ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 348 พุ่งชนกำแพง
บทที่ 348 พุ่งชนกำแพง
……….
บทที่ 348 พุ่งชนกำแพง
แม้เผ่าปีศาจกระทิงจะช่วยเหลือหลิงเยว่ แต่นาง… ก็ถูกคุมขังเสียแล้ว
ก่อนที่ปีศาจหมายเลขหนึ่งและสองจะพ้นขีดอันตราย หลิงเยว่ต้องอยู่ในคุกขนาดใหญ่ของสนามประลอง มีเพียงข้อดีเดียวคือนางได้อยู่ในห้องขังเดี่ยว ไม่ต้องปะปนกับปีศาจตนอื่น
ครั้งแรกที่หลิงเยว่เข้าคุก ดวงตาใหญ่ของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ศีรษะกระทิงพุ่งชนกำแพงอย่างไร้ความยั้งคิด นางเพียงแค่มาขายชาแปลงร่าง ทำไมถึงถูกจับเข้ามาที่นี่ได้?
เช่นเดียวกับที่นางไม่เข้าใจว่า ทำไมเผ่าปลาหมัวอินที่นางพามา ยังหาที่ตั้งแผงไม่ได้ แม้เวลาจะล่วงเลยมาทั้งวัน พวกมันก็ยังขายอาหารไม่ได้เสียที
“เช่นนี้… พวกเราจะทำอย่างไรดี?”
ฝูงปลากว่าสิบตัวมารวมตัวกันที่ตรอกเล็ก ๆ ที่เคยเป็นที่ปักหลักของหัวหน้าตะขาบมรกตและฮวนฮวน ดวงตาไร้วิญญาณของพวกมันฉายแววสับสน
ในจินตนาการ อาหารของพวกมันต้องขายดิบขายดีจนเผ่าพันธุ์ต่าง ๆ ในเมืองหลวงคลั่งไคล้ ร่ำรวยมั่งคั่งจากหินปีศาจนับล้านก้อน แต่ตอนนี้…
“เช่นนั้น พวกเรามาขายเนื้อย่างเสียบไม้กับนกปีศาจจระเข้ปิ้งย่างกันเถิด กลิ่นหอมของพวกมันย่อมดึงดูดลูกค้าได้แน่นอน!”
คำพูดของปลาที่ทำผิดหมายเลขหนึ่ง ทำให้สหายของมันต่างเห็นด้วย “ถูกต้อง! แล้วก็เคี่ยวน้ำแกงอีกหม้อใหญ่ด้วย!”
ปลาสิบกว่าตัวลงมือทันที พวกมันยกหม้อ ชาม และกระบวยออกจากหลัง แล้วหยิบวัตถุดิบบางส่วนออกมาจากถุงเก็บของของหลิงเยว่
พูดถึงหลิงเยว่… พวกปลาโตเต็มวัยเพิ่งสังเกตว่าไม่ได้เห็นนางมาทั้งวันแล้ว
“เจ้าหนูนั่นบอกว่าจะไปขายของไม่ใช่หรือ ทำไมนางยังไม่กลับมาอีก?”
“คงไม่ถูกปล้นฆ่าหรอกนะ”
“นางคงไม่อ่อนแอถึงขนาดนั้นกระมัง?”
นับตั้งแต่หลิงเยว่แสดงฝีมือในการต่อสู้กับเผ่านกปีศาจจระเข้ พวกปลานักรบก็ยืนยันถึงพลังของนาง แต่เมืองปีศาจนั้นมีพวกชอบจับมนุษย์มาเป็นทาสอยู่เยอะแยะ บางทีนางอาจถูกจับตามองอยู่ก็เป็นได้!
พวกปลาที่ทำผิดยิ่งคิดยิ่งกังวล หัวหน้าปลาที่ทำผิดจึงตัดสินใจพาพรรคพวกออกไปตามหา ส่วนที่เหลือก็เริ่มเตรียมวัตถุดิบในตรอกเล็ก ๆ ที่ไม่มีคนนี้ต่อไป
น่าเสียดายที่พวกมันไม่มีหินปีศาจ จึงเช่าสถานที่ดี ๆ ไม่ได้
เผ่าปลาหมัวอินหลบซ่อนตัวมานานเกินไป คิดแต่จะออกลูกออกหลานสืบทอดเผ่าพันธุ์ทั้งวัน ผู้นำและเหล่าปุโรหิตก็ควบคุมอย่างเข้มงวด นี่จึงเป็นครั้งแรกที่พวกปลาที่ทำผิดและปลานักรบออกมานอกอาณาเขต
หัวหน้าปลาที่ทำผิดและหัวหน้าปลานักรบจากไปด้วยความกังวลใจ ส่วนปลาตัวอื่น ๆ ก็ทำตัวเหมือนขโมย คอยมองไปรอบ ๆ และเงี่ยหูฟัง พวกมันกลัวว่าแม้แต่การตั้งแผงขายของตรงนี้ก็จะถูกไล่ไปด้วย
โลกภายนอกช่างน่ากลัวนัก พวกมันเพิ่งจะออกมาครั้งแรกก็คิดอยากกลับไปยังป่าปีศาจแล้ว!
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ เพื่อจะได้ออกมา พวกมันบังยอมถูกขังอยู่ในบ่อลงทัณฑ์นับร้อยปี…
ฉ่า!
เมื่อเนื้อนกปีศาจจระเข้กระทบกับความร้อน เสียงที่ดังออกมานั้นฟังดูเร้าใจยิ่งนัก พร้อมกับน้ำแกงกระดูกปลาที่เดือดปุด ๆ ส่งกลิ่นหอมฟุ้งกระจายไปทั่วทั้งตรอกเล็ก ๆ คละเคล้าไปกับกลิ่นเนื้อย่าง
ท่ามกลางกลิ่นหอมฉุยของเนื้อย่างและน้ำแกงกระดูกปลา ไม่นานก็มีกลิ่นหอมหวานของนมเจือปนเข้ามาด้วย
มันคือชานมสมุนไพรที่ปรุงขึ้นจากน้ำผึ้งปีศาจ ผสมกับน้ำนมแพะปีศาจและสมุนไพรที่ช่วยฟื้นฟูปราณ
“กลิ่นอะไรกัน?”
“เผ่าปลาหมัวอิน!”
“พวกเจ้ายังกล้าออกมาอีกหรือ…”
สหายของปีศาจจ้องมองปลาที่กำลังวุ่นวายอยู่ด้วยสายตาเพ่งพินิจ ราวกับกำลังคิดว่าจะเริ่มกินพวกมันจากตรงไหนดี?
“อย่าเพิ่งคิดอะไรไม่ดี” ปีศาจตาแดงตบหัวสหายเบา ๆ พลางเตือนอย่างระมัดระวัง “พวกมันเป็นหนึ่งในอาหารโปรดของสนมปีศาจที่สี่ หากพวกเราบังอาจแตะต้อง…”
แม้ปีศาจตาแดงจะไม่ได้พูดต่อ แต่สมองที่ร้อนรุ่มของสหายก็เย็นวาบราวกับถูกราดด้วยน้ำแข็งทั้งถัง
ใช่แล้ว! หากบังอาจแตะต้อง ด้วยความโหดเหี้ยมของมังกรปีศาจ การสังหารยกตระกูลย่อมเป็นเรื่องง่ายดาย ไม่ต่างจากการกะพริบตา
ในที่สุดก็มีลูกค้าสองคนมาเยือน แต่ลูกค้าเหล่านั้นกลับจินตนาการไปก่อนที่เหล่าปลาจะได้ต้อนรับ แล้วหันหลังวิ่งหนีไปทันที
เหล่าปลาที่อยู่ตรงนั้น “…”
ทำไมการขายของถึงได้ยากเย็นนัก?
เหล่าปลาจ้องมองอาหารตรงหน้าด้วยความหิวโหย น้ำลายไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ หากไม่ใช่เพราะต้องการหาเงิน พวกมันคงกินเองไปนานแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่พอประทังความหิวของพวกมันอยู่ดี!
“แล้วพวกเราจะขายอย่างไรดีเล่า?”
บุรุษร่างกำยำผู้เป็นแขกคนที่สามปรากฏกายขึ้น แทนที่บุรุษผู้นี้จะหวาดกลัวเผ่าพันธุ์ปลาหมัวอิน แต่เขากลับเอียงศีรษะ คล้ายวัวหาหญ้า มองอาหารตรงหน้าอย่างพิจารณา
“ท่านต้องการแบบใดหรือขอรับ?” ปลาผู้กระทำผิดเอ่ยถาม ด้วยน้ำเสียงสั่นเทา เพราะความตื่นเต้น มันพยายามอย่างยิ่งที่จะเปล่งวาจาให้นุ่มนวล เพราะเกรงว่าจะไปล่วงเกินบุรุษร่างกำยำตรงหน้า
“เอาทั้งหมดนั่นแหละ”
“ทั้งหมดเลยหรือขอรับ?” ปลาทั้งกลุ่มต่างพากันสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ ดวงตาเบิกกว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อหู
บุรุษร่างกำยำผู้นั้นคิดไปเองว่าปลาเหล่านี้กำลังดูแคลนว่าเขาไม่มีปัญญาจ่ายค่าอาหาร เขาจึงส่งเสียง “ฮึ่ม!” ออกมาด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะควักเอาถุงหินปีศาจออกมาจากอก แล้วโยนไปที่ปลาตัวหน้าสุดอย่างแรง
ทว่าปลานักรบกลับใช้มือข้างเดียวรับถุงหินปีศาจเอาไว้ได้ทัน ก่อนที่มันจะกระแทกเข้ากับกำแพงด้านหลัง
การกระทำเช่นนี้ ทำให้บุรุษร่างกำยำผู้นั้นมองปลาตัวนั้นด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป ความโกรธเมื่อครู่มลายหายไปจนหมดสิ้น
ปลานักรบนึกถึงคำพูดของหลิงเยว่ มันจึงแสร้งทำเป็นนับหินปีศาจในถุงอย่างถี่ถ้วน หินปีศาจจำนวนมากมายขนาดนี้ เพียงพอที่จะซื้ออาหารของพวกมันได้ทั้งหมด มันจึงตัดสินใจคืนหินปีศาจที่เหลือให้กับบุรุษร่างกำยำผู้นั้น คล้ายเป็นการแสดงออกถึงความซื่อสัตย์ ไม่คิดเอาเปรียบ
บุรุษร่างกำยำผู้นั้นมองการกระทำดังกล่าวด้วยหางตา
“ถือว่าเป็นรางวัลของพวกเจ้าแล้วกัน!”
เผ่าปีศาจกระทิงของพวกเขานั้น นอกจากจะมีพลังรบแข็งแกร่งแล้ว หินปีศาจก็ยิ่งมีมากมายมหาศาล เขาย่อมไม่ใส่ใจกับหินเวทมนตร์เพียงเท่านี้อยู่แล้ว! ดังนั้น เผ่าปีศาจกระทิงตนนั้นจึงเดินจากไปพร้อมกับอาหารมากมาย ส่วนปลาเจ้าเล่ห์ที่ขายอาหารหมดเกลี้ยงแล้ว ก็ได้นำวัตถุดิบสดใหม่ออกมา
จะเป็นไปได้อย่างไร ที่พวกมันจะเตรียมสิ่งของมาเพียงเท่านั้น?
ครึ่งชั่วยามก่อนการประมูลที่เมืองหลวงปีศาจจะเริ่มขึ้น ผู้อาวุโสเผ่าปีศาจกระทิงได้นำสมบัติล้ำค่าของเขาเข้าไปในห้องส่วนตัวใกล้ทางเข้าบนชั้นหนึ่งของสถานที่จัดการประมูล
“เหตุใดจึงมาช้าเช่นนี้?”
สาวงามเผ่างูที่มีผมเป็นงูดูยุ่งเหยิงเหลือบมองผู้อาวุโสเผ่ากระทิงที่เดินเข้ามา
“แล้วคนอื่น ๆ ในเผ่าเล่า?” ราชาปีศาจกระทิงผู้มีอุปนิสัยองอาจสง่างามเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“นาน ๆ ครั้งจะได้มาเยือนเมืองหลวงปีศาจ พวกเขาจึงออกไปเที่ยวเล่นกัน”
ผู้อาวุโสเผ่ากระทิงเองก็มัวแต่เที่ยวชมเมืองหลวงปีศาจจนเสียเวลาไปมาก “ดูสิ ข้าซื้อของดี ๆ มาได้มากมายเชียว”
โต๊ะใหญ่ถูกจัดวางเต็มไปด้วยสิ่งของที่ผู้อาวุโสกระทิงซื้อมาในชั่วพริบตา ตั้งแต่สมุนไพรปีศาจขนาดเล็กไปจนถึงรูปปั้นสูงเท่าคน บนโต๊ะนั้นล้วนมีครบทุกอย่าง
ผู้คนที่อยู่ในที่นั้น “…”
งานประมูลยังไม่ทันเริ่ม หินปีศาจก็คงจะหมดไปแล้วกระมัง?
ผู้อาวุโสกระทิงหยิบชานมสมุนไพรหนึ่งถ้วยและเนื้อนกปีศาจจระเข้ย่างหนึ่งชิ้นส่งให้ราชาปีศาจกระทิง ดวงตาใหญ่ลุกโชนด้วยแสงแห่งความอยากรู้อยากเห็น “พวกเจ้าลองเดาซิ ว่าข้าเพิ่งพบใครมา?”
“ผู้ใดหรือ?”
“ฮ่า ๆ เผ่าปลาหมัวอิน!”
ผู้อาวุโสกระทิงกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “พวกมันตกอับเหลือเกิน คงจะถูกปิดกั้นอยู่ในทะเลสาบจนไม่มีอะไรกิน ถึงขั้นเอาโครงกระดูกบรรพบุรุษมาต้มเป็นน้ำแกงกระดูกปลาแลกหินปีศาจแล้ว!”
“นี่… กินได้หรือ?”
งูสาวหน้าบิดเบี้ยว กระดูกปลาที่เก็บไว้หลายร้อยหลายพันปีเช่นนี้…
“ทำไมจะกินไม่ได้เล่า? ข้าลองชิมแล้ว อร่อยมากทีเดียว!”
ผู้อาวุโสกระทิงดื่มด่ำกับชานมสมุนไพรในมือ พลางเคี้ยวเนื้อย่างเสียบไม้อย่างเอร็ดอร่อย ใบหน้าเปี่ยมสุขราวกับล่องลอยอยู่ในสรวงสวรรค์
ส่วนราชาปีศาจกระทิงที่กำลังหมายตาเนื้อย่างเสียบไม้ พลันคิดในใจ “…”
นั่นมันของเขามิใช่รึ?
เหตุใดท่านผู้อาวุโสจึงถือวิสาสะกินเสียเองเล่า?