ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 381 สนมปีศาจที่สี่เสียสติไปแล้ว!
บทที่ 381 สนมปีศาจที่สี่เสียสติไปแล้ว!
……….
บทที่ 381 สนมปีศาจที่สี่เสียสติไปแล้ว!
ดอกไม้ปีศาจเติมเต็มแผลใหญ่บนอกของผู้นำเผ่าทิงมี่อย่างรวดเร็ว มันหยั่งรากลงในเลือดเนื้อของเขา เติมเต็มทุกส่วนที่จำเป็น เพื่อให้สมจริงยิ่งขึ้น แม้แต่เสียงหัวใจเต้นก็ถูกจำลองขึ้นมา แต่น่าเสียดายที่การจำลองกลับล้มเหลว…
หลิงเยว่ไม่สนใจสิ่งเหล่านี้นัก นางหยิบเสื้อคลุมสีชมพูออกมาจากแหวนเก็บของและส่งให้อดีตผู้นำเผ่าที่กำลังมองอย่างตกตะลึง “รบกวนท่านช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขาด้วย”
ใบหน้าอันงดงามของผู้นำเผ่าทิงมี่เข้ากันได้ดีกับสีชมพู ในแหวนเก็บของของนางยังมีเสื้อคลุมสีสันสดใสอีกมากมาย ซึ่งทั้งหมดเป็นของขวัญจากท่านอาจารย์ชิงยวนของนาง
ผู้นำเผ่าทิงมี่อยากจะปฏิเสธเสื้อคลุมสีชมพู แต่เขาไม่มีสิทธิ์ อดีตผู้นำเผ่ายิ้มเจ้าเล่ห์ แล้วฉีกเสื้อคลุมสีเทาที่มีรูใหญ่ตรงหน้าทันที
“หลิงเยว่รสนิยมของเจ้าไม่เลวเลย หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ไอ้หมอนี่ดูเหมือนพวกคุณชายเจ้าสำราญจริง ๆ คงไม่มีใครเดาได้เลยว่าเขาคือผู้นำเผ่าทิงมี่ แม้แต่คนในเผ่าของเขาก็คงจำไม่ได้เช่นกัน”
หลิงเยว่หันหลังกลับมาแล้ว เห็นด้วยอย่างยิ่งกับคำพูดของอดีตผู้นำเผ่าอย่างยิ่ง!
ชาวเผ่าทิงมี่ทั้งหมดสวมหน้ากากไร้ใบหน้า มีน้อยคนนักที่รู้จักใบหน้าจริงของพวกเขา การวางไอ้หมอนี่ไว้ข้าง ๆ โม่จวินเจ๋อ ทำให้หลิงเยว่รู้สึกสบายใจยิ่งนัก
เมื่อหัวใจถูกถักทอเสร็จแล้ว ต่อไปคือการรักษาบาดแผลภายในและภายนอกของผู้นำเผ่าทิงมี่ เมล็ดพันธุ์ปีศาจดูดพลังงานส่วนใหญ่ของร่างกายเขาไป อวัยวะภายในของเขาจึงดูไร้ชีวิต แม้แต่ผิวหนังก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย ไม่รู้ว่าเขาทนมาได้อย่างไรกัน?
ภายใต้วิชาการรักษาขั้นสูง กลิ่นอายแห่งความตายบนร่างของผู้นำเผ่าทิงมี่จางหายไปอย่างรวดเร็ว ผิวสีดำเทากลายเป็นสีเทาขาว ดวงตาที่เคยเฉยชากลับเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“สีผิวปกติของพวกเขาเป็นสีเทาขาวหรือ?” หลิงเยว่รู้สึกคุ้นตากับสีนี้ยิ่งนัก นางเคยเห็นมันบนร่างของคนตายที่ยังเคลื่อนไหวได้ของนิกายอสุภะ
เผ่าทิงมี่เป็นคนตายที่ยังเคลื่อนไหวได้หรือ?!
หากเป็นเช่นนั้นจริง การที่พวกเขาสามารถมีชีวิตอยู่ได้นานขนาดนี้โดยไม่มีหัวใจก็ดูสมเหตุสมผล
“ใช่แล้ว” ผู้นำเผ่าคนก่อนพยักหน้า
ผู้นำเผ่าทิงมี่รู้สึกประหลาดใจกับความเร็วในการฟื้นตัวของบาดแผล ในโลกนี้มีการรักษาที่มีพลังฟื้นฟูมหาศาลเช่นนี้ด้วยหรือ?
เขาไม่เคย… ได้ยินมาก่อน แต่ตอนนี้กลับได้สัมผัสด้วยตัวเองแล้ว
มนุษย์ผู้นี้มีจุดประสงค์อะไรกันแน่?
ในขณะที่ผู้นำเผ่าทิงมี่จมอยู่กับความคิดของตน ดอกไม้ปีศาจในร่างของเขาก็เริ่มแผ่ขยาย จนกระทั่งปกคลุมทุกส่วนของร่างกาย รวมถึงแก่นแท้ปีศาจด้วย
ผู้นำเผ่าทิงมี่ไม่รู้สึกถึงการปล้นชิงร่างจากดอกไม้ปีศาจแม้แต่น้อย พวกมันเงียบผิดปกติ ดูว่านอนสอนง่ายยิ่งนัก…
“ตอนนี้พวกมันว่านอนสอนง่ายจริง ๆ แต่หากเจ้ากล้าทำอะไรโดยพลการ ข้าคิดว่าเจ้าคงไม่อยากเห็นพวกมันคลุ้มคลั่งหรอกใช่ไหม?” หลิงเยว่เอียงหน้าเข้าไปกระซิบข้างหูผู้นำเผ่าทิงมี่ จากนั้นจึงบอกภารกิจที่นางเตรียมไว้ให้เขา
“ทำลายหนึ่งร้อยแปดคำสาปที่ผนึกบ่อน้ำสวรรค์แห่งโลกวิญญาณหรือ?”
ผู้นำเผ่าทิงมี่รู้สึกว่าหลิงเยว่กำลังคิดเพ้อฝัน ไม่สู้ฆ่านางให้ตายไปเสียจะดีกว่า!
“ข้าจะช่วยเจ้าให้ได้รับการสืบทอดที่สมบูรณ์จากบรรพบุรุษของเผ่าทิงมี่”
สงครามระหว่างเทพและปีศาจ ไม่เพียงแต่โลกวิญญาณที่บาดเจ็บสาหัส เขตแดนปีศาจก็ย่ำแย่ไม่แพ้กัน ดูสิ่งที่อยู่ตรงหน้านี้สิ ล้วนเป็นตัวอย่างที่ชัดเจน
แต่เพราะเช่นนี้ นี่จึงเป็นโอกาสของนาง!
ผู้นำเผ่าทิงมี่หัวเราะเยาะ ไม่เชื่อคำพูดของหลิงเยว่แม้แต่น้อย
หลิงเยว่ไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงเดินจากไปกับอดีตผู้นำเผ่า นางจำเป็นต้องเก็บตัวบำเพ็ญโดยเร็ว เพื่อแก้ปัญหาร่างกายของโม่จวินเจ๋อก่อน แล้วสร้างชาสืบทอดของเผ่าทิงมี่
ในระหว่างที่หลิงเยว่เก็บตัวบำเพ็ญ เหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้ทุกคนในเขตแดนปีศาจคิดว่าสนมปีศาจที่สี่เสียสติไปแล้วก็เกิดขึ้น!
เผ่าปีศาจและเผ่าปีศาจอสูรที่จงรักภักดีต่อสนมปีศาจที่สี่ไม่แม้แต่จะปิดบังตัวตน กระทำการน่าละอายด้วยการปล้นหินปีศาจกลางวันแสก ๆ ในเมืองปีศาจ!
พวกลูกสมุนตัวเล็ก ๆ ไปปล้นแผงลอยและหาบเร่ ส่วนลูกสมุนที่มีตำแหน่งใหญ่โตต่างแบ่งงานกันชัดเจน ทั้งปล้นร้านค้า ปล้นตระกูลใหญ่ ปล้นหอประมูล แม้แต่วังพวกเขาก็บุกเข้าไป!
เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน กว่าจะรู้ตัว แผงลอย หาบเร่ และร้านค้าเล็ก ๆ ก็ถูกปล้นจนหมดเกลี้ยง!
ส่วนลูกสมุนที่ปล้นหอประมูลและวังถูกบังคับให้อยู่ต่อ เพราะการต่อสู้ครั้งใหญ่กำลังเกิดขึ้น!
ฮวนฮวน หัวหน้าตะขาบมรกต และองค์หญิงน้อยนั่งยอง ๆ อยู่ในสวนดูเจ้าวังต่อสู้กับเผ่าอสรพิษเก้าเศียร สองคนแรกคอยเชียร์เผ่าอสรพิษเก้าเศียรอยู่ในใจ นึกอยากจะลงไปช่วยด้วยตัวเอง ส่วนคนหลังกลับแสดงรอยยิ้มเยาะหยัน หากเป็นมังกรปีศาจมาเอง ท่านพ่อของนางอาจสู้ไม่ได้ แต่ลูกสมุนเล็ก ๆ พวกนี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของท่านพ่อเลย!
จิ่วหลีที่กำลังต่อสู้กับเจ้าวังด้วยร่างแท้จริงพลันถอนหายใจ พลันคิดว่า มันประมาทเกินไป และได้แต่ฝืนใจบุกเข้าไปรับการโจมตี
โม่จวินเจ๋อที่รีบมาดูเหตุการณ์ มองดูพวกอสรพิษเก้าเศียรที่นอนครวญครางอยู่ในหลุม ไม่รู้ว่าควรแสดงสีหน้าอย่างไรดี
“เอ้า! มาแล้วหรือ?”
เจ้าวังที่กำลังเล่นกับอสรพิษอยู่นั้น คว้าหางของจิ่วหลีแล้วสะบัดไปทางโม่จวินเจ๋อที่ยืนอยู่หน้าประตู พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงประชดประชันว่า “หากสนมปีศาจอย่างท่านไม่มีข้าวกินก็บอกข้าได้ ข้าจะส่งข้าวไปให้ท่านเอง”
โม่จวินเจ๋อหลบไปด้านข้าง ร่างอันใหญ่โตของอสรพิษเก้าเศียรเฉียดผ่านไป ลมแรงพัดให้เสื้อผ้าสีดำของเขาปลิวไสว ประตูใหญ่อันหรูหราถูกกระแทกจนเป็นรอย จิ่วหลีที่ร่วงลงพื้นก็ทำให้เกิดหลุมขนาดใหญ่ที่หน้าประตู
ช่างไร้ความปรานีเสียจริง!
หัวหน้าตะขาบมรกตแค่นเสียงเบา ๆ แต่ไม่นานก็เริ่มคาดหวังการต่อสู้ระหว่างเจ้าวังกับมังกรปีศาจ คิดว่าจะถือโอกาสนี้พาฮวนฮวนไปหาหลิงเยว่ แม้ว่าอาหารปีศาจที่ปลาหมัวอินทำจะรสชาติดี แต่ก็ไม่เหมือนฝีมือของหลิงเยว่ สิ่งสำคัญที่สุดคือ เขาเป็นผู้นำเผ่าตะขาบมรกตสี่ปีกอันยิ่งใหญ่ กลับถูกกักขังมานานเช่นนี้ ช่างน่าอับอายยิ่งนัก!
จะว่าไปแล้ว เผ่าของพวกเขาก็เทียบชั้นกับเผ่าสัตว์เทพได้ แต่ทำไมกลับตกต่ำถึงเพียงนี้…
เมื่อลมพัดผ่านหน้าของหัวหน้าตะขาบมรกต ฮวนฮวนที่อยู่ข้างกายก็หายไปแล้ว!
“เจ้ามังกรปีศาจ ช่างไร้ยางอายนัก!”
เจ้าวังและหัวหน้าตะขาบมรกตเปล่งเสียงพร้อมกัน แล้วชี้ไปที่โม่จวินเจ๋อ
โม่จวินเจ๋อจับตัวฮวนฮวนเป็นตัวประกัน เขาแย้มยิ้มเล็กน้อยพลางกล่าวว่า “ปล่อยอสรพิษเก้าเศียรไป แล้วข้าจะคืนลูกสาวสุดที่รักของเจ้าให้”
ฮวนฮวนรู้จักร่วมมือเป็นอย่างดี นางยื่นมือไปทางเจ้าวัง พลันร้องจนเสียงแหบแห้งว่า “ท่านพ่อ ช่วยข้าด้วย!”
“ท่านพ่อ รีบปล่อยอสรพิษเก้าเศียรไปแล้วช่วยน้องสาวเร็วเข้า!” องค์หญิงน้อยเอ่ยอย่างร้อนรน ไม่มีทีท่าแสร้งทำแม้แต่น้อย
เจ้าวัง “…”
ไม่ใช่ว่านางเรียกฮวนฮวนว่า นางจิ้งจอกตลอดหรอกหรือ ทำไมจู่ ๆ ถึงเรียกน้องสาวเช่นนี้เล่า?
ไม่สิ เมื่อกี้ฮวนฮวนเรียกเขาว่าพ่อเหรอ?
หากวันหน้าพี่ชายแท้ ๆ ปรากฏตัว แล้วพบว่าตนแย่งลูกสาวของเขาไป เขาจะไม่ฆ่าตนด้วยเหรอ?
หัวหน้าตะขาบมรกต “…”
ไม่เข้าใจความคิดขององค์หญิงน้อยประสาทกลับคนนี้เลยจริง ๆ
ไม่สิ! ฮวนฮวนเรียกเจ้าวังว่าพ่องั้นหรือ? แล้วท่านพ่อตัวจริงของนางที่อยู่ในโลกวิญญาณจะทำอย่างไรเล่า?
เพื่อช่วยเหล่าอสรพิษ สนมปีศาจที่สี่ถึงกับใช้วิธีการต่ำช้าเช่นนี้ พวกอสรพิษเก้าเศียรต่างรู้สึกซาบซึ้งใจยิ่งนัก และสาบานว่าจะจงรักภักดีต่อสนมปีศาจที่สี่จนถึงที่สุด!
โม่จวินเจ๋อเห็นว่าเจ้าวังไม่ขยับเขยื้อน จึงค่อย ๆ เอามือจับคอของฮวนฮวน แม้ยังไม่ได้ออกแรง แต่ใบหน้าทั้งหมดของเด็กสาวตัวน้อยก็แดงก่ำไปหมด ปากส่งเสียงครางแผ่ว มือโบกไปมาไม่หยุดใส่เจ้าวัง
“…”
ฮวนฮวน นี่เจ้าจะยั่วให้เกิดสงครามหรือ?
ไม่นานฮวนฮวนก็พิสูจน์ด้วยการกระทำว่า นางต้องการยั่วให้เกิดสงครามจริง ๆ!
เด็กสาวตัวน้อยสั่นกระตุกทั้งสี่แขนขา เข้าถึงบทบาทอย่างลึกซึ้ง ราวกับว่าโม่จวินเจ๋อกำลังจะบีบคอนางให้ตายจริง ๆ ทั้งที่แค่จับเบา ๆ เท่านั้น
“มังกรปีศาจ ข้าจะสู้กับเจ้าจนถึงที่สุด!”
องค์หญิงน้อยดึงปิ่นบนศีรษะออกมา แล้วขว้างใส่โม่จวินเจ๋อ
ปิ่นเปลี่ยนเป็นสายฝนอาวุธลับนับไม่ถ้วนเข้าโจมตีอีกฝ่าย ส่วนตัวองค์หญิงน้อยเองก็เคลื่อนไหว แต่น่าเสียดายที่ถูกเจ้าวังจับตัวกลับมาได้ทันเวลา
นี่ไม่ใช่พาตัวเองไปเป็นอาหารให้อีกฝ่ายหรอกหรือ?
แน่นอนว่าอาวุธลับเหล่านั้นถูกบดขยี้จนย่อยยับในพริบตา พร้อมกับโม่จวินเจ๋อที่ส่งรอยยิ้มท้าทายไปยังองค์หญิงน้อย