ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 436 ช่างประหลาดเหลือเกิน
บทที่ 436 ช่างประหลาดเหลือเกิน
หุบเหวปีศาจยังคงมืดมิด และสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงเป็นครั้งคราว ราวกับได้ยินเสียงคำรามแปลก ๆ ของสัตว์ร้ายอยู่ไกล ๆ ช่างน่าขนลุกยิ่งนัก
ส่วนภาพจากหินวิเศษที่ผู้อาวุโสกระทิงนำไปยังไม่ส่งภาพกลับมา ท้องฟ้าเบื้องบนที่แจ่มใสกับฟ้าทางไกลที่มืดครึ้มสร้างความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด
ทันใดนั้นมีเสียงฟ้าร้องดังสนั่น ทุกคนต่างตกใจหันไปมองท้องฟ้าที่มืดมิด รวมถึงร่างแยกของเทพปีศาจทั้งสามที่อยู่ในเหวลึกด้วย
ในจำนวนนั้นดวงตาขุ่นมัวของร่างที่สามมีประกายสีแดงวาบผ่านไปชั่วขณะ
“เอ๊ะ ทำไมดูคล้ายเผ่าหงส์เพลิงเช่นนี้?”
ร่างที่หนึ่งและสองลุกขึ้นยืนพร้อมกัน จ้องมองไปยังที่ไกล ๆ ด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“เผ่าหงส์เพลิงไม่ได้สูญพันธุ์ไปแล้วหรอกหรือ?” ร่างแรกพึมพำด้วยความสงสัย เมื่อครั้งก่อนร่างที่สี่ร่วมมือกับร่างที่ห้าสังหารเผ่าหงส์เพลิงจนหมดสิ้น แม้แต่ภูเขาหงส์ก็ถูกเผาวอดวายไปด้วยไฟไปแล้วไม่ใช่หรือ?
แน่นอนว่าไม่ใช่แค่เผ่าหงส์เพลิงที่ถูกสังหาร สัตว์เทพทุกตระกูลที่มีชื่อเสียงในแดนเทพล้วนถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ทั้งสิ้น!
“ฮึ! สายพันธุ์บริสุทธิ์คงเป็นไปไม่ได้แล้ว เกรงว่าจะเป็นเพียงลูกผสมที่หลงเหลืออยู่ในโลกบำเพ็ญเซียนเท่านั้นแหละ”
ร่างแยกหมายเลขสองตอบอย่างไม่ใส่ใจ แต่ก่อนทั้งตระกูลของพวกมัน เขายังไม่กลัว ตอนนี้มีเพียงตัวเดียวจะสร้างคลื่นอะไรได้?
ร่างแยกหมายเลขหนึ่งเห็นด้วยกับคำพูดของหมายเลขสอง จึงนั่งลงดื่มชาอย่างสงบ แต่หมายเลขสามกลับไม่สงบ เพราะเขาต้องการหงส์เพลิงลูกผสมตัวนั้น
รู้อย่างนี้เขาน่าจะให้ร่างแยกหมายเลขสี่และหมายเลขห้าเก็บไว้ให้เขาเล่นสักตัว ฮึ!
ชิงเหนี่ยวที่ถูกหยอกเล่นมาตลอด จู่ ๆ ก็ถูกมือหนึ่งจับไว้ ตอนนั้นมันอยู่ในร่างไส้เดือนอ้วน ร่างกายดิ้นรนไม่หยุด แต่มันไม่สามารถหลุดจากพันธนาการนั้นได้เลย
ภาพชิงเหนี่ยวถูกจับได้อย่างง่ายดายปรากฏในสายตาของหลิงเยว่ หัวใจของนางบีบรัด เมื่อรวมกับบทสนทนาของหมายเลขหนึ่งและหมายเลขสอง ยิ่งทำให้นางเดาได้ว่าศิษย์พี่สี่ของนางได้ฟักออกจากไข่แล้ว และกำลังฝ่าทัณฑ์สวรรค์อยู่
หากร่างวิปริตหมายเลขสามนั่นออกไปจับผู่ตาน ศิษย์พี่สี่ของนางจะไม่ตกอยู่ในอันตรายหรือ?
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีไข่มังกรอีกหนึ่งฟอง!
ไม่ได้! เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด ผู่ตานต้องฝ่าทัณฑ์สวรรค์ปลอดภัย โม่จวินเจ๋อก็ต้องปลอดภัยด้วย!
ร่างที่สามยังสั่งการไม่ทันจบ ลมแรงก็พัดผ่านกายเขาอย่างฉับพลัน ตามด้วยกลิ่นอายของเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ที่โชยมา แล้วทั่วทั้งหุบเหวก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายของเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ในพริบตา โดยเฉพาะในค่ายกลปีศาจบรรพกาลที่มีกลิ่นอายเข้มข้นล้อมรอบอยู่
สิ่งมีชีวิตที่หลับใหลอยู่ในหอคอยปีศาจต่างลืมตาขึ้นพร้อมกัน
หุบเหวแผ่กลิ่นอายน่าสะพรึงกลัวออกมา ทำให้ขนลุกซู่ ผู้คนที่ถอยออกมาจากเหวลึกก่อนหน้านี้ รวมถึงหัวหน้าเผ่าต่างรู้สึกขนลุกชันในเวลาเดียวกัน
“เกิดอะไรขึ้นข้างใน…”
ผู้นำเผ่ากระทิงงามถอยหลังโดยไม่รู้ตัว เหงื่อเย็นไหลออกมาจากหน้าผากอย่างบ้าคลั่ง
“ข้าจะเข้าไปดู…”
สิงโตขนเงินฝืนความกลัวกำลังจะเข้าไปสำรวจ ทว่ากองทัพสัตว์ของหลิงเยว่ก็ส่งเสียงร้องอย่างบ้าคลั่งขึ้นมา นกดำสองตัวบินมาคว้าตัวสิงโตผู้ไม่กลัวตายไปทางซ้ายและขวา
แม้กองทัพสัตว์จะตื่นตระหนก แต่ยังไม่ลืมหน้าที่ของตน พาคนที่อยากเข้าไปสำรวจในเหวลึกออกมาทั้งหมด
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” สิงโตขนเงินไม่กล้าดิ้นรนมากเกินไป เกรงว่าจะทำร้ายเพื่อนตัวน้อยของหลิงเยว่ แต่นางยังต้องการคำตอบ
น่าเสียดายที่ชิงเหนี่ยวไม่อยู่ที่นี่ จึงไม่มีสัตว์ตัวใดสามารถตอบคำถามได้
“บางทีอาจเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหอคอยปีศาจ… ตื่นขึ้นแล้ว…” ผู้นำเผ่าทิงมี่พูดอย่างงุนงง หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้นอย่างไร้สาเหตุ เขารู้สึกได้ถึงดอกไม้ปีศาจในร่างที่ปั่นป่วน
หลิงเยว่คงได้พบกับคนผู้นั้นเข้าแล้ว!
จบกัน…
ทันใดนั้นผู้นำเผ่าทิงมี่ก็สลบไป ร่างกายของเขาถูกปกคลุมด้วยดอกไม้ปีศาจในพริบตา
ภาพนี้สร้างความตกใจให้กับอดีตผู้นำเผ่า เขาเคยเห็นกับตาตอนที่หลิงเยว่ปลูกดอกไม้ปีศาจลงในร่างของผู้นำเผ่าทิงมี่ ตอนนี้ดอกไม้ควบคุมไม่ได้ ย้อนกลับมาทำร้ายผู้นำเผ่าทิงมี่ นั่นหมายความว่าเจ้าของเมล็ดพันธุ์ปีศาจตอนนี้…
“หลิงเยว่ตายแล้วหรือ?!”
“เป็นไปไม่ได้ มันจะเป็นไปได้อย่างไร…”
อดีตผู้นำเผ่าทรุดลงข้างร่างของผู้นำเผ่าทิงมี่ หลิงเยว่คือไพ่ตายที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาในการต่อต้านเทพปีศาจ หากนางตายจริง แม้พวกเขาจะทำลายแผนการของมังกรปีศาจที่จะเปลี่ยนสองโลกให้เป็นเตาหลอม แต่พวกเขาก็ไม่อาจต้านทานเทพปีศาจได้
ทุกอย่างจบสิ้นแล้ว…
“ท่านพ่อ บางทีอาจไม่ได้แย่ขนาดนั้น หลิงเยว่อาจยังมีชีวิตอยู่…” ผู้นำเผ่ากระทิงงามไม่อาจยอมรับได้
ดอกไม้ปีศาจยังคงขยายไม่หยุด มันเติบโตจากร่างของผู้นำเผ่าทิงมี่ลงสู่พื้น แล้วแผ่กระจายเป็นแปลงใหญ่ไปทางหอคอยปีศาจ
“พวกมัน…” ปลาปีศาจกลายพันธุ์ชี้ไปที่กลุ่มดอกไม้สีดำที่เติบโตไปถึงเขตของหุบเหวปีศาจอย่างงงงวย “ต้องการทำอะไร?”
ในขณะที่ทุกคนจ้องมองดอกไม้ปีศาจ พวกมันก็หยุดอยู่ตรงเขตหุบเหวปีศาจ ไม่ได้ขยายต่อไป แต่กลับแผ่กระจายไปรอบ ๆ ดูเหมือนว่าจะล้อมหุบเหวปีศาจเอาไว้
ช่างประหลาดเหลือเกิน
มหาปุโรหิตค่อย ๆ เข้าใกล้ ‘ศพ’ ของผู้นำเผ่าทิงมี่ที่เต็มไปด้วยดอกไม้อย่างระมัดระวัง ต้องการจะลองตรวจดูลมหายใจว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ แต่เมื่อยื่นมือออกไปก็ถูกอดีตผู้นำเผ่าตบมือออก
“เจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือ!?”
แม้ว่าดอกไม้ปีศาจจะดูไม่มีอันตราย และเติบโตรอบตัวพวกเขา แต่ผู้ที่เคยได้ยินชื่อเสียงของเมล็ดพันธุ์ปีศาจ จะไม่กล้าแตะต้องดอกไม้สีดำเล็ก ๆ เหล่านี้อย่างง่ายดาย เพราะหากสัมผัสเข้าจะมีชะตากรรมเช่นเดียวกับผู้นำเผ่าทิงมี่
ผู้นำเผ่ากระทิงงามก้มมองดอกไม้ที่เติบโตอ้อมเท้าทั้งสองข้างของนาง แล้วถามเสียงเบา “ดอกไม้ยังมีสติอยู่ นั่นหมายความว่า… หลิงเยว่ยังมีลมหายใจอยู่ใช่หรือไม่?”
“อาจจะเป็นเช่นนั้น”
พญางูงามถอนหายใจเบา ๆ แม้ว่าจะยังมีลมหายใจอยู่จริง แต่พวกเขาคงไม่สามารถเข้าไปช่วยเหลือได้
ในขณะนั้นเอง หินเงาพลันเปล่งประกายสีแดงเพลิงขึ้นมา จากนั้นร่างที่มีสีสันสดใสยิ่งกว่าก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าผู้คนทั้งหลาย
เสียงร้องของหงส์ดังก้องกังวาน ฟ้าดินกลายเป็นสีแดงและดำ
หงส์สีแดงกางปีกออก พุ่งเข้าหาสายฟ้าอย่างไม่หวั่นเกรง ในชั่วขณะถัดมาร่างของมันก็จมหายไป หินเงาแข็งแกร่งปรากฏรอยแตก ก่อนจะกลายเป็นผงธุลีในอึดใจต่อมา
“!!!”
ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์พร้อมใจกันมองไปยังท้องฟ้าสีดำอีกด้านหนึ่ง สายฟ้าแลบถี่ยิบ เมฆฝนกรรโชก เสียงฟ้าร้องคำรามไม่ขาดสาย บางครั้งมีสีแดงวูบผ่านไปมา แล้วหายไป วนเวียนซ้ำไปซ้ำมา…
เนื่องจากผู้อาวุโสกระทิงเข้าใกล้จุดที่เกิดเหตุมากเกินไป ไม่เพียงแต่ถูกสายฟ้าลามมาโดน ขนและเสื้อผ้าบนร่างของเขาก็ถูกอุณหภูมิสูงของไฟหงส์เผาจนหายไปหมดสิ้น กลายเป็น… กระทิงไร้ขน
ชิงหลงที่อยู่ข้าง ๆ อดหัวเราะออกมาไม่ได้
นางบอกเขาแล้วว่าอย่าเข้าไปใกล้นัก แต่เขายังดื้อดึง สมน้ำหน้า!