ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 439 ทั้งหมดเป็นนาง แต่ก็ไม่ใช่นาง
บทที่ 439 ทั้งหมดเป็นนาง แต่ก็ไม่ใช่นาง
ความจริงแล้วเมล็ดพันธ์ุศักดิ์สิทธิ์… อยู่ใต้เท้าของพวกเขาหรือ?
ร่างแยกหมายเลขหนึ่งไม่มั่นใจนัก แม้ว่าที่นี่จะมีกลิ่นอายของเมล็ดพันธ์ุศักดิ์สิทธิ์เข้มข้นที่สุด แต่ทำไมพวกเขาสามคนถึงหาเมล็ดพันธ์ุศักดิ์สิทธิ์ไม่พบ?
เป็นเพราะพรางตัวของเมล็ดพันธ์ุศักดิ์สิทธิ์แข็งแกร่งเกินไป หรือว่าเมล็ดพันธ์ุศักดิ์สิทธิ์ได้หนีไปแล้ว?
ไม่! เป็นไปไม่ได้ ค่ายกลปีศาจบรรพกาลของเขาไม่ได้ห่วยขนาดนั้น
“เมล็ดพันธ์ุศักดิ์สิทธิ์ที่บาดเจ็บนี้ช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ แม้แต่ท่านผู้นั้นก็อาจจะหาไม่พบ”
หมายเลขสองยังคงเชื่อมั่นว่าเมล็ดพันธ์ุศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่นี่ เขาค่อย ๆ ใช้พลังขุดดินขึ้นมาทีละน้อย ไม่ใช่ว่าเขาไม่สามารถพลิกผืนดินได้ในพริบตา แต่ถ้าเกิดทำร้ายเมล็ดพันธ์ุศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาจะทำอย่างไรเล่า?
ชิงเหนี่ยวที่ถูกบังคับให้ใช้กรงเล็บขุดดิน ยิ่งขุดก็ยิ่งกังวล มันมีสายสัมพันธ์ลึกซึ้งที่สุดกับหลิงเยว่ มันรู้สึกถึงนาง แต่กลับไม่รู้ว่าดินก้อนไหนคือนางกันแน่
ชิงเหนี่ยวกะพริบตาอย่างงุนงง กรงเล็บเต็มไปด้วยดินสีดำ
“ขุดเจอนายของเจ้าแล้วหรือ?” ร่างแยกหมายเลขสามย่อตัวลงหน้ากรงเล็บของชิงเหนี่ยว ดวงตาขาววาววับด้วยแสงสีดำ เขาค่อย ๆ กวาดตามองผ่านดิน พยายามจะคัดหลิงเยว่ออกมาจากดินที่ดูเหมือนกันไปหมด แต่ก็หาไม่พบเลย
ดูเหมือนทั้งหมดจะเป็นนาง แต่ก็ดูเหมือนไม่ใช่นางเลย
“โอ้! เจ้าช่างยอดเยี่ยมนัก”
คำพูดของร่างแยกหมายเลขสามเพิ่งจะจบลง เสียงคำรามของมังกรก็ดังก้อง ตามมาด้วยเสียงคำรามตอบกลับ ในม่านหมอกดำ มังกรยักษ์สีเขียวและมังกรดำที่กลมกลืนกับพลังปีศาจกำลังต่อสู้กัน
และมังกรดำตัวนี้ก็คือมังกรปีศาจที่วนเวียนอยู่รอบหอคอยปีศาจมาตลอดหลายปี!
ชิงหลงพ่นลมหายใจใส่มังกรอัปลักษณ์สีดำตรงหน้าอย่างไม่พอใจ จากนั้นสะบัดหางยาว ทั้งตัวพุ่งเข้าหามังกรปีศาจทันที ขณะที่กำลังจะอ้าปากกัด กลับถูกหางเรียบลื่นสีม่วงเข้มฟาดกระเด็นไปเสียก่อน
มังกรปีศาจใช้กรงเล็บจับชิงหลงไว้ สิ่งที่มีหางสีม่วงเข้มก็ใช้หางพันรัดหางชิงหลงอีกครั้ง
ชิงหลงเปล่งแสงสีเขียวทั่วร่าง ป้องกันไม่ให้กรงเล็บมังกรแทงทะลุเกล็ดและฉีกเนื้อของนาง ในดวงตาสีเขียวสะท้อนภาพเทียนหลงสีม่วงเข้ม
เทียนหลงที่มาจากตระกูลเดียวกับหู่พั่ว
“มังกรทองห้าเล็บ สายเลือดสูงส่งที่สุดของเผ่ามังกร ยังต้องหาผู้ช่วยอีกหรือ? ช่าง… ไร้ประโยชน์นัก!”
ชิงหลงปล่อยพลังออกมาเต็มที่ แสงสีเขียวขับไล่พลังปีศาจในชั่วพริบตา ทำให้กรงเล็บมังกรที่จับร่างของนางคลายออกชั่วขณะ แต่หางที่พันอยู่รอบหางของนางกลับรัดแน่นขึ้น
พลังปีศาจที่สลายไปก่อนหน้านี้เริ่มรวมตัวกันอีกครั้งเมื่อเทียนหลงหลับตาลง
อย่างไรก็ตาม อย่างน้อยชิงหลงก็หลุดพ้นจากกรงเล็บของมังกรปีศาจ นั่นถือว่าเพียงพอแล้ว
มังกรปีศาจบินอยู่ข้าง ๆ จ้องมองชิงหลงด้วยสายตาเย็นชา “หัวใจของข้าอยู่ที่ใด?”
“อยู่ตรงนี้”
ก่อนที่ชิงหลงจะทันได้ตอบ เสียงดังกังวานก็ตอบคำถามของมังกรปีศาจเสียก่อน
เห็นเพียงชายหนุ่มในชุดคลุมดำเดินออกมาจากกลุ่มพลังปีศาจ ในมือของเขากำลังถือหัวใจสีดำที่ยังเต้นอยู่
ตุบ ตุบ…
ในชั่วขณะที่มังกรปีศาจเห็นหัวใจของตน ดวงตาของนางพลันแดงก่ำ!
“เจ้าต้องการมันหรือ?”
โม่จวินเจ๋อยิ้มบาง ๆ ในขณะที่มังกรปีศาจกำลังจะลงมือแย่งหัวใจคืน มือของเขาก็บีบทำลายหัวใจมังกรแท้อย่างรุนแรง
ในชั่วขณะที่หัวใจถูกบีบจนแหลก
มังกรปีศาจส่งเสียงร้องโหยหวนอย่างน่าสะพรึงกลัว นางแทบไม่ทันได้ดิ้นรนต่อต้าน ร่างมังกรยักษ์สีดำก็หายวับไป เหลือเพียงเทียนหลงที่ยังพันชิงหลงไม่ยอมปล่อย
โม่จวินเจ๋อเช็ดนิ้วมือด้วยท่าทางสง่างาม จากนั้นก็มองชิงหลงแวบหนึ่ง แล้วเดินจากไป…
ทิศทางที่เขาไปไม่ใช่หอคอยปีศาจ
“รอก่อน หลิงเยว่ไม่ได้อยู่ที่หอคอยปีศาจหรือ?”
“ไม่รู้สิ”
โม่จวินเจ๋อกระโดดออกไปด้านนอกของค่ายกลปีศาจบรรพกาล
“โอ้! นี่ใครกันนะ? ทำไมไม่เข้ามาล่ะ?”
ร่างแยกทั้งสามหันมามองชายที่ยืนอยู่นอกค่ายกลพร้อมกัน ร่างที่สองยิ้มเยาะใส่โม่จวินเจ๋อ
“พลังยังไม่ฟื้นคืนอย่างสมบูรณ์หรือ?” ร่างแยกหมายเลขหนึ่งมองสำรวจชายชุดดำที่ยืนอยู่นอกค่ายกลอย่างไร้อารมณ์ มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย
“ไม่เพียงแต่พลังยังไม่ฟื้นคืน ดูเหมือนความทรงจำยังไม่กลับมาด้วย” ร่างแยกหมายเลขสามกล่าวเช่นนั้น แต่แววตากลับแสดงถึงความจริงจังอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงการคาดเดาของพวกเขา ว่าคนตรงหน้าจะทำลายค่ายกลที่ขวางอยู่ได้อย่างไร?
“ค่ายกลปีศาจบรรพกาล… หรือ?” โม่จวินเจ๋อเอียงศีรษะเล็กน้อย สายตากวาดมองร่างแยกทั้งสาม “ไหนข้าลองเดาซิว่าใครเป็นจุดศูนย์กลางของค่ายกลกันนะ?”
ร่างแยกหมายเลขหนึ่งรู้สึกใจเต้นแรง เขากำลังจะถอยหลัง แต่ร่างกายกลับถูกพลังลึกลับตรึงไว้กับที่ ชายนอกค่ายกลเห็นดังนั้น มุมปากค่อย ๆ ยกขึ้น
รอยยิ้มนี้ร่างแยกหมายเลขหนึ่งไม่กล้าลืม…
โม่จวินเจ๋อก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว หมายเลขสองและสามถอยหลังโดยไม่รู้ตัว พอถอยเสร็จใบหน้าของพวกเขากลับเต็มไปด้วยความเสียใจ อยู่ดี ๆ ก็กลัวชายตรงหน้าขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว!?
หมายเลขหนึ่งที่ถูกตรึงอยู่กับที่ ชำเลืองมองเพื่อนร่วมทางอย่างดูแคลน แม้จะไม่ได้พูดอะไร แต่สายตาเยาะเย้ยนั้นเกือบจะทำให้หมายเลขสองลงมือแล้ว! แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาทะเลาะกันเอง เขาอดทนเอาไว้!
หมายเลขสองและสามไม่รู้ว่า ที่หมายเลขหนึ่งไม่ถอยเพราะร่างกายขยับไม่ได้ ไม่อย่างนั้นคงทะเลาะกันไปแล้ว…
“มาหาเมล็ดพันธ์ุศักดิ์สิทธิ์หรือ?” หมายเลขหนึ่งพบว่าโม่จวินเจ๋อไม่มีท่าทีจะฆ่าเขา เมื่อจิตใจสงบลงแล้วจึงถามออกไปทั้ง ๆ ที่รู้คำตอบ
“รีบเข้ามาหาสิ อยู่ข้างนอกจะหาได้เมื่อไหร่เล่า?” หมายเลขสองรีบพูดแทรก
“กำลังจะ…” โม่จวินเจ๋อพูดพลางวางมือลงบนค่ายกล “ทำอยู่พอดี”
“อย่าแตะนะ! ไม่งั้นเจ้าจะตาย!”
ชิงเหนี่ยวจำกลิ่นอายของโม่จวินเจ๋อได้ จึงตะโกนห้าม แต่น่าเสียดายที่โม่จวินเจ๋อเคลื่อนไหวเร็วเกินไป…
แย่แล้ว…
ชิงเหนี่ยวหลับตาลงอย่างสิ้นหวัง ไม่กล้ามองภาพโม่จวินเจ๋อถูกระเบิดตาย
ดังคาด เสียงระเบิดคุ้นหูดังขึ้น ชิงเหนี่ยวใช้ปีกลูบเศษเนื้อและเลือดที่กระเด็นใส่ตัว แทบจะร้องไห้ออกมา…
ชิงเหนี่ยวลืมตาข้างหนึ่ง เห็นร่างแยกหมายเลขหนึ่งที่หายไปและไม่เหลือร่องรอยของค่ายกลแล้ว
ช่างแข็งแกร่งเหลือเกิน…!
ดวงตาที่เคยหม่นหมองของชิงเหนี่ยวกลับเปล่งประกาย จากนั้นก็แปลงร่างเป็นชิงเหนี่ยวตัวเล็ก บินไปเกาะบนไหล่ของโม่จวินเจ๋อ ใช้ปีกชี้ไปที่ร่างแยกหมายเลขสองและสามที่ถอยห่างออกไป อ้าปากน้อย ๆ เริ่มกล่าวโทษการกระทำชั่วร้ายของร่างแยก เมื่อพูดถึงหลิงเยว่ดวงตาก็เริ่มแสดงความเศร้าโศก
“ข้า… ข้าหาหลิงเยว่ไม่พบแล้ว”
สถานการณ์เช่นนี้มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวคือ คน… ไม่อยู่แล้ว
โม่จวินเจ๋อก้มหน้าลงมองที่พื้น เขาก็ไม่สามารถติดต่อกับลูกแก้ววิญญาณที่อยู่ในร่างของหลิงเยว่ได้เช่นกัน
“นางอยู่ในมือของปีศาจ”
โม่จวินเจ๋อใช้ประโยคยืนยัน
แต่เดิมเขาตั้งใจจะเข้าไปในหอคอยปีศาจโดยตรง แต่เมื่อรับรู้ได้ว่าที่นี่มีกลิ่นอายของหลิงเยว่เข้มข้นที่สุด จึงตัดสินใจมาที่นี่ก่อน
ดูเหมือนว่าหลิงเยว่คงตกอยู่ในเงื้อมมือของเทพปีศาจเสียแล้ว
“เป็นไปไม่…” ร่างแยกหมายเลขสองคัดค้านได้ครึ่งคำก็หุบปากทันที
“ใช่แล้ว อยู่กับร่างหลัก” หมายเลขสามรีบพูดต่อทันที
ท่านผู้นั้นตื่นขึ้นมาแล้ว บางทีอาจจะนำเมล็ดพันธ์ุศักดิ์สิทธิ์ไปก่อนหน้าพวกเขา แล้วทิ้งให้พวกเขาทั้งสามคนขุดดินอย่างโง่เขลา
ช่างน่าโมโหเสียจริง!
ในขณะที่สามคนกับนกหนึ่งตัวกำลังเผชิญหน้ากันอยู่นั้น ร่างที่หนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง!
เขาไม่พูดพร่ำทำเพลง ลงมือใช้ท่าสังหารกับโม่จวินเจ๋อทันที ร่างของชิงเหนี่ยวแข็งทื่อไปทั้งตัว ดวงตาสะท้อนภาพปากที่อ้ากว้างของสัตว์ตัวใหญ่ยักษ์
แม้ว่ามันจะอยู่ในขอบเขตฝ่าทัณฑ์สวรรค์ขั้นกลาง แต่เมื่อเผชิญหน้ากับสัตว์อัปลักษณ์ที่รวมตัวจากพลังปีศาจ มันกลับไม่มีความคิดที่จะต่อต้านแม้แต่น้อย ถึงขนาดอยากจะส่งตัวเองเข้าปากอีกฝ่ายให้มันรู้แล้วรู้รอด!
โม่จวินเจ๋อคว้าตัวชิงเหนี่ยวที่ถูกล่อไว้ได้ แล้วถอยหลังกลับไป ในขณะเดียวกันก็ปล่อยพลังดาบที่มองไม่เห็นออกมาทำลายสัตว์อสูรในชั่วพริบตา!
“พลังของพวกเจ้าถดถอยลงถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”
ร่างแยกหมายเลขหนึ่ง สองและสาม “…”
เขาไม่ได้ถามทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แล้วหรอกหรือ?
ทุกครั้งที่ร่างแยกตาย พลังจะถูกลดทอนลง แล้วนี่พวกเขายังต้องตายในมือของท่านผู้นี้นับพันครั้ง…
และนี่คือเหตุผลหลักที่ทำให้พวกเขาถอยหลังโดยไม่รู้ตัวเมื่อเห็นโม่จวินเจ๋อ