง หลิงเยว่มาแล้ว!
หลิงเยว่สั่งให้เหล่าปลาไปตั้งแผงขายของ ส่วนนางมุ่งหน้าไปยังหอประมูลที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง
หอประมูลแห่งนี้กินพื้นที่ทั้งจัตุรัส ใหญ่กว่าหอประมูลของตระกูลเซี่ยหลายร้อยเท่า
นี่… นางควรขายชาแปลงกายที่ใดกัน?
แม้แต่คนต้อนรับก็ไม่มี!
ขณะที่หลิงเยว่กำลังจะรั้งคนแปลกหน้าเพื่อถามทาง ก็มีผู้หนึ่งลากนางเข้าไปในห้องรับรองอย่างรวดเร็ว
“เผ่ามนุษย์หรือ?”
“ดูแววตาโง่งมนั่นสิ คงอยู่ได้อีกไม่นานหรอก”
หลิงเยว่ที่แอบอยู่หลังประตูได้แต่ “…”
“ระบบ นี่เจ้าเรียกว่าแหวนเร้นกายระดับเทพได้หรือ? ข้าว่ามันของปลอมชัด ๆ!”
แม้แต่จะตอบกลับ ระบบยังมิคิดเอ่ยปาก หลิงเยว่ได้แต่ครุ่นคิดอย่างไม่เข้าใจ ว่าเหตุใดนางจึงถูกจับได้เช่นนี้
จะเอาพลังวิญญาณอันน้อยนิด มาแสร้งแปลงเป็นเผ่าปีศาจร่างสมบูรณ์ได้อย่างไร?
ฝันกลางวันอยู่หรือ!
เผ่าปีศาจต่างเข้ามาล้อมรอบกายหลิงเยว่ พร้อมกับวิพากษ์วิจารณ์นางไปต่าง ๆ นานา
“พวกท่านผู้อาวุโสมีเรื่องอันใด… หรือเจ้าคะ?” หลิงเยว่อยากจะวิ่งหนีไปให้ไกลแสนไกล แต่ไม่ว่านางจะดึงประตูหลังอย่างไรก็เปิดไม่ออก
ปีศาจที่มีร่างกายเป็นมนุษย์และหัวเป็นวัวที่ยืนอยู่ตรงกลาง หัวเราะเยาะออกมาทันที
หลิงเยว่รู้สึกใจกระตุกวูบ ก่อนที่ราชาปีศาจกระทิงจะแตะจุดระหว่างคิ้วนาง เปลี่ยนร่างจากหญิงงามแห่งเผ่าพันธุ์ปีศาจ กลายเป็นราชาปีศาจกระทิงอีกตน
นางรู้สึกได้ว่าศีรษะหนักอึ้ง มุมมองเบื้องหน้ากว้างกว่าเดิม หลิงเยว่ยกมือขึ้นอย่างเลื่อนลอย พบว่าจากมือเรียวสวย กลายเป็นหยาบกร้าน
หลังจากกลายร่างเป็นปลาน่าเกลียด นางก็ได้กลายเป็นราชาปีศาจกระทิง ดวงตากลมโตของหลิงเยว่ที่กลายเป็นราชาปีศาจกระทิงฉายแววสิ้นหวังในชีวิต
“ดวงตาของเจ้าเด็กนี่ช่างน่าขบขันนัก”
สาวงามที่มีหางเป็นงูจ้องมองมาทางหลิงเยว่ พร้อมกับเสียงหัวเราะน่าขนลุก เส้นผมของนางพันกันยุ่งเหยิง หลิงเยว่ตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว
“ไม่ต้องกลัว ข้าไม่ทำอันตรายเจ้าหรอก เพียงแต่เห็นเจ้าปลอมตัวได้แย่มาก เกรงว่าจะถูกจับไปเป็นทาส จึงได้พาเจ้ามาที่นี่”
“ข… ขอบคุณ” หลิงเยว่เอ่ยขอบคุณอย่างยากลำบาก
“ไม่เป็นไร” ราชาปีศาจกระทิงทำท่าทางเย็นชา แต่แฝงไว้ด้วยอำนาจบารมี หากไม่ติดรูปลักษณ์ศีรษะกระทิงอันน่าเกรงขาม เขาคงจะเป็นชายรูปงามแน่นอน!
เมื่อประตูห้องเปิดออก หลิงเยว่ก็ถูกโยนออกมาอย่างไม่ไยดี
นางยังไม่ทันได้เอ่ยถามว่า พวกเขาเป็นมนุษย์ที่แฝงตัวเข้ามาในหมู่เผ่าปีศาจหรือเปล่า แต่… ดูเหมือนว่าไม่จำเป็นต้องถามแล้วกระมัง…?
หลิงเยว่ลูบจมูกของตนเอง
ครานี้ไม่ต้องรอให้นางเอ่ยถาม ก็มีสตรีชาวมนุษย์ผู้หนึ่ง เท้าถูกพันธนาการด้วยโซ่ตรวน ก้มกายเข้ามาต้อนรับ
“ท่านต้องการร่วมประมูลในงานประมูลบ่ายวันนี้ หรือว่านำสิ่งของมาขายรึเจ้าคะ?”
สายตาของหลิงเยว่ถูกดึงดูดความสนใจไปที่บาดแผลบริเวณข้อเท้าของสตรีผู้นั้น นางค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น สบเข้ากับนัยน์ตาไร้ความรู้สึกของสตรีตรงหน้า
นางรู้ดีว่ามนุษย์ถูกเผ่าปีศาจปฏิบัติเยี่ยงทาส ตอนนั้นนางยังไม่ได้รู้สึกอะไรมากมาย แต่เมื่อเห็นกับตาแล้ว ความรู้สึกอัดอั้นพลันตีขึ้นมาที่อก พร้อมกับเปลวเพลิงแห่งโทสะที่ลุกโชนอยู่ในใจของหลิงเยว่
“ข้ามาขายของน่ะ”
“เชิญเจ้าค่ะ” นางเอ่ย
หลิงเยว่เดินตามหลังสตรีผู้นั้นไปอย่างเงียบ ๆ ระหว่างทาง นางพบทาสที่เป็นมนุษย์มากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อผ่านเรือนหลังใหญ่ที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยวหลังหนึ่ง เสียงโห่ร้องและด่าทอก็ดังออกมา
“ที่นี่คือสนามประลอง ท่านสนใจหรือไม่?”
หลิงเยว่เพียงส่ายหน้าเบา ๆ มิได้เอ่ยวาจาใด
ทั้งสองเดินไปไม่นานนัก สตรีผู้นั้นพาหลิงเยว่มาส่งยังห้องเก็บสมบัติแล้วจึงขอตัวจากไป
ภายในห้องมีเผ่าปีศาจสองตนกำลังนั่งอยู่ ฉากเบื้องหน้าช่างละม้ายคล้ายคลึงกับตอนที่นางอยู่ที่หอประมูลตระกูลเซี่ย เพียงแต่เปลี่ยนจากมนุษย์เป็นเผ่าปีศาจ…
“ท่านต้องการตีราคาสมบัติสิ่งใดหรือ?”
“พวกข้ารับซื้อเฉพาะสมบัติล้ำค่าเท่านั้นนะ”
หลิงเยว่วางชาแปลงกายลงบนโต๊ะ เป็นสัญญาณให้ทั้งสองตรวจสอบ
“ชาแปลงกายนี้ สามารถแปลงร่างเป็นปีศาจสิงโตเก้าหาง และสืบทอดพลังรบของมันได้”
ปีศาจสองตนที่ได้ยินเช่นนั้น “???”
พวกมันได้ยินผิดไปกระมัง?
“ท่านผู้นี้ โปรดอย่าล้อเล่นเลย” ปีศาจหมายเลขหนึ่งแสร้งยิ้ม ทว่าในใจกลับมิได้ยิ้มด้วย หากมิใช่เห็นแก่หลิงเยว่ที่มาจากเผ่าพันธุ์ปีศาจกระทิง พวกมันคงได้ลงมือตบนางกระเด็นไปไกลแล้ว
“ข้ามิได้ล้อเล่น พวกเจ้าลองดูก็ได้ เพียงแต่วัตถุนี้ล้ำค่านัก มีแค่ผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถทดสอบได้”
ปีศาจทั้งสองสบตากัน ปีศาจหมายเลขสองจำใจยื่นมือรับขวดสีดำมาเปิดจุกออก ยังมิทันได้มองเข้าไปข้างใน พวกมันกลับรู้สึกได้ถึงหลังปีศาจเข้มข้นที่แผ่ซ่านปกคลุมทั่วทั้งห้องสมบัติ
เพียงกลิ่นอายที่เล็ดลอดออกมา ก็ทำให้ปีศาจหมายเลขสองแทบทรุดลงกับพื้น ด้วยสัญชาตญาณ มันรับรู้ได้ทันทีว่า สิ่งนี้ต้องมาจากปีศาจสิงโตเก้าหางเป็นแน่
ทันใดนั้น ห้องสมบัติอันกว้างใหญ่ก็ส่งเสียงคำรามลั่น ก่อนจะพังทลายลงในชั่วพริบตา
ปีศาจหมายเลขสองถูกฝังอยู่ใต้ซากปรักหักพัง ส่วนปีศาจหมายเลขหนึ่งนอนหายใจรวยรินอยู่บนกองอิฐ เหลือเพียงลมหายใจเฮือกสุดท้ายเท่านั้น
เหล่าปีศาจที่เหลือต่างกรูกันเข้ามาล้อมวง พวกมันเล็งอาวุธไปที่หลิงเยว่ ขณะที่นางได้แต่กะพริบตาปริบ ๆ
“ข้ามิได้ทำอันใด”
คำพูดเช่นนี้ใครเล่าจะเชื่อ? เผ่าพันธุ์ปีศาจกระทิงนั้นขึ้นชื่อเรื่องความโหดเหี้ยม หากไม่พอใจสิ่งใดก็พร้อมจะฉีกกระชากผู้คนหรือแม้แต่ปีศาจด้วยกันเองทุกเมื่อ ดังนั้นการที่ปีศาจทั้งสองกลายเป็นเช่นนี้ จะบอกว่านางมิได้เป็นคนทำ คงเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!
“จับนางไว้ก่อน!”
เดิมทีผู้นำเหล่าปีศาจในที่นั้น คิดจะโยนหลิงเยว่ลงสู่สนามประลอง แต่เมื่อเห็นศีรษะวัวอันใหญ่โตของนาง เขาก็เปลี่ยนคำพูด
“รอ… รอก่อน…” ปีศาจหมายเลขสองยื่นมือออกไปจากซากปรักหักพัง มันพยายามปีนออกมาอย่างยากลำบาก พลางมองหลิงเยว่ด้วยสายตาเป็นประกายน่ากลัว “นางเป็นแขกผู้มีเกียรติ จงต้อน… รับนางให้ดี”
ว่าจบศีรษะก็ฟุบลงและสิ้นใจตายไปทันที
ส่วนปีศาจหมายเลขหนึ่งที่บาดเจ็บสาหัส แต่อาศัยลมหายใจเฮือกสุดท้าย พยายามฝืนลืมตาขึ้น พูดแก้ต่างให้หลิงเยว่ “มิใช่ความผิดของแขกผู้มีเกียรติ พวกข้าเพียงประลองฝีมือกัน แต่พลั้งมือไปหน่อย เลยเป็นเช่นนี้…”
ประลองฝีมือ?
เหล่าปีศาจที่เหลือมองหลิงเยว่ด้วยสายตาซับซ้อน นางถูกบังคับให้รับผิดชอบอย่างนั้นหรือ?
หลิงเยว่เองก็รู้สึกจนใจ แต่นางมิอาจโทษตัวเองได้ นางเพียงแค่ให้ชาแปลงกายไปเท่านั้น เมื่อปีศาจหมายเลขสองกินเข้าไปก็พุ่งเข้าหาปีศาจหมายเลขหนึ่งทันที หลังจากนั้น ทั้งสองก็ต่อสู้กันอย่างดุเดือด
แม้แต่นางเองยังตะลึงงัน!
จะห้ามก็ห้ามไม่ทัน เลยปล่อยให้ตายกันไปข้าง!
แม้จะเป็นเพียงลมปาก หากพวกมันตายไปจริง ๆ นางคงมิอาจขายชาแปลงกายได้ คาดว่าคงต้องจบชีวิตลง ณ ที่แห่งนี้ไปแล้ว และหากไม่จบชีวิตลงที่นี่ นางคงต้องเสียชาแปลงกายนี้ไปอีกหนึ่งหยด ชีวิตนางช่างน่าเศร้ายิ่งนัก…
……….