ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 38 หลิงเยว่ที่ถูกตราหน้าว่าเป็นคนโง่
บทที่ 38 หลิงเยว่ที่ถูกตราหน้าว่าเป็นคนโง่
บทที่ 38 หลิงเยว่ที่ถูกตราหน้าว่าเป็นคนโง่
หอกลั่นโอสถหมายเลขสาม มักจะเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของอาหารซึ่งทำให้นักกลั่นโอสถที่ผ่านไปมารู้สึกแปลกใจ
ไม่รู้ว่าลมร้ายพัดใส่ยอดเขาหลักเมื่อเร็ว ๆ นี้หรืออย่างไร ทำไมถึงได้กลิ่นหอมของอาหารจากด้านล่างภูเขาและบนยอดเขา ผู้ที่ไม่รู้ต่างคิดกันไปว่ามีโรงอาหารเปิดอยู่บนยอดเขาหลักเสียแล้ว
ก่อนที่การแข่งขันสำนักที่หลายคนรอคอยจะเริ่มต้นขึ้น หลิงเยว่ได้เตรียมอาหารวิญญาณพิเศษไว้มากมายเพื่อขาย แต่นางเพียงตั้งเป้าไว้ที่ขายให้ได้ยอดหินวิญญาณระดับต่ำสองแสนก้อนเป็นพอ
“ศิษย์น้องห้า เมื่อเข้าไปสู่มิติลับเจ้าอย่าได้ตื่นตระหนก เพียงซ่อนและรอโอกาส อย่าไว้ใจศิษย์สำนักคนอื่นง่าย ๆ จำไว้ว่าทุกคนคือคู่แข่ง และเจ้าต้องระวังนักกลั่นโอสถที่เป็นศิษย์ของรองผู้นำยอดเขาโอสถ อย่าหลงกลพวกเขาเด็ดขาด!”
เพื่อให้หลิงเยว่จดจำลูกศิษย์ของรองผู้นำยอดเขาโอสถได้ ติงหลิวหลิ่วจึงพยายามอย่างหนักในการวาดภาพทุกวัน โดยวาดคนที่จำเป็นต้องระวังที่สุดก่อน
หลิงเยว่รู้สึกประทับใจมากและจดจำใบหน้าของคนเหล่านั้นอย่างดี
หลังจากให้คำแนะนำเหล่านี้แล้วติงหลิวหลิ่วก็จากไป ศิษย์ที่อยู่ในขอบเขตสร้างรากฐานและขอบเขตกลั่นลมปราณก็ไม่ถูกส่งเข้าไปในมิติลับเช่นเดียวกัน
การแข่งขันสำนักไม่ใช่การแข่งขันแบบตัวต่อตัวบนลานประลองตามที่หลิงเยว่เคยจินตนาการไว้ แต่ศิษย์ขอบเขตกลั่นลมปราณที่ลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมในการแข่งขันสำนักจะถูกปล่อยเข้าสู่มิติลับของสำนัก พวกเขาต้องทำภารกิจให้สำเร็จในมิติลับที่สุดแสนจะอันตราย
เมื่อปีที่แล้ว ภารกิจที่แจกจ่ายให้นั้นเป็นการจำกัดระยะเวลาในการค้นหาสมุนไพร หรือไม่ก็เป็นภารกิจฆ่าสัตว์อสูรเพื่อเก็บเกี่ยวแกนอสูร แต่มีข่าวลือว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในปีนี้
การเปลี่ยนแปลงจะถูกแจ้งให้ทราบหลังจากเข้าร่วมแล้วเท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้มีศิษย์คนใดโกงได้
อารมณ์ปัจจุบันของหลิงเยว่ทั้งตื่นเต้น กังวล และยังกลัว แม้ว่าจะเป็นการแข่งขันของสำนัก ทว่าก็มีผู้คนตายทุกปี
แน่นอน ตราบใดที่ผู้ลงแข่งหักป้ายหยกเคลื่อนย้ายได้ทันเวลา คนผู้นั้นก็จะถูกเคลื่อนย้ายออกจากมิติลับทันที แต่บางครั้งดวงคนเราก็ไม่แน่นอน บางคนไม่มีโอกาสที่จะหักป้ายหยกเมื่อเผชิญกับวิกฤตด้วยซ้ำ
เมื่อหลิงเยว่ไปถึงสถานที่ตั้งประตูเคลื่อนย้ายของผู้เข้าร่วมขอบเขตกลั่นลมปราณ ศิษย์สายในและศิษย์สายนอกต่างมารวมตัวกัน และทั่วทั้งบริเวณก็เต็มไปด้วยผู้คนดูน่าตื่นตาตื่นใจ
คนมากถึงเพียงนี้ข้าจะเอาชนะพวกเขาทั้งหมดได้อย่างไร ไม่นะ! นี่มันเป็นความยากระดับนรกเลย!
หลิงเยว่ที่ค่อนข้างมั่นใจในตอนแรกกลับไม่มั่นใจอีกต่อไป
นางอยู่ที่ขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นห้าเท่านั้น!
“อย่าคิดมาก แค่ทำให้ดีที่สุด”
หลงหว่านโหรวซึ่งตามมาส่งหลิงเยว่เอ่ยเพื่อปลอบใจ
นางยังต้องเข้าร่วมในการแข่งขันสำนัก แต่การแข่งขันของศิษย์ขอบเขตจินตานจะเริ่มในอีกครึ่งเดือนหลังจากนี้
“ศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์พี่สี่อยู่ที่ใดหรือเจ้าคะ?”
หลิงเยว่คิดว่าก่อนที่การแข่งขันสำนักจะเริ่มต้นนางจะได้เห็นศิษย์พี่สี่ แต่กระทั่งตอนนี้นางก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของอีกฝ่ายเลย นางยังเตรียมของขวัญการเจอกันครั้งแรกเอาไว้ให้เขาด้วย
“เขาควรจะอยู่ที่ทางเข้ามิติลับของศิษย์ขอบเขตสร้างรากฐานแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ?”
หลิงเยว่ไม่ได้พูดอะไรต่ออีก แต่นางคิดว่าทำไมหลงหว่านโหรวเหมือนไม่ค่อยรู้เรื่องราวเกี่ยวกับศิษย์น้องสี่ของตัวเองเอาเสียเลย
“งั้นศิษย์พี่ใหญ่ช่วยมอบสิ่งนี้ให้เขาแทนข้าทีได้หรือไม่เจ้าคะ?”
หลงหว่านโหรวรับกล่องอาหารไปอย่างลังเล
“ศิษย์น้องหลิง! ศิษย์น้องหลิง!”
แต่ก่อนที่อีกฝ่ายจะวิ่งมาถึง หลิงเยว่ก็เห็นฉากที่ร่างของอีกฝ่ายถูกดูดเข้าไปสู่ประตูเคลื่อนย้ายขณะวิ่ง
หลังจากนั้นก็ดูคล้ายกับมีมือที่มองไม่เห็นจำนวนนับไม่ถ้วนดึงศิษย์ที่อยู่รอบ ๆ เข้าไปในประตูเคลื่อนย้ายทีละคน
สวรรค์! ไม่ให้เวลาผู้อื่นได้เตรียมจิตใจเลย!
หลิงเยว่เบิกตากว้างเมื่อนางเห็นฉากไม่คาดฝันนี้เป็นครั้งแรก
ในไม่ช้าเด็กสาวก็รู้สึกว่าร่างกายของตนถูกจับขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยพลังที่มองไม่เห็น ซึ่งทำให้หลิงเยว่กลัวมากจนหลับตาสนิท
เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง หลิงเยว่ก็เห็นต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง และร่างของนางก็กระแทกเข้ากับลำต้นของมัน
หลิงเยว่ “…”
นี่มันประมาทเกินไปแล้ว! ถ้านางถูกฆ่าตายตรงนี้จะทำอย่างไร?
สติของหลิงเยว่ยังค่อนข้างดี ศิษย์ที่ถูกสุ่มเคลื่อนย้ายเข้ามาในมิติลับนั้นบางคนสติหลุดจนควบคุมไม่ได้ ก่อนที่พวกเขาจะตกลงมาจากท้องฟ้า พวกเขาก็หักป้ายหยกเคลื่อนย้ายในมือโดยไม่รู้ตัวเพราะความตกใจ ซึ่งมันทำให้พวกเขาถูกเคลื่อนย้ายออกจากมิติลับก่อนที่ตัวจะลงถึงพื้นด้วยซ้ำ มันคือประสบการณ์ที่เรียกว่าอะไรนะ จบลงก่อนที่จะเริ่มใช่หรือไม่?
บางคนที่โชคร้ายหน่อยก็ถูกโยนลงหลุมไฟ หรือไม่บางคนก็ตกลงไปในปากของสัตว์อสูร…
หนึ่งในห้าของผู้เข้าแข่งขันถูกตัดออกตั้งแต่เริ่มต้น เห็นได้ชัดว่าการแข่งขันนี้ค่อนข้างโหดร้าย!
ขณะที่หลิงเยว่กำลังจะชนกับลำต้นของต้นไม้ นางก็บิดร่างขึ้นไปในอากาศก่อนจะเอาร่างไถลไปกับลำต้นไม่ให้ใบหน้าปักลงไปที่พื้น
พลั่ก!
หลิงเยว่เกือบจะเสียโฉมแล้ว นางลูบจมูกของตัวเองพลางลากร่างที่เจ็บปวดของนางไปนั่งพิงกับลำต้นของต้นไม้
ยังมีคนลอยอยู่บนท้องฟ้าอีกมาก อาจต้องใช้เวลาสักพักก่อนที่ภารกิจจะประกาศ
หวังเพียงว่าภารกิจจะไม่ยากเกินไป
พลั่ก!
ทันใดนั้นก็มีร่างหนึ่งตกลงมาข้าง ๆ นาง หลิงเยว่ตกใจมากจนกระเด้งตัวลุกแล้ววิ่งหนี
“เฮ้! ทำไมเจ้าถึงวิ่งหนีเล่า? มาที่นี่แล้วช่วยพี่ชายคนนี้ลุกขึ้นหน่อยเร็ว”
หลิงเยว่ไม่ได้โง่ ตนจะไปช่วยคนไม่รู้จักเพื่อเหตุใดกัน เด็กสาวไม่รอดูว่าคนคนนั้นหน้าตาเป็นอย่างไรด้วยซ้ำ นางรีบใช้วิชาเคลื่อนคล้อยไร้ลักษณ์ขณะที่วิ่งเพราะกลัวจะถูกตามทัน
ผู่ตาน “…”
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาวิสัยทัศน์ของท่านอาจารย์แย่ลงจริง ๆ นี่มันศิษย์น้องห้าที่ใดกัน ความกล้าหาญของนางเล็กยิ่งกว่าฝุ่นดินเสียอีก!
“เกิดอะไรขึ้นกับผู่ตาน?”
เมื่อมองผ่านคันฉ่องสวรรค์ ชิงยวนดูไม่มีความสุขเลยเมื่อเห็นศิษย์คนที่สี่ของนางปรากฏตัวในมิติลับขอบเขตกลั่นลมปราณ
“อ้อ! ระดับการบำเพ็ญของเขาถูกผู้อื่นทำให้ถดถอย” หลงหว่านโหรวตอบกลับแทน
“ทำไมเขาไม่ถดถอยไปถึงท้องแม่ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยเสียเล่า!”
เดิมทีใบหน้าของชิงยวนไม่ค่อยสู้ดีอยู่แล้ว หลังจากรู้เหตุผล นางก็ยิ่งอยากจะลากศิษย์คนที่สี่ออกมาทุบตีให้ไปเกิดใหม่จริง ๆ
สยงฉีเลวี่ยซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ พลันยิ้มอย่างขบขัน ผู่ตานน่าจะลดระดับการบำเพ็ญของตนเองเพื่อสร้างรากฐานขึ้นมาใหม่
ในที่สุดหลังจากรอดพ้นจากสายฟ้าทัณฑ์สวรรค์และประสบความสำเร็จในการสร้างฐานราก ผู่ตานน่าจะฆ่าตัวตายอีกครั้งซึ่งทำให้ระดับการบำเพ็ญของเขาถดถอย
“ตลกมากหรือไม่?” ชิงยวนเอียงหัวพลางยิ้มเบา ๆ ให้กับสยงฉีเลวี่ย
สยงฉีเลวี่ยซึ่งเป็นชายร่างใหญ่ แต่กลับส่ายหัวอย่างรวดเร็ว “มิได้ ๆ ข้าเพียงแค่เผลอตัวไปเท่านั้น”
หลงหว่านโหรวมองไปยังหลิงเยว่ที่กำลังวิ่งหนีจากศิษย์พี่สี่ของนางเองและยิ้มอย่างมีความสุขผ่านคันฉ่องสวรรค์
ดีแล้วศิษย์น้องห้า! ทางที่ดีเจ้าควรอยู่ห่างจากผีโชคร้ายผู้นี้ ไม่เช่นนั้นเจ้าจะโชคร้ายหากพัวพันกับเขา!
หลิงเยว่ไม่ได้ยินสิ่งที่ศิษย์พี่ใหญ่ของนางพูด เพียงแต่นางยังคงวิ่งไปไกลจนคิดว่าปลอดภัยแล้วจึงหยุด
ภารกิจยังไม่ได้ประกาศมานานแล้ว หลิงเยว่รู้สึกเบื่อและเริ่มสังเกตสภาพแวดล้อมรอบด้าน นี่มันแดนรกร้างชัด ๆ!
ไม่มีคน ไม่มีต้นไม้ ไม่มีสัตว์อสูร ไม่มีอะไรเลยสักอย่าง!
หรือว่านางวิ่งเข้ามาในพื้นที่ต้องห้ามใช่หรือไม่?
หลิงเยว่กลืนน้ำลายและพยายามวิ่งกลับไปในทิศทางที่นางวิ่งมา แต่มันกลับกลายเป็นเหมือนว่าตนกำลังวิ่งวนอยู่ที่เดิมเป็นเวลานาน
!!!
นี่มันอะไรกัน!?
ข้ากำลังเจอกับกำแพงมายาหรือ?
เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ หลิงเยว่ก็ขนลุกไปทั้งตัว นางยื่นมือออกไปแตะด้านหน้า อธิษฐานขอให้มีกำแพงใส ตราบใดที่รู้ว่ามันมีรูปลักษณ์ มันก็จะง่ายกว่าเดิม
แต่นางเอามือปัดป่ายไปจนทั่วแล้วก็ยังสัมผัสอะไรไม่ได้
ว่ากันว่าถ้าเจอกำแพงมายา การจะวิ่งออกไปได้มีเพียงแค่หลับตาและก้มหน้าลง
หลิงเยว่ตัดสินใจลองดู
ชิงยวนตบหน้าผากของนาง ศิษย์คนที่ห้าในอนาคตของนางเองก็ดูไม่ฉลาดนัก!
“ศิษย์ลืมบอกศิษย์น้องห้าไปเลยว่ามีภาพมายาอยู่ในมิติลับ”
หลงหว่านโหรวมุมปากกระตุก แต่สยงฉีเลวี่ยไม่สามารถกลั้นไว้ได้อีกต่อไป เขาหัวเราะลั่นจนหน้าอกกระเพื่อม
เมื่อมองผ่านคันฉ่องสวรรค์ พวกเขาเห็นหลิงเยว่กำลังวิ่งไปรอบ ๆ ต้นไม้เหมือนคนโง่ และยิ่งเมื่อรวมกับวิธีที่นางยื่นมือออกไปพยายามสัมผัสอากาศก็ยิ่งทำให้มันกลายเป็นเรื่องขบขันที่สุด
สยงฉีเลวี่ยหัวเราะออกมาเสียงดังเมื่อเห็นฉากนี้
เมื่อเห็นเขาหัวเราะ ผู้นำยอดเขาอื่น ๆ ต่างก็ทำเป็นมองดูท้องฟ้าและผืนดิน แต่ไม่ใช่กับชิงยวน
เดิมทีศิษย์คนที่สี่ก็บ้ามากจนน่าปวดหัวพออยู่แล้ว ทว่าตอนนี้ยังมีศิษย์สมองไม่ปกติเพิ่มเข้ามาอีกคน…
การแข่งขันศิษย์ขอบเขตกลั่นลมปราณที่น่าเบื่อในปีนี้อาจกลายเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นทีเดียวเมื่อมีผู่ตานและหลิงเยว่เพิ่มเข้ามา
ผู้นำยอดเขาคนอื่น ๆ ไม่ตำหนิชิงยวนที่โมโหไปทั่ว ไม่ใช่ว่านางต้องการดูแลลูกศิษย์คนที่ห้าของนางหรอกหรือ?
เช่นนั้นพวกเขาก็จะดูการแข่งขันกับนางด้วย