ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 359 เจ้ายังจะหัวเราะออกมาได้อีกรึ!
บทที่ 359 เจ้ายังจะหัวเราะออกมาได้อีกรึ!
……….
บทที่ 359 เจ้ายังจะหัวเราะออกมาได้อีกรึ!
ชิงหลงทรยศงั้นรึ?!
ผู่ตานที่ได้รับข่าวคราวถึงกับเป็นใบ้ ชิงหลงจะทรยศได้อย่างไร!
เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!
“ข้าจะออกไปข้างนอก!”
ผู่ตานจำเป็นต้องไปยืนยันกับมังกรตนนั้นที่หุบเขาปีศาจว่าเป็นมังกรที่ตนรู้จักหรือไม่
“ไปไหน?” ในขณะที่ผู่ตานเร่งร้อน สนมปีศาจที่หกกลับสงบนิ่ง
“ไปหุบเขาปีศาจ ข้าบอกเจ้าไว้ก่อน หากครานี้เจ้าขัดขวางข้าอีก สิ่งที่เจ้าจะได้ก็คือศพ…”
“ไปสิ”
ผู่ตานไม่ทันได้เอ่ยคำหลังออกมา สนมปีศาจที่หกก็อนุญาตเสียแล้ว แถมยังลุกขึ้นยืนอีก “ข้าจะไปกับเจ้าด้วย”
ก่อนที่ผู่ตานจะทันได้เอื้อนเอ่ยวาจา ร่างของเขาก็ถูกดึงเข้าไปในรอยแยกมิติในพริบตา
ในเวลาเดียวกัน หัวหน้าตะขาบมรกตและฮวนฮวนซึ่งได้ยินข่าวนี้ ต่างจ้องหน้ากัน จากคำบอกเล่าเรื่องมังกร เห็นว่าชิงหลงที่กำลังจะกลายเป็นมังกรปีศาจตัวที่สอง ดูเหมือนจะเป็นคนที่พวกเขารู้จัก…
“พวกเราแอบไปที่หุบเขาปีศาจต้องห้ามเพื่อเกลี้ยกล่อมชิงหลงดีหรือไม่?”
ฮวนฮวนขมวดคิ้วเล็กน้อย
หัวหน้าตะขาบมรกตมองฮวนฮวนอย่างจนใจ
เรื่องแบบนี้เกลี้ยกล่อมได้หรือ?
ถ้าจะกลายเป็นมังกรปีศาจก็ให้เป็นไปเถอะ มีอะไรน่าตื่นเต้นกัน รอให้เขาพบมรดกที่หายไปในอนาคต เขาก็ไม่ด้อยไปกว่ามังกรหรอก!
เห็นหัวหน้าตะขาบมรกตไม่พูด ฮวนฮวนจึงเปลี่ยนเรื่อง “ไม่รู้ว่าอาจารย์ซ่อนอยู่ที่ไหน ฮวนฮวนไม่อาจสัมผัสกลิ่นอายของนางได้เลย”
ไม่ต้องพูดถึงฮวนฮวน แม้แต่หัวหน้าตะขาบมรกตก็ไม่รู้สึกแม้แต่น้อย หรือเจ้ามนุษย์เปราะบางจะตายไปแล้ว?
แต่ถ้านางตายแล้ว ชาแปลงกายนั่นจะเกิดขึ้นได้อย่างไร?
ทั้งตะขาบและดอกไม้ต่างมองออกไปนอกหน้าต่างพร้อมใจกันคิดแผนหลบหนี แม้จะไม่ได้ไปเกลี้ยกล่อมชิงหลง ก็ต้องไปหาหลิงเยว่ให้ได้
ทว่าเพิ่งจะก้าวพ้นสวนดอกไม้ ก็มีกองทัพปีศาจล้อมพวกเขาไว้เสียแล้ว
ทั้งสองได้แต่สบตากันเลิ่กลั่ก “…”
การหลบหนีครั้งที่ร้อยล้มเหลว…
ฝ่ายหลิงเยว่ ผู้ซึ่งอยู่ในความคิดของทั้งสอง ตอนนี้ได้ออกจากด่านไปแล้ว นางอยู่ในสภาพอิดโรย ผมเผ้ากระเซิง ดวงตาทั้งสองข้างคล้ำราวกับถูกใครต่อยมา อีกทั้งยังดูไร้วิญญาณ นั่งเหม่อลอยอยู่หน้าบ่อลงทัณฑ์ ราวกับกำลังครุ่นคิดถึงชีวิตที่ผ่านมา
สามเดือนผ่านไป หัวอันใหญ่โตของนางได้อันตรธานหายไป เผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริง สร้างความตกตะลึงแก่ผู้อาวุโสเผ่ากระทิงเป็นอย่างยิ่ง
“เจ้าช่างเป็นมนุษย์ที่สกปรกที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบเห็น” ผู้อาวุโสเผ่ากระทิงเอ่ย ขณะกัดกินไก่ย่าง ก่อนจะขยับตัวออกห่างจากหลิงเยว่ ด้วยกลิ่นกายของนางช่างรุนแรง แม้แต่ไก่ย่างหอมกรุ่นก็ไม่อาจกลบได้
หลิงเยว่หันศีรษะกลับมาอย่างเชื่องช้า “ท่านผู้อาวุโส ท่านรู้หรือไม่ว่าท่านหัวหน้าเผ่าของท่านจะมาที่ทะเลสาบเมื่อใด?”
“ตอนนี้นางกำลังยุ่งอยู่กับการบุกโจมตีหุบเขาปีศาจ คงยังไม่มีเวลา”
“หุบเขาปีศาจ?” หลิงเยว่เอ่ยอย่างใคร่รู้
นางจึงได้รู้ว่าโม่จวินเจ๋อถูกเผ่าทิงมี่แย่งชิงเมล็ดพันธุ์ปีศาจ ระหว่างที่ชิงหลงกำลังเตรียมตัวเป็นมังกรปีศาจตัวที่สอง
หลิงเยว่หัวเราะออกมา
“เจ้าหัวเราะเรื่องอันใด นั่นคือมังกรปีศาจตัวที่สองนะ ตอนนี้เจ้าควรคิดหาทางกำจัดชิงหลงเสียก่อนที่มันจะกลายเป็นมารโดยสมบูรณ์!”
หลิงเยว่หัวเราะอีกครา เสียงหัวเราะของนางช่างแฝงไว้ด้วยความองอาจและไม่ยี่หระ จนทำให้ผู้อาวุโสกระทิงผู้กำลังหดหู่ใจยิ่งหดหู่ใจหนักกว่าเดิม
มนุษย์ผู้นี้คงสิ้นหวังแล้วกระมัง ถึงได้แต่หัวเราะกลบเกลื่อน?
มังกรตัวเดียวยังรับมือยากลำบาก หากเพิ่มมาอีกตัว คงไม่แปลกที่จะสิ้นหวังถึงเพียงนี้
“ไม่มีอันใดหรอก”
ในเวลานี้ หลิงเยว่ยังไม่อยากปริปากบอกเรื่องของโม่จวินเจ๋อและชิงหลงออกไป ตอนนั้นนางเพียงแอบส่งจดหมายให้ผู้อาวุโสกระทิง บอกให้เผ่ามนุษย์อย่าเพิ่งมีเรื่องกับมังกรปีศาจก็เท่านั้น
เรื่องนี้คงทำให้โม่จวินเจ๋อลำบากใจไม่น้อย
ไม่รู้ว่าผู้อาวุโสกระทิงจะรับฟังหรือไม่
เพราะหากเกิดการปะทะกันขึ้นมาจริง ๆ แล้ว โม่จวินเจ๋อผู้นั้นจะเลือกข้างใด?
ตอนนี้ได้เบาะแสเรื่องเมล็ดพันธุ์ปีศาจแล้ว แถมยังได้ข่าวคราวของชิงหลงโดยบังเอิญ นางจึงคิดจะเข้าบำเพ็ญเพียรอีกครั้ง ชาแปลงกายสิงโตเก้าหางของนางพลาดเป้าหมายไป คงเป็นเพราะเนื้อที่ระบบขายให้ไม่ได้คุณภาพเป็นแน่
มิใช่ความผิดของนางแม้แต่น้อย!
ผู้อาวุโสเผ่ากระทิงจ้องมองหลิงเยว่ที่เข้าสู่การบำเพ็ญเพียรอย่างเหม่อลอย มือข้างหนึ่งฉีกเนื้อเข้าปาก เคี้ยวตุ้ย ๆ มนุษย์ผู้นี้ช่างใจกว้างนัก ยามนี้แล้วยังมีกะจิตกะใจบำเพ็ญเพียรอีกหรือ!
เอาเถิด นางเพิ่งอยู่ในขอบเขตทะยานเซียน การเพิ่มพูนพลังย่อมเป็นสิ่งสำคัญ การไปยังหุบเขาปีศาจก็ไม่ต่างอะไรกับการไปตาย
ผู้อาวุโสเผ่ากระทิงปลอบใจตนเอง ก่อนจะไปเยี่ยมเยียนสิงโตขนเงินเช่นทุกวัน หากไม่ได้กินของอร่อยต่อหน้ามันสักวัน เขาคงจะทรมานใจยิ่งนัก
ภายในถ้ำบำเพ็ญเพียร งูหลามยักษ์สีแดงเลือดอ้าปากกว้าง หันหน้ามาทางหลิงเยว่
หลิงเยว่โยนไก่ทอดเข้าไปในปากของมัน ก่อนจะลูบหัวเบา ๆ “พี่ชาย ท่านช่วยชีวิตข้าไว้ ข้าไม่ต้องการให้ท่านทดแทนบุญคุณด้วยร่างกาย หรือเอาชีวิตเข้าแลกหรอก ขอเพียงแค่ท่านแบ่งเนื้อมาให้ข้าสักสองสามชิ้นก็พอ ได้หรือไม่?”
อสรพิษจอมเขมือบผงกหัวเข้าใจ มันคายไก่ทอดที่เพิ่งกลืนลงท้องออกมาคืนหลิงเยว่ จากนั้นร่างของมันก็ค่อย ๆ เล็กลงจนกระทั่งเลื้อยกลับเข้าไปอยู่ในถุงสัตว์วิญญาณ
หลิงเยว่ได้แต่ทำหน้างุนงง
ทันใดนั้นระบบก็ปล่อยเสียงหัวเราะเยาะหยันออกมา
“เจ้ายังกะมีหน้ามาหัวเราะข้า ข้าไม่เอาความก็นับว่าใจดีมากแล้ว!”
“ระบบ บอกข้ามาเถิด เหตุใดครั้งนี้ข้าจึงล้มเหลว?”
[เพราะเจ้าตาบอดไง]
“หา?”
นางไม่เข้าใจ หรือว่าความล้มเหลวครั้งนี้ มิใช่เพราะเนื้อไม่ดี สูตรไม่ดี หรือฝีมือไม่ดี หากแต่เป็นเพราะนางตาบอด?
นางไม่ได้ตาบอด!
หลิงเยว่ที่กำลังครุ่นคิดอย่างจริงจัง พลางเปิดร้านค้าของระบบ แล้วอ่านคำอธิบายเกี่ยวกับเนื้อสิงโตเก้าหาง จากนั้นก็เห็นด้วยกับคำพูดของระบบ นางตาบอดจริง ๆ แต่ว่า!
“ระบบ เนื้อที่ไม่มีพลังสืบทอด เจ้ามีหน้ามาขายแพงขนาดนี้ได้อย่างไร!?”
[เจ้าไม่ได้ก้าวข้ามจากขั้นต้นของการแปลงกายไปสู่ขั้นกลางหลังจากกินเนื้อหรอกหรือ?]
รสชาติของเนื้อสัตว์อสูรระดับราชาที่แปลงกายได้อร่อยไม่ใช่หรือ?
คำถามสองข้อติดกันทำให้หลิงเยว่พูดไม่ออก
การก้าวข้ามนั้นเกิดขึ้นจริง แต่ถือว่ายังขาดทุน หากนางใช้ค่าพลังวิญญาณซื้อการบำเพ็ญเพียรไปถึงขั้นกลาง คงไม่ต้องใช้ถึงห้าหมื่นล้านหรอก!
แต่รสชาติของสัตว์อสูรระดับราชานั้นอร่อยกว่าเนื้อทั้งหมดที่นางเคยกินมา ตอนนี้เมื่อนึกย้อนกลับไป นางถึงกับมีแรงกระตุ้นที่จะใช้ค่าพลังวิญญาณที่เหลือทั้งหมดซื้อเนื้อมาทำกินอีก!
แรงกระตุ้นนี้ถูกหลิงเยว่กดลงอย่างรวดเร็ว เพราะนางต้องใช้ค่าพลังวิญญาณให้คุ้มค่าที่สุด!
เมื่องูตัวนั้นไม่ยอม นางจะไปลองหาผู้อาวุโสกระทิงดีหรือไม่?
“ครั้งนี้เจ้าออกจากการปิดตัวได้เร็วทีเดียว”
ผู้อาวุโสกระทิงเพิ่งกินไก่ย่างหมดตัวที่สิบ หลิงเยว่ก็มาถึงแล้ว
หลิงเยว่ ยิ้มประจบเอาใจพลางลากผู้อาวุโสกระทิงไป “ท่านผู้อาวุโส ข้าขอปรึกษาเรื่องหนึ่งได้หรือไม่?”
ยังไม่ทันได้พูดเรื่องอะไร หลิงเยว่ก็นำอาหารทั้งหมดที่มีติดตัวออกมา กล่องอาหารกองเป็นภูเขา ทำเอาผู้อาวุโสกระทิงตาเหลือก
แค่นั้นยังไม่พอ หลิงเยว่เปิดกล่องอาหารทีละใบ กลิ่นหอมพุ่งตรงเข้าจมูกผู้อาวุโสกระทิง ไก่ย่างในมือพลันหมดความน่าสนใจไปทันที
“มีเรื่องอะไร ข้าจะช่วยเจ้าแน่นอน!” ผู้อาวุโสกระทิงปิดฝากล่องทีละใบแล้วเก็บเข้าแหวนมิติของตน ที่นี่มีอาหารให้กินทุกวัน แต่ไม่มีอะไรเทียบได้กับฝีมือของหลิงเยว่
นางทำด้วยมือตัวเอง แม้จะเป็นอาหารชนิดเดียวกันก็ยังอร่อยกว่าที่ปลาหมัวอินทำเสมอ ถึงให้บรรยายว่าต่างกันตรงไหนก็พูดไม่ถูก แต่มันต่างกันจริง ๆ!
“ท่านต้องสัญญาก่อนว่า เมื่อฟังแล้วจะไม่ลงมือกับข้า”
ผู้อาวุโสกระทิงที่กำลังเก็บกล่องอาหารชะงักมือ ทำสีหน้าเหมือนรู้ว่าต้องมาถึงจุดนี้สักวัน
“เจ้าอยากจะลงมือกับเนื้อกระทิงแล้วสินะ?”
“ข้าสามารถแบ่งเนื้อกระทิงให้เจ้าได้ส่วนหนึ่ง” ผู้อาวุโสกระทิง กล่าวอย่างเจ็บปวดที่ต้องขายหลานตัวเอง ก่อนจะเก็บกล่องใส่อาหารต่อไป
“มิใช่เช่นนั้น ข้าย่อมอยากลิ้มลองเนื้อควายป่าจริง” หลิงเยว่พูดพลางถอยหลัง จนกระทั่งถึงระยะที่ปลอดภัยแล้วจึงเอ่ยต่อ “แต่เนื้อกระทิงน้อยข้ามิสนใจ เนื้อของท่านก็ไม่ค่อยน่าสนใจนัก ดังนั้นพอจะมีเนื้อกระทิงที่บรรลุขั้นแปลงกายของเผ่าพวกท่านแบ่งให้ข้าได้หรือไม่?”
“ว่าอย่างไรนะ!” ผู้อาวุโสกระทิงคำราม