ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 44 สมุนไพรสีเขียวหายากปลิวไปตามสายลม
บทที่ 44 สมุนไพรสีเขียวหายากปลิวไปตามสายลม
บทที่ 44 สมุนไพรสีเขียวหายากปลิวไปตามสายลม
หลิงเยว่ถูกส่งไปหลายพันลี้ด้วยหางงูสิบตัว และหลายคนสังเกตเห็นเส้นแสงสีเขียวกะพริบอย่างรวดเร็วเหนือหัวของพวกเขา
“เป็นไปได้หรือไม่ว่าสมบัติล้ำค่ากำลังจะกำเนิดขึ้น?”
“บางทีสมุนไพรวิญญาณอาจเพิ่งปลุกสำนึกรู้และกำลังวิ่งหนี ตามไปดูเถิด!”
“เร็วเข้า ไม่ต้องไปไล่ตามแสงสีดำนั่น แสงสีเขียวที่มีปราณพฤกษามีค่ามากกว่า!”
ศิษย์ที่เข้าร่วมบางคนหยุดมองหาสมุนไพรวิญญาณและการไล่ฆ่าสัตว์อสูร ทั้งหมดเพียงไล่ตามแสงสีเขียวที่หายลับขอบฟ้าไป
ผู่ตานผู้รับรู้ว่านั่นเป็นศิษย์น้องห้าของเขา “…”
คนเหล่านี้มันช่างโง่เสียจริง! แต่ผู่ตานที่กังวลว่าจะหาศิษย์น้องไม่เจออีก จึงตัดสินใจไล่ตามไปด้วย
หลิงเยว่ซึ่งไม่รู้ว่านางได้กลายเป็นสมุนไพรวิญญาณล้ำค่าในสายตาผู้อื่นไปเสียแล้ว ได้แต่ร้องตะโกนโหยหวน “ต้องใช้เวลานานเพียงใดกันแน่กว่าที่ข้าจะถึงพื้น!?”
งูทั้งสิบตัวนั้นช่างโหดร้ายจริง ๆ พวกมันบินพุ่งไปไม่หยุด หากนางบินออกจากมิติลับนี้จะถือว่านางถูกตัดสิทธิ์หรือไม่?
ไม่สิ! นางจะถูกตัดสิทธิ์แน่นอน…
ไม่ได้นะ!
หลิงเยว่กางแขนกางขากลางอากาศ ภูเขาที่อยู่ตรงหน้านางเริ่มเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ หากนางพุ่งชนมันจะต้องตายอย่างแน่นอน
ในช่วงเวลาวิกฤต มังกรเพลิงก็พันรอบร่างของหลิงเยว่
“อ๊าก!”
หลิงเยว่ที่ยังไม่ตายเริ่มกรีดร้องอีกครั้ง
ทันทีที่เด็กสาวตะโกน มังกรเพลิงก็หายไป และร่างของนางก็ตกลงไปในทะเลสาบด้านล่าง น้ำกระเซ็นไปทั่ว ก่อนที่โลกจะกลับสู่ความเงียบอีกครั้ง
จากนั้นร่างหนึ่งก็เคลื่อนตัวทวนน้ำมาอย่างรวดเร็ว ทำให้น้ำในทะเลสาบกระเพื่อม
หลิงเยว่รีบว่ายขึ้นจากน้ำแล้วปีนขึ้นไปบนฝั่ง
ปลาฟันเลื่อยที่ปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีดำกระโดดข้ามหัวของหลิงเยว่และตกลงไปที่พื้น
ปลาตัวนั้นหันกลับมา เปิดปากและพยายามกัดนางอย่างแรง
เพียะ!
หลิงเยว่ฟาดแส้ไฟไปที่ปลาฟันเลื่อยจนมันกระเด็นออกไป
กลิ่นปลากระจายคลุ้งไปในอากาศ
ปลาฟันเลื่อยที่โตเต็มวัยยังอยู่ในสภาพกึ่งตาย มันกระโดดเข้าหาหลิงเยว่อีกครั้ง
เพียะ!
แส้ไฟฟาดไปที่ปลาฟันเลื่อยอีกครั้งซึ่งคราวนี้จัดการมันได้จริง ๆ
อันที่จริงปลาฟันเลื่อยแข็งแกร่งพอ ๆ กับหลิงเยว่ แต่พอขึ้นมาจากน้ำแล้วพลังของมันก็ลดลงอย่างมาก
หลิงเยว่เช็ดคราบน้ำบนใบหน้าอย่างลวก ๆ พลันรู้สึกหิวเมื่อได้มองดูปลาน่าเกลียดที่กำลังดิ้นรนเฮือกสุดท้ายบนพื้น
การบินบนท้องฟ้าใช้พลังมากเกินไป
“…”
หลิงเยว่จึงหยิบมีดทำครัวออกมาแล้วฆ่าปลาฟันเลื่อยด้วยการแทงเพียงครั้งเดียว นางขอดเกล็ดปลาออกก่อนแล้วจึงค่อยแล่เนื้อ
ผู่ตานที่ยืนดูอยู่ห่าง ๆ ไม่รู้ว่าศิษย์น้องของเขาจะทำอะไร อ้อ! จำได้แล้ว ก่อนเข้าสู่มิติลับ ศิษย์พี่ใหญ่ให้กล่องอาหารแก่เขาบอกว่าทำโดยศิษย์น้องห้า
ตอนนี้นางอยากกินอาหารหรือ?
นางคิดว่าตัวเองมีเวลาว่างพอจะทำอาหารอยู่จริงหรือ?
หารู้ไม่ว่าตอนนี้กำลังมีคนพุ่งมาที่นี่ และพยายามจับนางเพราะคิดว่าเป็นสมุนไพรวิญญาณหายาก!
“ฮึ ๆ”
หลิงเยว่ที่กำลังหั่นปลาน่าเกลียดเป็นชิ้น ๆ เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะก็หวาดกลัวราวกับนกตื่น นางชี้มีดทำครัวตรงไปที่ต้นเสียงทันที
“ออกมาเสีย ข้าเห็นเจ้าแล้ว!”
ด้วยสายตาท่าทางที่เหมือนกับหยั่งรู้ หากไม่ใช่เพราะว่าผู่ตานซ่อนตัวอยู่อีกทิศทางหนึ่ง เขาก็คงเกือบจะเชื่อแล้วว่าศิษย์น้องรู้ว่าเขาอยู่ที่นี่
“งั้นหรือ?”
หลิงเยว่ที่กำลังถือมีดทำครัวจู่ ๆ ก็หันหลังกลับอย่างรวดเร็ว
ทิศทางที่หลิงเยว่หันไปหามีชายหนุ่มแต่งกายด้วยชุดสีแดงดูสะดุดตามากปรากฏขึ้น
ชุดแดงนั่น มาจากยอดเขาใดกัน?
หลิงเยว่จำไม่ได้
ทันทีที่ชายหนุ่มชุดแดงเคลื่อนไหว หลิงเยว่ก็ถอยออกไป
เพียงมองแวบเดียวก็รู้เลยว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนดี และไม่รู้ว่าเขามองนางมานานแค่เท่าใดแล้ว
“เจ้าเป็นคนโยนข้าลงทะเลสาบใช่หรือไม่?”
แม้ว่าจะเป็นคำถาม แต่หลิงเยว่ก็พูดอย่างมั่นใจมากว่านี่คือคนที่ใช้มังกรเพลิงพันร่างนาง
ผู่ตานเอาตัวแนบกับลำต้นของต้นไม้ มองดูฉากข้างหน้าด้วยท่าทีแสนสบาย
“ข้าเอง ก็ไม่ใช่ว่าเจ้าตะโกนว่าร้อนหรอกหรือ?”
เขาผิดตรงไหนหรือที่ปล่อยเด็กสาวตกลงในทะเลสาบหลังนางตะโกนว่าร้อน?
อืม…
ไม่เห็นจะผิดเลย
หลิงเยว่ทิ้งมีดทำครัว ชายคนนี้คงไม่ต้องการที่จะทำลายป้ายหยกเคลื่อนย้ายของนาง เพราะหากต้องการจริง ๆ เขาสามารถใช้มังกรเพลิงทำได้ตั้งแต่แรกแล้ว
ทว่าอย่าไว้ใจใครง่าย ๆ เอาปลาไปย่างที่อื่นดีกว่า
“ขอบคุณ ข้าจะตอบแทนบุญคุณนี้ในภายหลังเมื่อมีโอกาส”
“เดี๋ยว!”
หลิงเยว่ที่คิดว่านางวิ่งเร็วแล้ว กลับถูกคว้าที่หลังคอเสื้อและถูกยกทั้งตัวขึ้นอย่างง่ายดาย เท้าของนางยังคงอยู่ในท่าวิ่ง
หลิงเยว่ “…”
“เจ้าไม่รู้จักข้า?”
ผู่ตานไม่พอใจ ไม่รู้จักเขาแต่กลับฝากกล่องอาหารให้เขาเนี่ยนะ?
“ข้าควรจะรู้จักเจ้าหรือ?”
หลิงเยว่พยายามดิ้นรน แต่มือที่จับด้านหลังคอเสื้อของนางนั้นแข็งอย่างกับคีมเหล็ก
“ข้าชื่อผู่ตาน”
ลมหายใจอุ่นกระทบหูทำให้หลิงเยว่รู้สึกไม่สบายอย่างมาก ขนคอของนางพลันลุกอย่างไม่อาจควบคุม
“ผู่… ตานหรือ? ข้าไม่รู้จัก…”
หลิงเยว่เบิกตากว้างและมองดูชายหนุ่มที่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ยิ่งขึ้น นางเคยได้ยินชื่อผู่ตาน มันเป็นชื่อศิษย์พี่สี่ของนาง แต่ทุกคนต่างบอกว่าเขาอยู่ในช่วงกลางของขอบเขตสร้างรากฐาน ดังนั้นเขาจะมาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไร!
ชายตรงหน้านางกำลังโกหกคำโต!
หลิงเยว่พยายามดิ้นรนแรงขึ้น ถึงกับพยายามเตะชายที่อยู่ด้านหลังด้วยซ้ำ
“ปล่อยข้านะ ไม่งั้นเราได้เห็นดีกันแน่!”
“โอ้! ข้าเคยได้เห็นมาหลายสิ่งแล้ว มันจะยังมีดีกว่าอีกหรือ?” ผู่ตานสนใจใคร่รู้มาก
หลิงเยว่พูดคำว่า “เติบโต” ด้วยสีหน้าไม่แสดงอารมณ์
ต้นอ่อนงอกออกมาจากผมของผู่ตาน และจากนั้นก็มีงอกเพิ่มอีกสองสาม…
ต้นอ่อนที่อยู่ตรงกลางเติบโตอย่างรวดเร็วและเริ่มมีดอกตูม ดอกไม้สีเขียวปลิวไปตามสายลมเหนือหัวของผู่ตาน
เมื่อรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ผู่ตานจึงยกมือขึ้นจับศีรษะของเขา
“!!!”
ขณะที่ผู่ตานตกตะลึง หลิงเยว่ก็หลุดพ้นจากพันธนาการ และใช้วิชาเคลื่อนคล้อยไร้ลักษณ์เพื่อหลบหนี
นี่เป็นครั้งแรกที่นางใช้การเติบโตบนเส้นผมของมนุษย์ โดยใช้เส้นผมเป็นสารอาหารให้กับพืช นางประสบความสำเร็จอย่างไม่คาดคิดในครั้งแรก
นางไม่กล้าใช้ทักษะปรสิต ด้วยกลัวว่าถ้ามันทำให้ร่างกายมนุษย์เป็นปรสิตจริง ๆ ชายหนุ่มตรงหน้าอาจจะไม่ตาย แต่หลิงเยว่ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
“อุบ…”
ฉากของศิษย์คนที่สี่ที่มีต้นไม้งอกและเบ่งบานบนหัวช่างน่าขบขันจนชิงยวนอดหัวเราะไม่ได้
นี่เป็นครั้งแรกที่หลงหว่านโหรวเห็นสีหน้าไม่เชื่อ หรือแม้แต่สีหน้าตกตะลึงบนใบหน้าของศิษย์น้องสี่ของนาง มัน… สะดุดตาและน่าขบขันนัก
“นักกลั่นโอสถอย่างพวกเจ้าสามารถกระตุ้นการเติบโตของพืชได้…” ก่อนที่ผู้นำยอดเขาหลอมศาสตราจะพูดจบ ดอกไม้สีชมพูก็เติบโตขึ้นบนผมสีดำหนาของเขา ซ้ำยังพลิ้วไหวไปตามสายลมอย่างงดงามอีกต่างหาก
ดอกไม้สีชมพูเมื่อถูกจับคู่กับใบหน้าชรา ทำให้ผู้คนเกิดเสียงหัวเราะขึ้น
ผู้อาวุโสที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขารีบเบือนหน้าหนี ด้วยกลัวว่าจะหลุดเสียงหัวเราะออกมา ทำได้เพียงกลั้นเสียงจนไหล่สั่นไปหมด เห็นได้ชัดว่ากำลังอดกลั้นสุด ๆ
“เจ้า! ชิงยวน!”
ผู้นำยอดเขาหลอมศาสตราดึงดอกไม้ออกแล้วชี้ไปยังชิงยวนที่ยิ้มอย่างไม่ปิดบัง เขาโกรธมากจนสำลักคำพูด ด้วยใบหน้าแดงก่ำ คนที่ทำสีหน้าเหมือนกับเขาตอนนี้คือผู่ตานซึ่งมีพืชพันธุ์ปกคลุมศีรษะอยู่
“หลิงเยว่หยุด!”
ผู่ตานดึงดอกไม้และต้นกล้าบนหัวไปพลางขณะวิ่งตาม กล้าดีอย่างไรมาแกล้งข้าเช่นนี้! อย่าให้ข้าจับเจ้าได้นะ ข้าจะตีเจ้าให้ร้องไห้เสียงดังเชียว!
หลิงเยว่ซึ่งวิ่งมาระยะหนึ่งแล้วหันกลับมา ก็เห็นร่างสีแดงวิ่งมาหานางด้วยความเร็วยิ่งยวด นางตกใจมากจึงหยิบซาลาเปาย่างก้าววายุออกมาสองลูกแล้วยัดเข้าปากอย่างรวดเร็ว
จากนั้นทั้งสองก็วิ่งไล่จับกันออกไปจากบริเวณทะเลสาบ
เหล่าผู้บำเพ็ญที่กำลังตามล่า ‘สมบัติ’ มาถึงทะเลสาบในเวลาเดียวกันนั้น
มีร่องรอยมากมายที่เหลืออยู่แถวทะเลสาบ เช่น การฆ่าปลาริมทะเลสาบของหลิงเยว่
“สมุนไพรวิญญาณไม่ใช่พวกกินพืชอย่างเดียวหรือ เหตุใดมันถึงจับปลากินด้วย?”
ผู้บำเพ็ญนั่งยองอยู่ข้างเกล็ดปลาพูดอย่างงุนงง
“ไม่ใช่ว่าเจ้าเองบางทีก็เปลี่ยนรสนิยมการกินเป็นครั้งคราวหรือ?”
“บางทีสมุนไพรวิญญาณคนนี้อาจถูกผู้อื่นจับได้ก่อนแล้ว และผู้ที่จับมันคงเสียปราณไปมากมายจึงมาที่ทะเลสาบเพื่อจับปลากินเติมพลังในร่างก็เป็นได้”
ผู้บำเพ็ญหลายคนกำลังนั่งยองอยู่ริมทะเลสาบ พลางคิดเองเออเอง คาดเดาเรื่องราวซึ่งห่างจากความจริงไปเรื่อย ๆ