ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 41 ซาลาเปานี้ดูอร่อยนัก
บทที่ 41 ซาลาเปานี้ดูอร่อยนัก
บทที่ 41 ซาลาเปานี้ดูอร่อยนัก
“ผียากจนเอ๊ย!”
แม้จะเดินห่างไปไกลแล้ว แต่หลิงเยว่ยังคงได้ยินคำดูถูกเรียกนางว่าคนยากจน
นี่มันน่ารำคาญเสียจริง!
ข้าละอยากจะเอาถุงหินวิญญาณฟาดเขาให้ตายไปเสีย ถึงเวลานั้นเขาจะกล้าเรียกว่าผียากจนอีกหรือไม่!
ยิ่งผู้บำเพ็ญในชุดสีน้ำเงินมองดูการแสดงออกของหลิงเยว่มากเท่าใด เขาก็ยิ่งรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติมากขึ้นเท่านั้น!
ทำไมข้าถึงโง่เช่นนี้ สาวน้อยคนนี้สวมเสื้อคลุมสีเขียวนี่!
สีเขียวนี้แสดงถึงโอสถ หินวิญญาณ และความมั่งคั่ง!
ใครในสำนักจะไม่รู้ว่าศิษย์สายในของยอดเขาโอสถนั้นร่ำรวยมาก!
ต่อให้จะไม่มีหินวิญญาณ แต่เด็กสาวคนนี้ก็ต้องมียามากมายอยู่กับตัว
“หยุด!”
ผู้บำเพ็ญชุดสีน้ำเงินไล่ตามหลิงเยว่ด้วยความเร็วราวกับลม ทำให้ใบหน้าของเขากลายเป็นบิดเบี้ยวน่าเกลียด
หลิงเยว่ที่กำลังวางแผนจะออกจากจุดนี้ก่อนแล้วไปที่มุมอื่นของหนองน้ำเพื่อพยายามขโมยดอกไม้อีกทีพลันตกตะลึง การเล่นละครของนางถูกจับได้ก่อนงั้นหรือ?
เป็นไปไม่ได้… เป็นไปไม่ได้!
ทั้งสีหน้าและท่าทางการเสแสร้งอย่างน่าสงสารของนางเมื่อครู่ดูสมจริงเกินไปเสียด้วยซ้ำ!
หลิงเยว่อดหันกลับมาไม่ได้ แต่เมื่อเห็นใบหน้าที่ดุร้ายนั้น นางไม่มีความคิดที่จะขโมยดอกไม้อีกต่อไป มีเพียงความคิดเดียวในใจคือหนีเท่านั้น! และมันต้องเป็นการหนีให้เร็วที่สุดด้วย! เมื่อรวมความเร็วของวิชาเคลื่อนคล้อยไร้ลักษณ์และการกินซาลาเปาย่างก้าววายุเข้าไป…
ความเร็วของนางก็ไม่ต่างอะไรกับลมพัด!
ผู้บำเพ็ญในชุดสีน้ำเงินที่กำลังจะตามทันอยู่แล้วเชียว กลับต้องจ้องมองไปที่แผ่นหลังของหลิงเยว่ที่ห่างออกไปเรื่อย ๆ เขาพลันรู้สึกโกรธขึ้นมา
เด็กสาวคนนี้ระดับการบำเพ็ญของนางอยู่ที่ขอบเขตกลั่นปราณขั้นห้าเท่านั้น แต่กลับวิ่งได้เร็วมากถึงเพียงนี้!
ไม่สิ! เขาจะยอมง่าย ๆ เช่นนี้ไม่ได้ ต้องจับนางให้ได้!
จากนั้นก็บังเกิดฉากไล่ล่าที่ศิษย์พี่ไล่แล้วศิษย์น้องก็วิ่งหนี และเด็กสาวก็กินซาลาเปาไปพลางในขณะที่วิ่งหนีซึ่งทำให้ผู้เฝ้าดูเหตุการณ์อย่างสยงฉีเลวี่ยหัวเราะอีกครั้ง
ด้วยการมีอยู่ของหลิงเยว่ มิติลับของศิษย์ขอบเขตสร้างรากฐานยังไม่น่าสนใจเท่ากับที่เขาดูตอนนี้เลย
“เผชิญกับสถานการณ์เช่นนั้นนางยังมีอารมณ์กินซาลาเปาอีก แต่มันก็ดูน่าอร่อยจริง ๆ”
เมื่อนึกถึงหม้อไฟเนื้อที่เคยกินที่ภูเขาด้านหลัง สยงฉีเลวี่ยก็เริ่มน้ำย่อยเดินทันที เขาเหลือบมองลูกศิษย์ของเขา ทำไมเด็กนี่ถึงดูสมบูรณ์ขึ้นเช่นนี้?
ขณะที่สยงฉีเลวี่ยกำลังคิด กลิ่นหอมแปลก ๆ ก็ลอยมาจากด้านข้าง
เขาหันกลับไปมอง
คู่อาจารย์ศิษย์ชิงยวนและหลงหว่านโหรวกำลังกินซาลาเปาอยู่!
มิหนำซ้ำบนโต๊ะยังมีขนมที่ดูสวยงามมากมายอยู่ และชานมสีเขียวในแก้วกระเบื้องเคลือบ เพียงมองแวบเดียวก็รู้ว่ามันไม่ใช่ชาวิญญาณธรรมดาทั่วไป
ชิงยวนยื่นซาลาเปาให้สยงฉีเลวี่ยด้วยดวงตาที่โอ้อวดภาคภูมิใจ
“ก็เพียงแค่ซาลาเปาของพวกมนุษย์ธรรมดา”
ปากของสยงฉีเลวี่ยพูดอย่างดูถูก แต่มือของเขากลับรีบคว้าซาลาเปาและกัดคำใหญ่อย่างรวดเร็ว เขาเคี้ยวมันก่อนจะเหลือบมองซาลาเปา
มันเป็นไส้หมูวิญญาณธรรมดา ๆ แต่ส่วนผสมที่ดูโปร่งใสและมีสีแดงนี้คืออะไร?
เหมือนผักวิญญาณแต่ก็ไม่เชิง มันมีรสหวาน กรอบ และแฝงไปด้วยปราณธาตุวายุ…
รสชาติอร่อยและเนื้อสัมผัสก็ยอดเยี่ยมมากเช่นกัน!
“ได้อย่างไรกัน?”
ท่าทางอยากรู้อยากเห็นและงุนงงของสยงฉีเลวี่ยทำให้ชิงยวนพอใจ
ตอนแรกที่ลูกศิษย์คนโตของนางเอาซาลาเปามาให้ก่อนหน้านี้ ชิงยวนก็ไม่ชอบมันเช่นกัน ด้วยรูปลักษณ์ดูธรรมดาไม่ได้สวยงามเหมือนขนมดอกบัวและขนมดอกท้อ รวมถึงมีหลายลูกที่ถูกปั้นอย่างน่าเกลียดมาก จนนางไม่รู้ว่าจะเริ่มกัดจากตรงไหน
แต่เมื่อได้กัดเข้าไป…
สีหน้าของชิงยวนก็เป็นเช่นเดียวกับสยงฉีเลวี่ย
“ขอข้าชิมอีกได้หรือไม่ กินแค่ลูกเดียวข้ายังไม่ค่อยเข้าใจเท่าใดนัก”
เพียงซาลาเปาลูกเล็ก ๆ สยงฉีเลวี่ยก็กินหมดภายในสองคำ เขารู้สึกว่ารสอร่อยที่อยู่ในปากยังไม่เพียงพอ
ไม่น่าแปลกใจเลยที่หลิงเยว่สามารถกินซาลาเปาในขณะที่นางวิ่งหนี ปรากฏว่าซาลาเปานี้มันให้ผลเหมือนกับโอสถย่างก้าววายุ!
เฮ้อ… เขารู้มาก่อนอยู่แล้วว่าสาวน้อยคนนี้ไม่ธรรมดา แต่นี่มันจะไม่เกินไปหน่อยหรือ!
แต่ก่อนที่ชิงยวนจะทันได้ปฏิเสธ ขนมดอกบัว ขนมดอกท้อ ซาลาเปา และชานมวิญญาณที่วางอยู่บนโต๊ะเล็กก็หายไปหมดแล้ว!
หลงหว่านโหรว และชิงยวน “…”
นี่มันไร้ยางอายเกินไปหน่อยหรือไม่ที่ผู้บำเพ็ญขอบเขตบำเพ็ญเต๋าและเหล่าผู้นำยอดเขาทั้งหลายปล้นอาหารกันหน้าตาเฉยเช่นนี้?
ผู้ฝึกฝนกายาแม้จะมีข้อดีไม่มากนัก แต่ข้อดีที่ใหญ่ที่สุดคือพวกเขาเป็นคนผิวหน้าหนาและไม่กลัวที่จะโดนดูถูก
“ข้ายังพอมีเหลืออยู่อีกบ้าง”
หลงหว่านโหรวควักอมยิ้มฟื้นปราณ ขนมดอกบัว น่องไก่ทอด เครื่องดื่ม เกี๊ยววิญญาณทอดและปีกไก่ย่างออกมาแจกจ่ายให้กับเหล่าผู้นำยอดเขาและผู้อาวุโสทุกคนที่อยากรู้อยากเห็น
“ศิษย์น้องห้ากลัวว่าอาจารย์กับข้าจะเบื่อขณะดูการแข่งขัน นางจึงเตรียมของว่างเหล่านี้ไว้ให้เจ้าค่ะ”
“แม้เสี่ยวเยว่จะไม่ฉลาดเล็กน้อยแต่นางก็มีน้ำใจมาก”
สยงฉีเลวี่ยผู้ที่งดเว้นธัญพืชมาโดยตลอดเมื่อได้กินอาหารของหลิงเยว่ไปแล้ว เขาก็ไม่สนใจการงดเว้นธัญพืชอีก เขาย่อมไม่ปฏิเสธอาหารของหลิงเยว่แน่นอน
อันที่จริงเขาปล้นอาหารฝีมือของหลิงเยว่จากอวี้เจินอยู่เรื่อย ๆ เช่นกัน
ลูกศิษย์อกตัญญูผู้นี้ไม่ค่อยจะแบ่งปันอาหารอร่อย ๆ กับอาจารย์ของนางสักเท่าไร ความรักที่ข้ามีให้ต่อนางช่างไร้ผล!
เมื่อกัดน่องไก่ทอดชั้นนอกหอมกรอบเนื้อในนุ่มมาก และมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวของสมุนไพรวิญญาณ กลิ่นหอมนั้นติดค้างอยู่ในปาก ช่างเพลิดเพลินจริง!
ในขณะเดียวกันนี้สยงฉีเลวี่ยก็คิดถึงสิ่งที่เจ้าสำนักเล่อเหอพูดอยู่ทุกวี่วัน ซึ่งมันดูเหมือนจะเป็นเรื่องจริง
การบำเพ็ญอย่างเดียวช่างน่าเบื่อหน่ายนัก ฝึกก็ควรอยู่ส่วนฝึก แต่เหตุใดต้องควบคุมการกินดื่มด้วย การบำเพ็ญไม่ใช่ทั้งหมดของโลกนี้ การได้สนุกไปกับสิ่งอื่น ๆ บ้างไม่ใช่เรื่องเปล่าประโยชน์
ทันใดนั้นปราณรอบกายของสยงฉีเลวี่ยที่กำลังกินน่องไก่ทอด จู่ ๆ ก็ปะทุขึ้นมา
“รู้แจ้งอย่างฉับพลัน…?”
ผู้นำยอดเขาหลอมศาสตราซึ่งนั่งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของสยงฉีเลวี่ยตกตะลึง สามารถเข้าสู่สภาวะรู้แจ้งจากการกินเพียงน่องไก่ทอดหรือ?
เขาเองก็ได้กินอาหารกล่องใหญ่ที่ศิษย์ของเขาเอามาให้เมื่อครั้งที่แล้ว แต่ทำไมตอนนั้นตนถึงไม่เข้าสู่สภาวะรู้แจ้งเล่า?
หรืออาจเป็นเพราะอาหารครั้งนี้แตกต่างออกไป
ผู้นำยอดเขาหลอมศาสตราแอบเก็บอาหารทั้งหมดบนโต๊ะไว้ในวงแหวนมิติ เพื่อที่จะเอาพวกมันไปใช้ในการปิดด่านหลังจากนี้!
ผู้นำยอดเขาและผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ดูถูกอาหารเหล่านี้ แต่พวกเขาก็เกรงใจเกินกว่าจะปฏิเสธ พวกเขางดเว้นธัญพืชมาหลายปีแล้ว และมีภูมิคุ้มกันต่ออาหารเหล่านี้
ทว่าสถานการณ์ตอนนี้…
หัวขโมยแอบเก็บอาหารบนโต๊ะเข้าไปในแหวนมิติ และแสร้งทำเป็นว่าไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น หนำซ้ำยังมองไปยังอีกคนที่กัดน่องไก่ทอดหมดไปครึ่งหนึ่งด้วยความอิจฉาอีก!
ในโลกของผู้บำเพ็ญ การรู้แจ้งอย่างฉับพลันเพียงครั้งเดียว ย่อมดีกว่าการฝึกฝนหลายร้อยปี
หลงหว่านโหรวเดินเข้าไปหาผู้นำยอดเขาหลอมศาสตราและแบมือของนางออกไป
“ผู้นำยอดเขาต้วน อาหารเหล่านั้นที่ท่านเก็บไปคิดเป็นราคาหินวิญญาณระดับล่างรวมสองหมื่นก้อน”
ต้วนไท่หนิง “…”
แม้ว่าจิตใจจะเต็มไปด้วยคำถาม แต่เขาก็ยังมอบหินวิญญาณระดับล่างให้นางสองหมื่นก้อนอย่างว่าง่าย
ช่างตระหนี่นัก!
ผู้คนในยอดเขาโอสถนั้นหน้าเงินมากกว่าคนอื่น ๆ หลายเท่า!
จากนั้นในเวลาไม่นานนักผู้นำยอดเขาจุตรเทพที่อยู่ข้าง ๆ ก็เผชิญกับเหตุการณ์เดียวกับต้วนไท่หนิง
หลงหว่านโหรวได้หินวิญญาณระดับล่างสองแสนหกหมื่นก้อนมาอย่างง่ายดาย!
ศิษย์น้องห้าน่าจะมีความสุขมาก!
หลงหว่านโหรวเก็บถุงหินวิญญาณเข้าไปในแหวนมิติอย่างมีมารยาท โดยไม่สนใจการจ้องมองที่ไม่อยากจะเชื่อของชิงยวน แล้วจ้องมองไปที่คันฉ่องสวรรค์อีกครั้ง
หลังจากการรู้แจ้งของผู้นำยอดเขาสยงสิ้นสุดลง นางก็สามารถสร้างโชคลาภให้กับศิษย์น้องห้าได้ ท้ายที่สุดแล้วแก่นปราณทั้งห้าของหลิงเยว่จำเป็นต้องใช้หินวิญญาณจำนวนมากในการเป็นทุนฝึกฝน
หลิงเยว่ไม่รู้ว่าศิษย์พี่ใหญ่ของนางทำภารกิจให้นางเสร็จล่วงหน้าไปแล้ว เด็กสาวยังคงเล่นวิ่งไล่จับกับผู้บำเพ็ญชุดสีน้ำเงินที่อยู่ข้างหลังนาง
“ศิษย์พี่ เหตุใดท่านถึงไล่ตามข้าอย่างเอาเป็นเอาตายเช่นนี้เจ้าคะ”
หลิงเยว่คิดถึงเหตุผลต่าง ๆ แต่นางไม่ได้ดูร่ำรวยเสียหน่อย และอยู่เพียงขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นห้าเท่านั้น แม้ว่าจะไม่ถูกตัดสิทธิ์ในรอบนี้ แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงที่นางจะไม่รอดไปจนจบ
ผู้บำเพ็ญในชุดสีน้ำเงินวิ่งอย่างเอาเป็นเอาตายจนขาของเขาแทบจะไร้ความรู้สึก
เขามีเหตุผลที่สงสัยว่านักกลั่นโอสถสาวน้อยคนนี้กำลังซ่อนระดับการบำเพ็ญ ด้วยเพราะนักกลั่นโอสถธรรมดานั้นอ่อนแอ และไม่สามารถวิ่งหนีได้เร็วเช่นนี้แน่นอน
เขามองนางผิดไป!