ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 40 เจ้าอาเจียนออกมาเป็นเลือดเยอะมาก ข้าจะส่งเจ้าออกไปเอง
บทที่ 40 เจ้าอาเจียนออกมาเป็นเลือดเยอะมาก ข้าจะส่งเจ้าออกไปเอง
บทที่ 40 เจ้าอาเจียนออกมาเป็นเลือดเยอะมาก ข้าจะส่งเจ้าออกไปเอง
หลิงเยว่ออกจากแดนมายาพิษทมิฬแล้วหรือยัง?
แน่นอนว่ายังไม่ออก! ตอนนี้นางกำลังขุดดินด้วยพลั่วเล็ก ๆ อยู่
ก่อนหน้านี้นางเดินไปเรื่อย ๆ ตามการชี้นำของต้นกล้าอ่อน เมื่อไปได้ครึ่งทาง ต้นกล้าอ่อนก็แสดงอาการตื่นเต้นมากราวกับว่ามันค้นพบสมบัติบางอย่าง ทำให้มันไม่นำเด็กสาวไปในทางที่ถูกต้อง แต่รากของมันเคลื่อนไปทางอื่นแทน
หลิงเยว่ทำได้แค่เดินตามต้นกล้าอ่อนไปเท่านั้น
จากนั้นเมื่อนางมองผ่านต้นกล้าอ่อน ก็เห็นมันกำลังเอารากพันอยู่รอบหินสีดำเล็ก ๆ เพื่อดูดซับสารอาหาร ทำให้หลิงเยว่เริ่มสนใจทันที
บางทีมันอาจเป็นสมบัติจริง ๆ
จากนั้นจึงกลายเป็นภาพเด็กสาวกำลังขุดดิน
พื้นดินค่อนข้างแข็ง หลิงเยว่กลัวที่จะสร้างความเสียหายให้กับหินสีดำก้อนเล็ก ๆ โดยไม่ตั้งใจ ดังนั้นนางจึงไม่โคจรปราณของนางในระหว่างขุดและใช้เพียงกำลังกายพร้อมกับพลั่วเล็ก ๆ ในการขุดเท่านั้น
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะนางฝังตัวเองอยู่ในดินเมื่อครั้งที่แล้วหรือไม่ จึงทำให้เด็กสาวสามารถแผ่จิตสำนึกลงไปในต้นกล้าที่นางปลูก และสามารถมองเห็นโลกใต้ดินในแบบที่พวกมันเห็นได้กระจ่างชัด
เจอแล้ว!
หลิงเยว่ยกหินสีดำก้อนเล็กขึ้นมา… ไม่สิ มันคือเมล็ดพืชสีดำที่ดูเหมือนหิน!
ก่อนที่นางจะศึกษามันอย่างละเอียด เมล็ดพืชบนฝ่ามือของนางกลับถูกแสงสีดำขโมยไป!
“!!!”
‘หัวขโมย’ กระโจนลงดินพยายามหลบหนี
จิตสำนึกที่หลิงเยว่ใส่ไว้ในต้นอ่อนที่อยู่ใต้ดินก็หายไปเช่นกัน
ข้าควรทำอย่างไรหาก ‘เมล็ดพันธุ์’ หนีไป?
ไม่ใช่ว่าต้องเอาเมล็ดพันธุ์ออกไปก่อนแล้วจึงจะหนีไปได้หรือ?
หลิงเยว่คิดอย่างไม่แสดงสีหน้า
ลืมไปเสีย มันก็แค่ต้นกล้าต้นหนึ่งที่ทรยศ นางมีลูก ๆ เมล็ดพันธุ์อีกมากมาย แต่เมล็ดสีดำเมื่อครู่นั้นคือสิ่งใดกัน?
คราวนี้หลิงเยว่เดินออกจากแดนมายากับ ‘ลูก’ ของนางได้สำเร็จ
ส่วนชายหนุ่มชุดน้ำเงินคนนั้นเล่า เขาเป็นใครก็ไม่รู้
“หลิงเยว่อยู่ตรงนั้น!”
ก่อนที่หลิงเยว่จะได้สูดอากาศบริสุทธิ์และอ้าแขนโอบกอดอิสระภาพ เสียงที่คุ้นเคยก็ดังมาจากทางด้านซ้าย
เด็กสาวไม่แม้แต่จะลังเล ปฏิกิริยาแรกของนางคือการวิ่งหนีเท่านั้น
น่าเสียดายที่มันช้าเกินไป
นางถูกล้อม และสองคนในนั้น… เคยเป็นลิ่วล้อของผาวฮุย
เมื่อเห็นสองคนนี้ หลิงเยว่ก็รู้สึกราวกับว่าโลกนี้ช่างกลมนัก
“ส่งถุงเก็บของของเจ้ามาเดี๋ยวนี้!”
ผู้บำเพ็ญที่ดูชั่วร้ายมองหลิงเยว่จากบนลงล่างด้วยสายตาที่น่าขยะแขยง
“ฝันไปเถิด!”
ใบหน้าของหลิงเยว่เปลี่ยนเป็นเย็นชา นางคิดจะหนีก็จริง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเด็กสาวกำลังหลังชนฝา!
อีกฝ่ายมีทั้งหมดห้าคน และมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่อยู่ในขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นหก นางสามารถจัดการกับคนทั้งหมดนี้ได้อย่างง่ายดายด้วยยันต์!
“ระวัง!”
“เทพธิดาโปรยบุปผา!”
ยันต์ระเบิดน้ำแข็งห้าใบถูกปาไปยังห้าทิศทาง หลิงเยว่หันหลังกลับและวิ่ง นางยัดซาลาเปาย่างก้าววายุเข้าปากขณะที่วิ่งอีกด้วย
“ปัง! ปัง! ปัง!”
ดอกไม้น้ำแข็งสีขาวห้าดอกระเบิดพร้อมกัน ทำให้เกิดฉากที่ตระการตา
หลิงเยว่อดมองย้อนกลับไปไม่ได้ เมื่อเห็นดังนั้นก็แทบจะตาถลน พลังของมัน… ยิ่งใหญ่เกินไปหน่อยใช่หรือไม่?
หลิงเยว่กลืนซาลาเปาลงไป และมองดูร่างทั้งห้าที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกน้ำแข็งอย่างระแวดระวัง
ทั้งห้าคนถูกแช่แข็งในหมอกน้ำแข็งในอิริยาบถที่แตกต่างกัน หลิงเยว่ลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วค่อยกินซาลาเปาที่เหลือให้หมดก่อนจะเดินเข้าไปตรวจสอบ
เมื่อเข้าไปใกล้ ดวงตาที่ตื่นตระหนกและหวาดกลัวห้าคู่ก็จ้องมองนางในเวลาเดียวกัน
“ดูเหมือนภายในของเจ้าจะได้รับบาดเจ็บสาหัส ทั้งยังอาเจียนเป็นเลือดมากมายเช่นนี้อีก ให้ข้าส่งเจ้าออกไปก็แล้วกันนะ” หลิงเยว่นั่งยองต่อหน้าอดีตลิ่วล้อของผาวฮุยและพูดอย่างจริงใจ จากนั้นจึงหยิบพลั่วเล็ก ๆ ออกมาขุดรูเล็ก ๆ ตรงบริเวณเอวของอีกฝ่าย เอามือลอดเข้าไปในรูก่อนบีบป้ายหยกจนแตกละเอียด
มนุษย์น้ำแข็งตรงหน้านางหายไปทันที
“เจ้าอาเจียนออกมาเป็นเลือดเยอะมากเช่นกัน เจ้าควรไปรับการรักษาอย่างเร่งด่วน หากเจ้าตายที่นี่บาปของข้าจะยิ่งร้ายแรง”
ในเวลาเพียงไม่นานทั้งสี่ร่างหายไป เหลือเพียงชายผู้น่าสงสารคนสุดท้ายที่อยู่ในขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นหก
หลังจากพยายามอย่างหนัก ในที่สุดชายผู้น่าสงสารก็สามารถพูดได้
“ปล่อยข้าไปเถิดศิษย์น้องหลิง! ผู้ดูแลสำนักสายนอกเป็นคนขอให้ข้ามารบกวนเจ้า!”
ชายผู้น่าสงสารคนนี้ไม่จำเป็นต้องสารภาพเช่นนี้ หลิงเยว่ก็รู้เช่นกัน
แต่นางปล่อยเขาไปไม่ได้ แค่ไม่ควักลูกตาของเขาออกก็นับว่าเมตตามากแล้ว
หลิงเยว่รู้สึกสดชื่นขึ้น หลังจากประสบความสำเร็จในการส่งคนทั้งห้าออกไปจากมิติลับได้สำเร็จ นางก็หยิบอมยิ้มฟื้นปราณออกมาแล้วยัดมันเข้าไปในปาก
เสียงระเบิดเมื่อครู่ดังมาก มันคงจะดึงดูดผู้คนมามากมายแน่นอน ดังนั้นตอนนี้เด็กสาวจะต้องรีบหนีไปในขณะที่ยังมีเวลา
ทันทีที่หลิงเยว่จากไป ผู่ตานศิษย์พี่สี่ของนางก็มาถึง และมีชายสองคน หญิงอีกหนึ่งคนที่มาถึงในเวลาไล่เลี่ยพร้อมกับเขา
“ต… ตาน?”
“เจ้ารู้จักข้า?”
ผู่ตานปัดผมที่ปรกหน้าผากของเขาแล้วเลิกคิ้วมองผู้บำเพ็ญสาวที่เรียกชื่อเขา ดวงตาเรียวเล็กของเขาเป็นประกาย
ผู้บำเพ็ญหญิงทั้งสองหน้าแดง
แต่ผู้บำเพ็ญชายกลับแสดงสีหน้าเยาะเย้ย “เจ้ามาวางมาดอะไรที่นี่ ระดับการบำเพ็ญของเจ้าถดถอยลงจากขอบเขตสร้างรากฐานกลายมาเป็นแค่ขอบเขตกลั่นลมปราณเท่านั้น… ”
คำพูดนี้ดูเหมือนต้องการทำให้ผู่ตานเจ็บปวด ทันใดนั้นเขาก็ปล่อยมังกรไฟอ้าปากหวังจะกลืนกินผู้บำเพ็ญชายคนนั้นทันที
ผู้บำเพ็ญชายที่ระวังตัวอยู่ก่อนแล้วรีบถอยกลับอย่างรวดเร็ว
ถ้าผู่ตานอยู่ในขอบเขตสร้างรากฐาน ข้าคงไม่อาจหลบได้ ทว่าตอนนี้ผู่ตานอยู่แค่ขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นแปดเท่านั้น ฮ่า ๆ ๆ
ทั้งสองเริ่มทะเลาะกันเพราะความไม่ลงรอยทันที
หลิงเยว่ที่วิ่งออกไปไกลแล้วหันกลับไปดู ก็เห็นมังกรเพลิงกำลังไล่ตามร่างหนึ่งและพ่นไฟอย่างบ้าคลั่ง การต่อสู้เกิดขึ้น ณ สถานที่ที่นางส่งกลุ่มคนที่พยายามรังแกตนออกไปเมื่อครู่นี้
โชคดีที่นางวิ่งเร็ว ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าเด็กสาวจะไม่ถูกส่งตัวออกไปจากพวกคนร้าย
หลิงเยว่ไม่ได้วิ่งสุ่มสี่สุ่มห้า ทว่าวิ่งไปยังบริเวณที่น่าจะมีสมุนไพรวิญญาณทั้งหกชนิดที่ภารกิจต้องการให้หา ท้ายที่สุดนางมีสารานุกรมเกี่ยวกับสมุนไพรวิญญาณอยู่ในร่าง จึงทราบอย่างละเอียดว่าสภาพแวดล้อมในบริเวณแบบใดที่จะหาสมุนไพรวิญญาณทั้งหกตามภารกิจของการแข่งขันเจอ
บุปผาวารีเติบโตในหนองน้ำที่ชื้นแฉะ
หลิงเยว่มองไปในระยะไกล และเห็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตของบุปผาวารี
ยอมแพ้ดีหรือไม่?
เป็นไปไม่ได้! กว่าจะตามหาที่นี่เจอไม่ใช่เรื่องง่าย และใครเลยจะรู้ว่าที่อื่นจะมีบุปผาวารีอีกหรือไม่?
หลิงเยว่เข้าใกล้หนองน้ำอย่างเงียบ ๆ การต่อสู้ค่อนข้างดุเดือด คาถาหลากสีสันพาดผ่านอากาศอย่างบ้าคลั่ง ทำให้ผู้คนตื่นตาและหัวใจเต้นเร็วขึ้น
บุปผาวารีนี้ไม่โดดเด่น สีดั้งเดิมของมันเหมือนกับหนองน้ำสีน้ำตาลเข้ม และมีขนาดเล็กมากจนคนทั่วไปไม่สามารถมองเห็นมันได้ เว้นแต่ว่าจะเพ่งมองดี ๆ
หลิงเยว่ตั้งใจจะเข้าไปคว้าบุปผาวารีดอกหนึ่งที่มุมหนึ่งของหนองน้ำ นางม้วนขากางเกงขึ้นแล้วกำลังจะลงไป
“ออกไปจากที่นี่เสีย ที่นี่ข้าจองแล้ว!”
ลูกไฟขนาดเล็กพุ่งลงไปยังหนองน้ำตรงหน้าของหลิงเยว่ แรงระเบิดของมันทำให้น้ำสาดกระเซ็นไปทั่ว
คนคนนี้เป็นอันธพาลยิ่งกว่าพวกที่แล้วอีก!
หลิงเยว่ขมวดคิ้วและมองดูชายที่เพิ่งขว้างลูกไฟใส่นาง หากไม่ใช่เพราะว่าลูกไฟนั้นไม่ได้ตั้งใจจะทำร้าย นางคงเขวี้ยงยันต์เทพธิดาโปรยบุปผาคืนไปแล้ว
“ศิษย์พี่ ท่านก็น่าจะเห็นว่าที่ตรงนี้มีคนไม่มากนัก ท่านแบ่งให้ข้าสักดอกได้หรือไม่เจ้าคะ”
ดวงตาของหลิงเยว่แดงและดูน่าสงสารมาก
“ต้องการงั้นหรือ?” ผู้บำเพ็ญในชุดสีน้ำเงินยิ้ม
หลิงเยว่พยักหน้าอย่างดุเดือดเหมือนกับไก่กำลังจิกข้าวกิน ดวงตาที่ชุ่มฉ่ำของนางเต็มไปด้วยความคาดหวัง
“หินวิญญาณระดับล่างหนึ่งหมื่นก้อน!”
นี่มันคือการปล้นชัด ๆ!
ใบหน้าของหลิงเยว่แข็งค้าง
ราคาปกติของบุปผาวารีคือหินวิญญาณระดับล่างยี่สิบก้อน แต่ตอนนี้คนผู้นี้เรียกราคานางถึงหนึ่งหมื่นเลยหรือ?
“ให้ข้าไม่ได้จริง ๆ หรือ?” หลิงเยว่สูดลมหายใจเข้าลึก “ศิษย์พี่… ข้านำหินวิญญาณติดตัวมาเพียงพันก้อนเท่านั้น ข้าค่อยให้ที่เหลือเมื่อข้าออกไปได้หรือไม่เจ้าคะ?”
“หยุดพูดไร้สาระ หินวิญญาณระดับล่างหมื่นก้อน!”
หลิงเยว่หันกลับไปสามครั้งในแต่ละก้าว ก่อนจากไปพร้อมความเสียใจอย่างไม่เต็มใจนัก
แต่ทันใดนั้นนางก็คิดอะไรบางอย่างได้ มันก็แค่บุปผาวารีไม่ใช่หรือ?
ถ้านางหามันไม่เจอจริง ๆ ก็แค่ซื้อมันจากระบบแลกเปลี่ยนก็ได้นี่นา!
ใช่! ทำไมนางคิดวิธีนี้ไม่ออกนะ
ไม่ได้สิ… ตอนนี้นางกำลังถูก ‘เฝ้ามองจากผู้ชม’ อยู่ตลอดเวลา การกระทำทั้งหมดอยู่ภายใต้สายตาของเหล่าผู้อาวุโสหรือไม่ก็ผู้นำยอดเขาต่าง ๆ ไม่ว่านางจะค้นพบสมุนไพรวิญญาณหรือได้มาอย่างไร คนเหล่านั้นก็ต้องรู้
ถ้าเกิดอยู่ดี ๆ นางควักสมุนไพรวิญญาณออกมาหกชนิดพร้อมกัน มันย่อมกระตุ้นให้พวกเขาสงสัยอย่างแน่นอนและการทำเช่นนั้นอาจทำให้ระบบในร่างของนางถูกเปิดเผย หลิงเยว่รับความเสี่ยงนี้ไม่ได้!