ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 375 พวกข้าจะคอยดูอยู่เฉย ๆ
บทที่ 375 พวกข้าจะคอยดูอยู่เฉย ๆ
……….
บทที่ 375 พวกข้าจะคอยดูอยู่เฉย ๆ
ไข่มุกมังกรที่จากไปได้กลับคืนสู่ร่างของชิงหลงอย่างครบถ้วน ใบหน้าซีดเผือดของนางกลับเปล่งปลั่งมีเลือดฝาดอย่างรวดเร็ว ดวงตาที่ปิดสนิทขยับเล็กน้อย ก่อนจะลืมตาแล้วลุกขึ้นนั่ง
ชิงหลงลูบบาดแผลที่ถูกเมล็ดพันธุ์ปีศาจแทรกซึม แต่กลับไม่พบร่องรอยการบาดเจ็บใด ๆ จากนั้นนางจึงเปิดแขนเสื้อออก รอยดำบนท่อนแขนก็หายไปเช่นกัน บาดแผลภายในพลันหายเป็นปลิดทิ้ง ยิ่งไปกว่านั้น…
ชิงหลงกำหมัดแน่น นางรู้สึกได้ว่าพลังของนางแข็งแกร่งขึ้น!
มุมปากของนางยกขึ้นอย่างไม่รู้ตัว สายตาเหลือบมองไปที่หัวหน้าเผ่ากระทิงงามกับปลาหนามปีศาจที่ยังคงหมดสติอยู่ ทำให้รู้สึกยินดียิ่งขึ้น เพราะทั้งสองถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีทอง ดอกไม้ปีศาจบนร่างกายถูกชำระล้างจนสะอาดหมดจด แต่ชิงหลงรู้ว่าภายในร่างกายของพวกนางยังคงมีอยู่ หากต้องการกำจัดออกจนหมดสิ้น อาจต้องนอนพักรักษาตัวเป็นเดือน
“เจ้า… เจ้าหายดีแล้วหรือ?!” ผู้อาวุโสเผ่ากระทิงชี้ไปที่ชิงหลง แล้วชี้ไปที่ผู้นำเผ่ากระทิงงามและปลาหนามปีศาจที่กลายพันธุ์ พวกเขาต่างกินชาสืบทอดวิญญาณพร้อมกัน แต่ทำไมมังกรตนนี้ถึงหายดี จนกระโดดโลดเต้นได้แล้ว?
ยิ่งไปกว่านั้น ไข่มุกมังกรของนางยังหายไปเป็นเวลานาน แม้จะไม่ใช่คนสุดท้ายที่ฟื้น แต่ก็น่าจะช้ากว่าผู้นำเผ่าของเขาสิ!
ชิงหลงเชิดหน้าอย่างหยิ่งผยอง
เหล่าปีศาจอสูรทั้งสองต้องนอนพักรักษาตัวเป็นเดือน แต่ผู้สืบทอดต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์อาจต้องนอนนานกว่านั้น แต่เมื่อรู้สึกได้ว่าลมหายใจของหลิงเยว่กลับมาเป็นปกติ ชิงหลงก็คลายความกังวลลงไปมาก
“นางกลืนกินเมล็ดพันธุ์ปีศาจสำเร็จแล้วหรือ?”
ชิงหลงเหลือบมองอดีตผู้นำเผ่าที่เอ่ยถาม ก่อนจะส่ายหน้า “ยังไม่สำเร็จหรอก แต่คงอีกไม่นาน”
“แต่นางเป็นเพียงมนุษย์ ผลของการกลืนกินเมล็ดพันธุ์ปีศาจ ท่านก็รู้ไม่ใช่รึ?”
บางทีหลิงเยว่อาจกลายเป็นมารก็ได้!
อดีตผู้นำเผ่าร้อนใจยิ่งนัก ปีศาจตนก่อนยังไร้ซึ่งร่างมนุษย์ จึงรับมือได้ง่าย หากหลิงเยว่กลายเป็นมารขึ้นมา การรับมือคงยากลำบากยิ่งนัก!
“ตอนนั้น พวกเจ้าไม่น่าขัดข้าเลย”
ในที่สุดหัวหน้ากระทิงก็เอ่ยสิ่งที่อัดอั้นมานาน
“พวกข้ายอมรับว่าขัดเจ้า แต่พวกข้าก็ช้าไปก้าวหนึ่งไม่ใช่รึ? สิ่งที่อยู่ในร่างมนุษย์นั่นต่างหากที่ขัดขวางไว้!”
ผู้อาวุโสกระทิงเองก็สุดทน!
“อีกอย่าง หากนางกลายเป็นมารก็เป็นเรื่องดีมิใช่หรือ? วันข้างหน้า พวกเราอาศัยนางบุกเหวปีศาจได้!”
“เจ้ากล้ารับประกันหรือ เมื่อกลายเป็นมารแล้ว นางจะยังคงอยู่ข้างพวกเราเช่นนี้?”
“ผู้ใดเป็นพวกเดียวกับเจ้า! ตั้งแต่ที่เจ้าลงมือกับมนุษย์ผู้นี้ พวกเจ้าคือเผ่ากระทิงของพวกเจ้า!”
“หมายความว่าอย่างไร?”
ผู้อาวุโสเผ่ากระทิงกับหัวหน้ากระทิงต่างโต้เถียงกันไปมา ทำให้ผู้อื่นไม่สามารถพูดอะไรได้เลย
ชิงหลงรำคาญเสียงอึกทึก จึงสะบัดแขนเสื้อ เพียงพริบตาเดียว คนทั้งสองที่กำลังโต้เถียงกันอย่างดุเดือดก็ถูกปัดปลิวออกไป พื้นที่ตรงนั้นจึงกลับสู่ความสงบอีกครั้ง
“พวกเจ้าไม่มีสิ่งใดก็จงไปเสีย ที่นี่ข้าเพียงผู้เดียวก็เพียงพอแล้ว”
มหาปุโรหิตผู้มีสีสันสดใสซึ่งทำตัวล่องหนได้แต่นั่งยอง ๆ โดยไม่มีท่าทีว่าจะจากไป
เขาคิดว่าหลังจากที่สามารถแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้อย่างสมบูรณ์แล้ว อย่างน้อยน่าจะพูดกับผู้ยิ่งใหญ่ได้สักคำสองคำ แต่ความจริงช่างโหดร้ายนัก
“พวกข้าไม่พูดแล้ว ขอเพียงเฝ้ามองก็พอ”
คำพูดของอดีตหัวหน้าเผ่าได้รับความเห็นชอบจากทุกคน พวกเขาถึงกับกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว
ภายในห้องเงียบสงัด
ทว่าเขตแดนปีศาจกลับต้องเผชิญกับความปั่นป่วน เมื่อทั้งชิงหลงและผู้นำเผ่าทิงมี่หายตัวไปพร้อมกัน
โม่จวินเจ๋อพยายามส่งเสียงตามหาชิงหลงครั้งแล้วครั้งเล่า แต่กลับไร้วี่แวว
“ข้าจะไปครู่หนึ่ง พวกเจ้าจงเฝ้าที่นี่ไว้ให้ดี” โม่จวินเจ๋อไม่เปิดโอกาสให้เหล่าสมุนปีศาจปฏิเสธแม้แต่น้อย มุ่งหน้าออกจากหุบเหวมาร บินตรงไปยังป่าปีศาจ
เขายังจำได้ เสียงคำรามสุดท้ายของบรรพบุรุษชิงหลงดังมาจากบริเวณป่าปีศาจ หรือว่าที่นั่นชิงหลงได้พบกับหลิงเยว่ แล้วละทิ้งการตามล่าผู้นำเผ่าทิงมี่ไปแล้วกระมัง?
โม่จวินเจ๋อซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางหมู่เมฆ ปล่อยจิตมังกรออกสำรวจป่ามารทมิฬทีละน้อย ไม่นานก็พบร่องรอยของผู้ที่เขากำลังตามหา แล้วยังพบเข้ากับร่องรอยของผู้อื่นโดยไม่คาดฝัน
หัวหน้าตะขาบมรกตกับฮวนฮวน!
หัวหน้าตะขาบมรกตกับฮวนฮวนก็อยู่ในป่าเช่นกันหรือ?
ไม่ถูกต้อง… กลิ่นอายของหลิงเยว่และชิงหลงเลือนหายไปหมดแล้ว เป็นเครื่องยืนยันว่านางทั้งสองได้ออกจากป่าไปแล้ว
แล้วไปที่ใดเล่า?
โม่จวินเจ๋อตามรอยไปได้เพียงครึ่งทาง กลิ่นอายของชิงหลงและหลิงเยว่ก็หายไปโดยสิ้นเชิง แม้แต่กลิ่นอายของผู้นำเผ่าทิงมี่ก็เลือนหายไปด้วย
และทิศทางที่พวกนางหายไป… ที่นั่นคือดินแดนของปีศาจอสูรระดับสูงจำนวนไม่น้อย
โม่จวินเจ๋อไม่ได้รีบร้อนติดตามไปในทันที แต่กลับทำลายกลิ่นอายที่หลงเหลืออยู่ในป่าจนหมดสิ้น ตรวจสอบแล้วตรวจสอบอีกว่าจะไม่มีผู้ใดตามรอยไปยังทิศทางนั้นได้ จึงค่อยติดตามไป
หรือว่าหลิงเยว่จะกินปีศาจอสูรในป่าจนเบื่อแล้ว เลยอยากลองกินปีศาจอสูรระดับสูงกว่านี้…
โม่จวินเจ๋อครุ่นคิดอย่างเงียบงัน แต่ความเร็วในการเคลื่อนที่กลับไม่ช้าลงแม้แต่น้อย ไม่นานก็มาถึงดินแดนของปีศาจอสูรระดับสูงบางส่วน
หากเขาเป็นหลิงเยว่ เขาจะเลือกวัตถุดิบชนิดใดเป็นอันดับแรก?
เผ่ากระทิง!
ถึงอย่างไรเผ่ากระทิงก็ร่ำรวยพอ ในโลกผู้บำเพ็ญนางชอบหินวิญญาณ ส่วนในเขตแดนปีศาจนางก็ชอบหินปีศาจ หลิงเยว่มีโอกาสสูงที่จะเลือกเผ่ากระทิง!
“สนมปีศาจที่สี่มาแล้ว!”
“ขะ… ข้าขอต้อนรับสนมปีศาจที่สี่!”
โม่จวินเจ๋อปรากฏตัวที่เผ่ากระทิงในฐานะสนมปีศาจที่สี่ สร้างความตื่นตะลึงให้กับเผ่ากระทิงอย่างใหญ่หลวง
“เหตุใดมังกรปีศาจจึงมากะทันหันเช่นนี้?!”
“เป็นเพราะชิงหลงส่งข่าวให้รู้หรือไม่?!”
ผู้อาวุโสกระทิงและหัวหน้ากระทิงที่กำลังทะเลาะกันอยู่ต่างหยุดมือพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย จากนั้นก็วิ่งแข่งกันว่าใครจะเร็วกว่า เพราะพวกเขาต้องรีบกลับไปแจ้งข่าว!
เมื่อได้ยินเสียงตะโกนของสมาชิกเผ่าจากด้านนอก อดีตหัวหน้าเผ่าก็ยื่นมือจะคว้าตัวหลิงเยว่ออกไป แต่ถูกชิงหลงห้ามปรามไว้
“ไปพาเขามาที่นี่”
“เจ้าเป็นคนส่งข่าวให้มังกรปีศาจรู้จริง ๆ!”
หัวหน้ากระทิงไม่อาจรู้ความคิดของชิงหลงได้ นางยอมมอบแม้กระทั่งไข่มุกมังกรให้หลิงเยว่ แต่เหตุใดกลับส่งข่าวให้สนมปีศาจที่สี่เช่นนี้!
หากเมล็ดพันธุ์ปีศาจตกอยู่ในเงื้อมมือของมังกรปีศาจเล่า! จะเกิดอะไรขึ้น!
ความคิดอยากทำลายหลิงเยว่ผุดขึ้นในหัวของเขาอีกครั้ง
“ใจเย็นก่อนเถิด” นางพญางูเอ่ยห้ามเสียงเบา “เจ้าลืมข้อความที่นางหลิงเยว่ฝากไว้หรืออย่างไร?”
หัวหน้ากระทิงขมวดคิ้วมุ่น บนกระดาษแผ่นนั้นมีเพียงข้อความเตือนว่าอย่าปะทะกับมังกรปีศาจ
“เจ้าหมายความว่า มังกรปีศาจกับนางรู้จักกันงั้นรึ?”
นางพญางูงามพยักหน้ารับ
“รู้จักกันแล้วอย่างไรเล่า?”
“ตอนนี้หากพวกเราลงมือ มีแต่จะพ่ายแพ้ทั้งสิ้น!”
แววตาที่นางพญางูงามมองอีกฝ่ายนั้น ประหนึ่งว่ามองคนที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน เหตุใดสติปัญญาของบุรุษผู้นี้ดูจะเหือดแห้งไปขนาดนี้เล่า?
หรือว่าเป็นเพราะผู้นำเผ่ากระทิงงามได้รับบาดเจ็บจนสลบไป จนทำให้เขาเสียสติไปแล้ว?
แต่น่าแปลก ตั้งแต่แรกเขาก็ไม่ได้ถามถึงอาการบาดเจ็บของผู้นำเผ่ากระทิงงามสักคำ
ในขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนากัน โม่จวินเจ๋อก็ตามร่องรอยพลังของชิงหลง จนเดินมาถึงห้อง
“ไม่ทราบว่าท่านมา ข้าเลยมิได้ต้อนรับ ขออภัยด้วย…” อดีตหัวหน้าเผ่ายืนขวางโม่จวินเจ๋อเอาไว้
เมื่อโม่จวินเจ๋อเห็นหลิงเยว่นอนอยู่บนกองฟาง หัวใจของเขาก็เต้นรัว!
“ใครเป็นคนทำ?”
“จะใครอีกล่ะ ก็ต้องเป็นฝีมือของเมล็ดพันธุ์ปีศาจสิ” ชิงหลงดึงอดีตหัวหน้าเผ่าที่ขวางทางออกไป “มาดูซิ ว่ามีวิธีไหนที่พอจะช่วยนางกำจัดเมล็ดพันธุ์ปีศาจออกไปได้บ้าง”
“ในมรดกของหัวใจมังกร คงต้องมีวิธีจัดการกับเมล็ดพันธุ์ปีศาจอยู่บ้างใช่ไหม?”
ประโยคหลังชิงหลงพูดด้วยภาษามังกร นอกจากโม่จวินเจ๋อแล้ว ไม่มีใครในที่นั้นเข้าใจ แต่ประโยคก่อนหน้านั้นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้พวกเขาตกตะลึง!
กำจัดเมล็ดพันธุ์ปีศาจ?
มังกรปีศาจต้องการทำลายเมล็ดพันธุ์ปีศาจ?!
จนกระทั่งโม่จวินเจ๋อนั่งลงข้างหลิงเยว่ พวกเขาก็เหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน
ไม่ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?!
……….