ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 387 ข้ามีการฝึกฝนพิเศษ
บทที่ 387 ข้ามีการฝึกฝนพิเศษ
……….
บทที่ 387 ข้ามีการฝึกฝนพิเศษ
หัวหน้ากระทิงไม่อาจอดใจมองไปทางผู้นำเผ่ากระทิงงาม พอดีกับที่อีกฝ่ายมองมาเช่นกัน
จากนั้นหลิงเยว่ก็ได้กลิ่นเปรี้ยวบางอย่าง
“ทำไมของสิ่งนี้ถึงเปรี้ยวนักเล่า?”
ผู้อาวุโสกระทิงที่ดื่มน้ำส้มสายชูไปครึ่งขวดในคำเดียว มีสีหน้าทรมานยิ่งนัก!
นั่นคือ น้ำส้มสายชูที่เอาไว้จิ้มเกี๊ยวทอด…
เส้นเลือดบนขมับของหลิงเยว่พลันปูดโปน ที่แท้ไม่ใช่กลิ่นเปรี้ยวของความรัก แต่เป็นกลิ่นเปรี้ยวของน้ำส้มสายชูหรือ?
จิ๊ ๆ! ผู้นำเผ่ากระทิงงามทำไมถึงได้ตาบอดเช่นนี้นะ?
หลิงเยว่มองดูผู้นำเผ่ากระทิงงามที่กำลังจ้องหัวหน้ากระทิงหรือกระทิงผู้สง่างามตัวนั้นด้วยสายตาหวานหยาดเยิ้ม แล้วถอนหายใจ
แต่ก็ยังไม่เลวร้ายเท่าผู้อาวุโสกระทิงที่กำลังกินดื่มอย่างบ้าคลั่ง!
วันที่แสนสดใสกลับมีฝนโปรยปรายลงมาอย่างไม่คาดคิด แม้แต่ฟ้ายังเร่งเร้าให้นางไปฝึกบำเพ็ญเช่นนี้ หากไม่กลับไปคงไม่ได้แล้ว
แม้ว่าสภาพร่างกายของนางยังไม่เข้าที่เท่าไหร่ แต่เมื่อนึกถึงว่าอีกไม่นานนางจะกลายเป็นสตรีที่มีระดับการบำเพ็ญถึงขอบเขตฝ่าทัณฑ์สวรรค์แล้ว หัวใจของหลิงเยว่ที่แตกสลายพลันร้อนระอุขึ้นมา
“ช้าก่อน”
เมื่อเห็นหลิงเยว่ลุกขึ้นเตรียมจะจากไป กระทิงผู้สง่างามที่คอยหลบสายตาของผู้นำเผ่ากระทิงงามก็รีบเอ่ยปากขึ้นทันที
“?”
หลิงเยว่หันกลับมา ความจริงนางไม่อยากสนใจเจ้ากระทิงตัวปลอมนี่เท่าไหร่ แต่จู่ ๆ ก็นึกขึ้นได้ถึงสิ่งที่โม่จวินเจ๋อเคยพูดถึงหอคอยกระดูกขึ้นมา ตอนนี้นางไม่มีเวลาไปก่อกวน แต่พวกมนุษย์เหล่านี้มีเวลามากมาย หากมอบภารกิจการทำลายครั้งนี้ให้พวกเขา เจ้ากระทิงตัวนั้นคงจะยินดีอย่างยิ่ง
“ข้าเองก็มีธุระกับพวกเจ้าพอดีเลย”
นางพญางู และพวกเผ่าปีศาจอสูรตัวปลอมคนอื่น ๆ ชี้ไปที่ตัวเอง จนกระทั่งหลิงเยว่พยักหน้า พวกเขาจึงตามไป
“เรื่องที่ผ่านมา ข้าขอโทษจริง ๆ…”
หลายคนทั้งส่ายหัวทั้งพยักหน้า มีเพียงนางพญางูที่ลองถามอย่างระแวดระวัง “มีเรื่องอะไรจะมอบหมายให้พวกข้าหรือ?”
“อืม” หลิงเยว่พยักหน้าอย่างชื่นชม จากนั้นก็ให้หัวหน้ากระทิงร่ายม่านพลังกั้นเสียง “พวกเจ้าเคยได้ยินเรื่องหอคอยกระดูกหรือไม่?”
ทั้งหกคนส่ายหัวพร้อมกัน
“ชื่อนี้ฟังแล้วน่าขนลุกจริง ๆ” นางพญางูถูแขนตัวเอง
ผู้ใต้บังคับบัญชาของสนมปีศาจที่สี่รักษาความลับได้ดีถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
“ดูเหมือนหน่วยข่าวของพวกท่านจะใช้ไม่ได้เลยนะ” หลิงเยว่กล่าวอย่างดูแคลนเล็กน้อย
ทั้งหกคน “…”
“พวกท่านมีกี่คน และคนเหล่านั้นไว้ใจได้หรือไม่? อย่าเหมือน…” หลิงเยว่ชำเลืองมองหัวหน้ากระทิงด้วยสายตาที่สื่อความหมายบางอย่าง
หัวหน้ากระทิงที่ถูกกระแนะกระแหนอีกครั้งแสดงท่าทีว่าชินแล้ว “วางใจเถิด ทุกคนไว้ใจได้ ไม่มีใครเหมือนข้าหรอก”
ห้าคนที่เหลือมองเพื่อนร่วมงานที่ดูถูกตัวเองด้วยความประหลาดใจ นี่ยังเป็นหลินชิงที่พวกเขารู้จักใช่ไหม?
หลิงเยว่ไม่ได้วางใจ แต่กลับหันไปถามคนอื่นอีกห้าคนต่อ
ไม่ใช่ว่านางไม่ไว้ใจเขา แต่คนที่หลิงเยว่ไว้ใจที่สุดกลับเป็นหัวหน้ากระทิง เพราะหากมีคนทรยศ เขาจะเป็นคนที่ตัดสินใจได้เด็ดขาดที่สุด
หลิงเยว่เพิ่งเข้าใจสถานการณ์ของพวกเขาคร่าว ๆ นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “พวกท่านคงมีคนมากพอ แม้ข้าไม่รู้สถานการณ์ของหอกระดูกมากนัก แต่ข้าเคยเข้าไปในโพรงหนอนของหอคอยกระดูกในโลกวิญญาณมาก่อน…”
ทั้งหกคนฟังไปฟังมาสีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างมาก พวกเขาแทรกซึมอยู่ทุกซอกทุกมุมของเขตแดนปีศาจ แต่กลับเพิ่งได้ยินเรื่องนี้เป็นครั้งแรก
ทั้งที่พวกเขาเป็นคนเกิดและเติบโตมาในเขตแดนปีศาจ แต่กลับสู้รุ่นน้องที่เพิ่งมาอยู่เขตแดนปีศาจไม่กี่ปีไม่ได้!?
ใบหน้าของทั้งหกคนร้อนผ่าว เมื่อเผชิญหน้ากับหลิงเยว่ รู้สึกเหมือนตัวเองใช้ชีวิตหลายร้อยปีที่ผ่านมาอย่างไร้ค่า
พวกเขาก็… ไม่ได้ใช้ชีวิตไปวัน ๆ นะ!
แน่นอนว่าหลิงเยว่ไม่ได้เปิดเผยทุกอย่าง แต่เลือกพูดเฉพาะบางส่วน ส่วนเรื่องหัวใจมังกรและสนมปีศาจนั้น นางไม่ได้พูดถึงแม้แต่คำเดียว สิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ก็หลีกเลี่ยงทั้งหมด ส่วนที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ก็แต่งเรื่องขึ้นมา
จริงหรือเท็จ ใครจะแยกแยะได้เล่า?
“นี่คือตำแหน่งของหอคอยกระดูกแห่งหนึ่ง” หลิงเยว่หยิบแผ่นหยกออกมา ภายในบันทึกตำแหน่งอย่างละเอียด “เมื่อเข้าไปแล้ว ให้ทำลายทุกอย่างที่ทำลายได้ หากพบว่าสถานการณ์ไม่ดีให้รีบออกมาทันที พวกท่านต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง!”
ทั้งหกคนรับคำด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
หอคอยกระดูกมีอยู่จริงหรือไม่ ลองไปดูก็จะรู้เอง ส่วนที่มาของข่าว ทั้งหกคนต่างเข้าใจว่าหลิงเยว่คงได้ข้อมูลมาจากปากของมังกรปีศาจ
เมื่อหลิงเยว่กลับไปแล้ว ทั้งหกคนสบตากันแล้วแยกย้ายออกจากเผ่ากระทิง จนถึงสถานที่ลับแห่งหนึ่งแล้วเริ่มปรึกษากัน
“เหตุใดนางจึงมอบข่าวสำคัญเช่นนี้แก่พวกเรา?”
“จะมีกลอุบายซ่อนอยู่หรือไม่?”
“เป็นไปได้ ความสัมพันธ์ระหว่างหลิงเยว่และมังกรปีศาจดูไม่ธรรมดาเลย หอคอยกระดูกอาจเป็นกับดักที่มังกรปีศาจวางไว้ โดยมีจุดประสงค์เพื่อล่อพวกเราให้รวมตัวกันแล้วจับไปทีเดียว!”
“ต้องเป็นเช่นนั้นแน่ ดังนั้น พวกเราไม่ควรไปที่นั่นหรอก!”
“ใช่แล้ว อีกอย่างพวกเจ้าสังเกตหรือไม่ ในคำบรรยายของหลิงเยว่เกี่ยวกับหอคอยกระดูกและโพรงหนอนนั่นยังมีช่องโหว่อยู่หลายจุด…”
ยิ่งวิเคราะห์ทุกคนก็ยิ่งเหงื่อตก
“อืม มีเหตุผลมาก แต่ข้าต้องไปให้ได้ เพราะถ้าเป็นเรื่องจริงขึ้นมาล่ะ?”
หัวหน้ากระทิงถึงกับสงสัยว่าถ้ำปีศาจอาจเป็นสิ่งที่มังกรปีศาจเตรียมไว้สำหรับเขาโดยเฉพาะ โดยมีจุดประสงค์เพื่อช่วยหลิงเยว่แก้แค้นสายฟ้าของเขาหรือไม่?
“งั้นข้าจะไปกับท่าน”
แม้นางพญางูจะรู้สึกว่าสิ่งที่สหายของตนวิเคราะห์อาจเป็นความจริง แต่นางยังรู้สึกว่าหลิงเยว่ไม่ใช่คนเจ้าเล่ห์
“พวกเจ้าบ้าไปแล้วหรือ รู้ว่าเป็นกับดักแต่ยังจะไปหาความตายอีก!”
อีกสี่คนพยายามห้ามปรามสุดกำลัง แต่ก็ไม่สามารถห้ามสองคนนั้นได้ สุดท้ายจึงต้องยอมประนีประนอม
“งั้นพวกข้าจะคอยช่วยเหลืออยู่ห่าง ๆ แล้วกัน”
ด้วยคำพูดของเพื่อนร่วมทาง นางพญางูและเหัวหน้ากระทิงก็รู้สึกสบายใจขึ้น
ทั้งสองคน คนหนึ่งมีระดับการบำเพ็ญขอบเขตแสวงหาขั้นปลาย ส่วนอีกคนมีระดับการบำเพ็ญขอบเขตฝ่าทัณฑ์สวรรค์ขั้นต้น หากพยายามหนีสุดชีวิตคง… ไม่น่าจะยากนัก
หลังจากทั้งหกคนกลับไป หลิงเยว่ไม่ได้รีบซื้อวิชาในทันที แต่เริ่มมองหาสถานที่มงคลเสียก่อน เพราะนางไม่อยากให้ดินแดนกระทิงถูกทำลายไป
“พวกเขาไปแล้วหรือ?” ผู้นำเผ่ากระทิงงามเดิมทีตั้งใจจะถามว่าหลินชิงไปไหน แต่เช่นนั้นดูเหมือนจะเจาะจงเกินไป จึงรีบเปลี่ยนคำพูดทันที
“อืม พวกเขาบอกว่ามีธุระด่วนน่ะ”
หลิงเยว่โกหกได้คล่องปาก แล้วรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที “ไม่ทราบว่าที่ใดในดินแดนของพวกท่านที่เหมาะสำหรับการฝ่าทัณฑ์สวรรค์บ้างหรือ?”
“ใครจะก้าวข้ามขอบเขตหรือ?”
ผู้อาวุโสกระทิงที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหนเหลียวซ้ายแลขวา แต่ก็ไม่พบผู้ใดนอกจากพวกเขาทั้งสามคน
“ข้าเองเจ้าค่ะ”
“เจ้า?” กระทิงทั้งสองมองด้วยสายตาประหลาดใจ
ผู้นำเผ่ากระทิงงาม “ระดับการบำเพ็ญของเจ้าอยู่ในขอบเขตทะยานเซียนขั้นกลางไม่ใช่หรือ? ยังห่างไกลจากการฝ่าทัณฑ์สวรรค์นัก…”
“ใช่แล้ว” ผู้อาวุโสกระทิงลูบคางพลางพินิจหลิงเยว่ด้วยความประหลาดใจ “เจ้าเก็บตัวบำเพ็ญมาหลายครั้งเช่นนี้ แต่พลังกลับเพิ่มขึ้นเพียงน้อยนิด ทั้งที่กลืนกินเมล็ดพันธุ์ปีศาจไปแล้วด้วย!”
สำหรับประเด็นนี้ หลิงเยว่ก็มีข้อสงสัยเช่นกัน ตอนที่นางปราบเพลิงพิสดารนั้น นางได้ก้าวข้ามจากขอบเขตปฐมวิญญาณขั้นต้นเป็นขั้นปลาย แม้จะเป็นเพียงหนึ่งขั้นใหญ่ แต่นางมีแก่นปราณเบญจธาตุ การก้าวข้ามหนึ่งขั้นใหญ่นั้นนับว่าดีมากแล้ว
จะเป็นไปได้หรือไม่ว่า พลังไม่เพิ่มขึ้นเพราะนางและโม่จวินเจ๋อสามารถใช้พลังของเมล็ดพันธุ์ปีศาจได้พร้อมกัน?
“เร็วเข้า ข้ากำลังจะฝ่าทัณฑ์สวรรค์แล้ว!” หลิงเยว่ข้ามคำถามนั้นไป และเอ่ยเร่งกระทิงทั้งสอง
แต่กระทิงทั้งสองกลับไม่ขยับ พลางมองนางด้วยสายตาเหมือนจะสื่อว่า นางป่วยหรือ?
“นี่เป็นเพราะข้ามีการฝึกฝนพิเศษ”
กระทิงทั้งสองแม้จะไร้วาจา แต่ยังพาหลิงเยว่มาถึงสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับการบำเพ็ญเพียรของเผ่ากระทิง ซึ่งพื้นที่นั้นเป็นทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ไพศาลเต็มไปด้วยหลุมลึกนานาชนิดสุดลูกหูลูกตา