ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 351 ชะตาอาภัพยิ่งนัก!
บทที่ 351 ชะตาอาภัพยิ่งนัก!
เรื่องวุ่นวายบนชั้นนั้นเกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตา ไม่ได้ส่งผลกระทบใด ๆ ต่องานประมูล
เมื่อผ้าสีดำถูกเปิดออก ปรากฏขวดไม้เล็ก ๆ สามขวดที่ดูธรรมดาสามัญ เหล่าผู้มาประมูลต่างตะโกนถามด้วยความร้อนใจ
“อย่ามัวอ้อมค้อม รีบบอกมาเถิดว่าข้างในบรรจุโอสถระดับเทพอยู่ใช่หรือไม่?”
“โอสถระดับเทพนั้นมีคุณสมบัติใดกัน?”
“หากเป็นพวกโอสถฟื้นฟูปราณระดับเทพก็ถือว่าคู่ควรกับคำว่าชั้นเลิศ!”
ผู้จัดการประมูลครั้งนี้ไม่กล้าอ้อมค้อมอีกต่อไป เพราะเกรงว่า หากอ้อมค้อมต่อไปอีก หัวของตนคงจะหลุดออกจากบ่าเป็นแน่
“ภายในขวดทั้งสามมิได้บรรจุโอสถฟื้นฟูปราณระดับเทพ แต่เป็นชาแปลงกายปีศาจสิงโตเก้าหาง!”
ศิลาสะท้อนภาพถูกฉายขึ้น ภาพที่ปรากฏคือ กระบวนการทั้งหมดของปีศาจหมายเลขสองที่กำลังทดลองสมบัติ
ปีศาจหมายเลขสองดื่มชาแปลงกายปีศาจสิงโตเก้าหาง ร่างกายพลันแปรเปลี่ยนเป็นสิงโตสีดำสนิทตัวมหึมา หางทั้งเก้าที่อยู่ด้านหลังเป็นสีขาวบริสุทธิ์ มันอ้าปากแยกเขี้ยวคำรามไปยังศิลาสะท้อนภาพ ภายในห้องสมบัติปรากฏพายุโหมกระหน่ำ โต๊ะเก้าอี้แหลกละเอียดเป็นผุยผง ในชั่วพริบตาหางทั้งเก้าก็กลายเป็นหนามแหลม พุ่งเข้าใส่ปีศาจหมายเลขหนึ่งที่ยืนตกตะลึงอยู่ข้าง ๆ
ขณะที่ปีศาจหมายเลขหนึ่งเฝ้ามองภาพบันทึกเหตุการณ์อย่างพินิจพิเคราะห์ สายตาของมันพลันจับจ้องไปยังร่างที่ถูกพันธนาการเอาไว้ บัดนี้ร่างกายของมันเต็มไปด้วยบาดแผลสาหัส ความจริงแล้วมันสามารถหลบเลี่ยงการโจมตีในครั้งนั้นได้อย่างง่ายดาย แต่ไม่ทราบเหตุใดในยามนั้นกลับรู้สึกราวกับว่าสองเท้าถูกตอกตรึงไว้กับพื้น ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงที่จะขยับเขยื้อน ได้แต่มองดูหางทั้งเก้าสีขาวบริสุทธิ์พุ่งทะลุร่างกายของมันก่อนจะถูกกระแทกเข้ากับกำแพงอย่างแรง
กลิ่นคาวเลือดที่โชยตลบอบอวลปลุกเร้ากระแสโลหิตในกายให้พลุ่งพล่าน มันฝืนทนความเจ็บปวด พลิกกายลุกขึ้นยืน แล้วพุ่งเข้าประจันหน้ากับสิงโตเก้าหางทันที
น่าเสียดายที่มันกลับกลายเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ หากมิใช่เพราะพลังการรักษาที่แข็งแกร่ง เขาคงตายไปนานแล้ว
ปุ่มที่ 2 ใน 4 ความคิดเห็น
ปุ่มที่ 3 ใน 4 ตอนก่อนหน้า
ปุ่มที่ 4 ใน 4 ตอนถัดไป
0
เมื่อนึกถึงเรื่องราวในอดีต ปีศาจตนนั้นยังคงรู้สึกหวาดหวั่นไม่หาย ใจหนึ่งรู้สึกภาคภูมิใจที่ตนเองกล้าต่อกรกับสิงโตเก้าหาง และยิ่งไปกว่านั้น สิงโตเก้าหางตนนั้นยังเป็นถึงสิงโตเก้าหางหางขาวที่สืบเชื้อสายบรรพบุรุษอีกด้วย!
วีรกรรมครั้งนี้ช่างน่าจารึกไว้ให้เล่าขานยิ่งนัก!
ในขณะที่ปีศาจหมายเลขสองกลับคร่ำครวญด้วยความเสียดาย หากมันมีพลังแข็งแกร่งกว่านี้ มันคงสามารถคำรามจนหอประมูลกลายเป็นซากปรักหักพัง หรืออาจจะ…
“ชาแปลงกายสิงโตเก้าหางหาใช่เพียงสืบทอดพลังอันแข็งแกร่งให้แก่ผู้ครอบครองชั่วคราวเท่านั้น แต่มันยัง…”
“ว่าอย่างไรนะ?!”
“เจ้าพูดเช่นไรนะ สืบทอดพลัง!?”
เดิมทีเหล่าผู้ยิ่งใหญ่ไม่ค่อยให้ความสนใจในวัตถุชนิดนี้นัก แต่หากกล่าวว่ามันสามารถทำให้พวกมันได้รับพลังบางส่วนจากสิงโตเก้าหางแล้ว คงจะละเลยมิได้เป็นแน่!
“เจ้ายังได้รับการสืบทอดด้วยหรือ?” หลิงเยว่ถามด้วยความงุนงงไปยังปีศาจหมายเลขสอง
“เจ้าสร้างมันขึ้นมาเอง ไม่รู้หรือว่าสามารถสืบทอดบางส่วนได้?” ปีศาจหมายเลขสองย้อนถามด้วยความสับสนยิ่งกว่า
“เจ้าได้รับการสืบทอดอะไรมา?” หลิงเยว่ถามต่อ
“เคล็ดวิชาบางส่วน…” ปีศาจหมายเลขสองพูดได้ครึ่งประโยค เงาดำก็ฉวยตัวเขาไปต่อหน้าต่อตาทุกคน!
หลิงเยว่ “???”
กลิ่นอายของเงาดำนั้นคุ้นเคยอยู่บ้าง ดูเหมือนจะเป็นกลิ่นอายของสิงโตเก้าหาง?
หัวใจของหลิงเยว่เต้นระรัวด้วยความกังวล เจ้านั่นถูกลักพาตัวไปแล้ว แล้วนางจะรอดหรือ?
อย่าหวังเลยว่าพวกปีศาจจะรักษาความลับได้ เขาคงไม่ลังเลที่จะทรยศนางแน่!
จะทำอย่างไรดี?
สิ่งแรกที่หลิงเยว่คิดคือ ไปหาโม่จวินเจ๋อที่อยู่ในร่างสนมปีศาจที่สี่เพื่อขอความคุ้มครอง แต่นางทำไม่ได้ เพราะมันจะเปิดเผยตัวตนของเขา ถ้าเป็นเช่นนั้นคงไม่ใช่แค่ถูกสิงโตเก้าหางไล่ล่าเท่านั้น คาดว่าทั้งเขตแดนปีศาจคงจะออกตามล่านางแน่
ดวงตากลมโตสีทองแดงของนางกลอกไปมา บังเอิญเหลือบไปเห็นห้องที่นางถูกพาตัวเข้ามาในตอนนั้น นางไม่รู้ว่าเจ้าปีศาจกระทิงตนนั้นใช้วิธีใดกัน ขนาดแหวนเร้นกายของนางยังทำไม่ได้เลย!
นางต้องไปหาเขาเพื่อแก้วิชาพรางตัวนี้ก่อน!
ครั้งนี้หลิงเยว่จะไม่ลังเลที่จะใช้พลังวิญญาณอย่างแน่นอน จะต้องพรางตัวทั้งหมด รวมทั้งกลิ่นอายด้วย!
“ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งร้อยล้านหินปีศาจ!”
สิ้นเสียงประกาศของผู้จัดการประมูล ก็มีคนเสนอราคาขึ้นมาทันที
หลิงเยว่ซึ่งควรจะมีความสุขกลับมีสีหน้าบูดบึ้ง แล้วแอบย่องไปยังห้องนั้นทันที ตอนนี้นางต้องหนีก่อน หินปีศาจหรือเมล็ดพันธุ์ปีศาจก็ไม่สำคัญเท่ากับชีวิต!
การขายทักษะสืบทอดก็เหมือนกับการฆ่าพ่อแม่และสังหารคนทั้งตระกูล หากสิงโตเก้าหางสองตัวที่เหลืออยู่ในเขตแดนปีศาจรู้เข้า พวกมันจะต้องตามล่านางอย่างแน่นอน
หลิงเยว่อยากจะร้องไห้ ประเด็นคือ นางไม่รู้จริง ๆ ว่าเหตุใดชาแปลงกายที่ปรุงครั้งนี้จึงมีพลังสืบทอดติดมาด้วย!
[เพราะเจ้าซื้อสิงโตเก้าหางที่ตายแล้วมา จึงได้พลังสืบทอดที่หลอมรวมอยู่ในเลือดและไขกระดูกของมันมาด้วย]
ถ้าพูดเช่นนี้ คงเป็นเพราะชาแปลงกายของสัตว์เทพโบราณที่หลิงเยว่ปรุงก่อนหน้า ล้วนใช้เลือดของสัตว์ที่ยังมีชีวิตอยู่ จึงไม่มีพลังสืบทอดใด ๆ
“เหตุใดเจ้าจึงไม่บอกข้าแต่แรก!”
[ดวงตาของเจ้าเองก็บอดสนิทมิใช่หรือ? ในคำแนะนำก็อธิบายชัดเจนอยู่แล้ว]
หลิงเยว่ “…”
คำแนะนำตั้งหลายร้อยหน้า นางยังต้องอ่านทีละตัวอักษรด้วยหรือ?
เอาเถิด โทษระบบไม่ได้หรอก เป็นความผิดของนางเองที่ไม่รอบคอบ
ไม่สิ! ต้องโทษระบบ! เลือดที่มีพลังสืบทอดเช่นนี้ เหตุใดจึงขายราคาถูกขนาดนั้นเล่า! แม้แต่อสรพิษเก้าเศียรก็ขายตั้งสามพันล้าน ทั้งที่สิงโตเก้าหางแข็งแกร่งกว่าด้วยซ้ำ!
ระบบต้องหลอกนางแน่ ๆ!
หลิงเยว่บ่นพึมพำมาถึงหน้าห้องรับรอง ยังไม่ทันได้เคาะประตู ประตูก็เปิดต้อนรับนางทันที พอนางเดินเข้าไป ประตูก็ปิดสนิท
ในห้องรับรองนอกจากจะมีราชาปีศาจกระทิงที่กำลังกินดื่มอย่างเอิกเกริกเพิ่มขึ้นมาแล้ว ที่เหลือก็เป็นคนหน้าคุ้นทั้งนั้น
“เอ๊ะ?”
ผู้อาวุโสกระทิงที่กำลังกินดื่มอย่างเมามันและหลิงเยว่ต่างอุทานขึ้นพร้อมกัน
ฝ่ายแรกสงสัยว่าในตระกูลของตนไม่น่าจะมีคนรุ่นหลังที่หน้าตาโดดเด่นเช่นนี้ ส่วนฝ่ายหลังสงสัยว่าทำไมปีศาจกระทิงถึงได้กินอาหารวิเศษของปีศาจเช่นนี้
เผ่าปลาหมัวอินเปิดตลาดแล้วหรือ?
“มีธุระอะไร?” ผู้นำกระทิงหรือราชาปีศาจกระทิงถามเสียงเย็น
หลิงเยว่รีบพูดถึงเรื่องสำคัญทันที
“อีกหนึ่งเดือนจะคลายออกเอง”
ในชั่วขณะนั้น หลิงเยว่ได้ลิ้มรสชาติของคำว่าฟ้าถล่มดินทลายเข้าเสียแล้ว นางกอดความหวังสุดท้ายไว้ ถามอย่างระมัดระวัง “ช่วยคลายให้ข้าเลยไม่ได้หรือ?”
“ไม่ได้”
ผู้นำกระทิงจ้องมองด้วยแววตาเอ็นดูปนสงสัย เหตุใดนางจึงไม่ปลาบปลื้มยินดีที่เขายอมให้ยืมร่างปีศาจกระทิงเล่า?
หลิงเยว่ทรุดกายลงกับพื้น ร่ำไห้ออกมาด้วยความทุกข์ใจ ชีวิตนางช่างอาภัพนัก!
ทุกคนในที่นั้น “เอ่อ…”
“หรือเจ้ามิใช่คนเผ่าเดียวกับพวกข้า?”
ผู้อาวุโสกระทิงเผยสีหน้าเศร้าสร้อย เขาเฝ้าคิดมาตลอดว่าจะให้หลานชายของเขาแต่งงานกับสาวน้อยผู้น่ารักเช่นนาง แม้แต่ชื่อของเหลน เขาก็คิดเอาไว้แล้ว ใครเล่าจะคาดคิดว่านางมิใช่ปีศาจกระทิงตัวจริง
เขายังไม่ทันร้องไห้ แล้วเหตุใดนางต้องร้องไห้ด้วยเล่า?
ทันทีที่หลิงเยว่ก้าวเข้าไปในห้อง เงาสีดำก็ปรากฏกายต่อหน้านางดังคาด
“ปีศาจกระทิงที่นั่งอยู่ตรงนี้หายไปไหน?”
ปีศาจหมายเลขหนึ่งที่ถูกถามเพิ่งรู้สึกตัวว่าหลิงเยว่หายไปเสียแล้ว นางกำลังตรวจดูข้าวของอยู่ แล้วก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยเลยหรือ?
“ม… ไม่ทราบ”
เมื่อเผชิญหน้ากับปีศาจเคราขาวผู้ดูใจดีเบื้องหน้า จู่ ๆ ปีศาจหมายเลขหนึ่งกลับพูดติดขัดขึ้นมา
สิงโตเก้าหางวางมือลงบนเก้าอี้ที่หลิงเยว่เคยนั่ง จากนั้นไม่นานก็พบร่องรอย
ก๊อก ก๊อก ก๊อก…
ชั่วขณะที่เสียงเคาะประตูดังขึ้น หัวใจของหลิงเยว่แทบหยุดเต้น!
มาเร็วเพียงนี้เชียวหรือ?!
นางรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหลบซ่อนอยู่ด้านหลังผู้นำวัว
หากถูกจับตัวไปเค้นถามเรื่องมรดก นางมิได้หวาดกลัว แต่สิ่งที่นางกลัวคือการถูกใช้วิชาค้นวิญญาณ ซึ่งวิชาค้นวิญญาณของเผ่าปีศาจนั้นชั่วร้ายยิ่งนัก ทรมานยิ่งกว่าความตายเสียอีก!
ประตูถูกเปิดออกโดยสาวงามเผ่างู
“ท่าน… เหตุใดจึงมาที่นี่?”
น้ำเสียงเช่นนี้ ดูเหมือนจะรู้จักกันกระมัง?
หลิงเยว่ค่อยคลายใจลงเล็กน้อย แต่ไม่นานนักใจก็กลับมาเต้นระทึกอีกครั้ง!
สิงโตเก้าหางมิได้ตอบสิ่งใดกับนางพญางู ทว่ากลับมุ่งตรงไปหาหลิงเยว่ทันที!
……….