ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 444 การต่อสู้เอาเป็นเอาตาย
บทที่ 444 การต่อสู้เอาเป็นเอาตาย
หลิงเยว่กัดฟันกรอด แม้นางจะรู้ว่าไม่อาจหยุดยั้งเทพปีศาจจากการเปิดประตูระหว่างสองโลกได้ แต่อย่างน้อยนางยังสามารถสร้างความยุ่งยากให้เขาได้ อีกทั้งยังช่วยลดความหวาดกลัวของผู้คนในโลกปีศาจที่มีต่อเขาได้ด้วย ซึ่งถือว่าเพียงพอแล้ว!
“พลังของเทพปีศาจยังไม่สมบูรณ์หรือ?”
“คงจะเป็นเช่นนั้น ไม่เช่นนั้นจะเป็นไปได้อย่างไรที่เขาไม่สามารถเปิดประตูระหว่างโลกได้?”
“ถ้าเช่นนั้น…”
ไม่มีโอกาสกำจัดเขาหรอกหรือ?
อดีตผู้นำเผ่าที่หนีออกมาจากหุบเหวปีศาจมองไปรอบ ๆ ด้วยสายตาที่ลึกล้ำ
“ด้วยสภาพของเจ้าในตอนนี้น่ะหรือ?”
“ข้าว่าพวกเจ้ายังไม่ทันได้เข้าใกล้ ก็คงถูกสายฟ้าฟาดตายเสียก่อน!”
หัวหน้าตะขาบมรกตผู้แค้นเคืองยังจำคำพูดดูถูกของอดีตผู้นำเผ่าได้ ตอนนี้มีโอกาสได้แก้แค้น เขาย่อมเอาคืนแน่นอน
อดีตผู้นำเผ่าสำลักทันที จากนั้นก็มองไปยังผู้คนที่ได้รับผลกระทบจากทัณฑ์สวรรค์ หากไม่พิการก็บาดเจ็บ เข้าไปครั้งหนึ่งไม่พบหลิงเยว่ก็ช่างเถอะ แต่พวกเขาเกือบเอาชีวิตไม่รอดด้วยซ้ำ!
โชคดีที่เป้าหมายของสายฟ้าไม่ใช่พวกเขา ไม่เช่นนั้นคงถูกฟาดกลายเป็นปุ๋ยให้แผ่นดินไปแล้ว
สายฟ้ายิ่งทวีความรุนแรงขึ้นหลังจากที่พวกเขาหนีออกมา ฟาดร่างแยก สัตว์อสูรเฝ้าหอคอย และสัตว์อสูรที่เหลืออยู่จนทนไม่ไหว
แม้แต่เทพปีศาจก็ถูกฟาดจนรำคาญ อีกทั้งในร่างยังมีเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ที่พยายามก่อกวนอยู่ด้วย!
เทพปีศาจนึกอยากทำลายสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลกนี้ในทันที!
ดูเหมือนว่าเทพสวรรค์จะได้ยินเสียงในใจของเทพปีศาจ เลยโกรธขึ้นอีก
เขาต่างหากคือผู้ปกครองโลกแห่งการบำเพ็ญเซียน เมื่อไม่สามารถฆ่าปีศาจที่มีความทะเยอทะยานมหาศาลนี้ได้ ก็จะส่งเจ้าออกไปเสีย!
แสงสว่างจากบ่อสวรรค์ของโลกปีศาจปกคลุมหุบเหวปีศาจ ร่างแยก สัตว์อสูรเฝ้าหอคอย รวมถึงเทพปีศาจที่มีพลังเกินขอบเขตของโลกนี้ ถูกพลังที่มองไม่เห็นดึงดูด พยายามจะส่งพวกเขาเข้าสู่โลกผู้บำเพ็ญเซียน
ตอนนี้พวกเขาไม่เพียงถูกสายฟ้าไล่ล่า แต่ยังจะถูกบังคับให้ขึ้นไปโลกผู้บำเพ็ญเซียนอีกด้วย
เทพปีศาจไม่เคยรู้สึกอึดอัดเช่นนี้มาก่อน เขาผู้เป็นเทพแห่งโลกปีศาจ กลับต้องถูกเทพสวรรค์ของโลกเบื้องล่างควบคุม ความตั้งใจที่จะทำลายสามโลกและสร้างโลกใหม่ยิ่งแน่วแน่ขึ้นไปอีก!
ตอนนี้เขาได้สิ่งที่ต้องการแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องอยู่ในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรอีกต่อไป
แต่!
ประตูระหว่างสองโลกจำเป็นต้องเปิดก่อนที่เขาจะจากไป ถึงตอนนั้นเขาจะใช้กลอุบายเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ได้เห็นว่าเพื่อนร่วมสำนักที่นางห่วงใยนั้นตายในมือของเผ่าปีศาจอย่างไร!
พลังของลูกแก้วศักดิ์สิทธิ์มิใช่ไม่มีวันหมดสิ้น หลิงเยว่จึงละทิ้งโอกาสที่จะก่อกวนเทพปีศาจต่อไป
เทพปีศาจผ่านความล้มเหลวมานับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดก็เปิดประตูระหว่างสองโลกได้สำเร็จ
ผู้คนจากสองโลกที่เป็นศัตรูกันได้พบหน้ากันแล้ว!
พลังปีศาจและพลังวิญญาณปะทะกัน จนเกิดเสียงดังสนั่น ควันคลุ้งไปทั่ว…
“พี่น้องทั้งหลาย บุกเข้าไป!”
“ฆ่าให้หมด!”
ผู้บำเพ็ญจากโลกวิญญาณและโลกปีศาจต่างตะโกน แล้วพุ่งเข้าหากัน จิตสังหารปกคลุมทั่วพื้นที่
เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ มุมปากของเทพปีศาจพลันยกขึ้นเล็กน้อย “ผู้ที่สังหารผู้บำเพ็ญในโลกวิญญาณได้มากที่สุด จะได้เป็นเทพปีศาจรุ่นถัดไป!”
เหล่าปีศาจที่แต่เดิมตั้งใจจะแสร้งทำ บัดนี้จิตใจกลับเร่าร้อนขึ้นมา นั่นคือตำแหน่งเทพปีศาจรุ่นถัดไปเชียวนะ!
อีกทั้งดูเหมือนเทพปีศาจจะไม่มีความตั้งใจให้สองโลกสังเวยชีวิตแก่ตนเอง ความคิดนั้นคงเป็นการตัดสินใจของมังกรปีศาจเองกระมัง!
ต้องเป็นเช่นนั้นแน่!
เหล่าปีศาจที่สติแตกเพราะคำว่า ‘เทพปีศาจรุ่นถัดไป’ มีไม่น้อย ผู้คนจากโลกวิญญาณเผชิญหน้ากับเหล่าปีศาจที่ตาแดงก่ำและเต็มไปด้วยไอสังหารโดยไม่หวาดกลัว!
กลิ่นคาวเลือดจุดประกายความดุเดือดแห่งการต่อสู้ การต่อสู้ได้เริ่มขึ้นแล้ว!
หลิงเยว่ไม่อาจมองเห็นสถานการณ์ภายนอก ยิ่งไม่ได้ยินเสียงใด ๆ แต่ในยามนี้นางมีลางสังหรณ์ไม่ดีอย่างยิ่ง
งานเลี้ยงสังหารครั้งนี้เตรียมไว้สำหรับเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ นางจะมองไม่เห็นได้อย่างไร?
ในไม่ช้า หลิงเยว่ก็ได้เห็นโลกภายนอกด้วยความช่วยเหลือของเทพปีศาจ…
นางเห็นลูกอ่อนของอีกาสุริยันและบรรดาผู้อาวุโสสัตว์เทพที่บินนำหน้า รวมถึงชิงยวนและผู้อาวุโสมู่ที่กำลังต่อสู้อย่างดุเดือด
สยงฉีเลวี่ย… และผู้คนคุ้นเคยอื่น ๆ แต่นางไม่เห็นเหล่าศิษย์พี่ร่วมสำนัก
การไม่เห็นพวกเขาย่อมเป็นเรื่องดี แสดงว่าตอนนี้พวกเขาปลอดภัย
“วางใจเถิด เจ้าจะได้พบพวกเขาแน่นอน”
เทพปีศาจยิ้มบาง ๆ จากนั้นก็ไม่ต้านทานพลังของบ่อสวรรค์อีกต่อไป ปล่อยให้พลังนั้นพาตนเข้าสู่โลกผู้บำเพ็ญเซียน ร่างแยกและสัตว์เฝ้าหอคอยก็หายตามไปด้วย
ชิงหลงที่บาดเจ็บสาหัส จู่ ๆ ก็ลืมตาขึ้นมา ไม่รู้ว่านางรับรู้ถึงการจากไปของหลิงเยว่หรือไม่
น่าเสียดายที่ไม่มีอะไรอยู่ตรงหน้าเลย
“สายฟ้าหายไปแล้ว…”
“เทพปีศาจได้จากไปแล้ว”
“แล้วหลิงเยว่เล่า?”
ดวงตาของหัวหน้าตะขาบมรกตเต็มไปด้วยความกังวล หลิงเยว่ถูกพาตัวไปหรือว่า…
แต่อีกาสุริยันตัวน้อยนั้นยังมีชีวิตอยู่ หากหลิงเยว่ตายจริง มันจะยังคงมีชีวิตชีวาเช่นนี้ได้อย่างไร?
ขณะที่หัวหน้าตะขาบมรกตกำลังจะไปตามหาอีกาสุริยันตัวน้อย เสียงร้องอันใสกังวานของหงส์เพลิงก็ดังขึ้น
“ข้าจะไปตามหานาง!”
ทันทีที่ผู่ตานพูดจบ เขาก็ถูกแสงสีขาวส่งไปยังโลกผู้บำเพ็ญเซียน
ไม่จำเป็นต้องรับทัณฑ์สวรรค์ก่อนหรือ?
อ้อ! ช่วงเวลานี้ผู่ตานได้รับทัณฑ์สวรรค์มาแล้วสิบกว่าครั้ง ดังนั้น… ก็พอจะอธิบายได้!
เช่นนั้นหมายความว่า ผู่ตานได้เข้าสู่การเป็นเซียนสำเร็จแล้วใช่หรือไม่?
หัวหน้าตะขาบมรกตรู้สึกอิจฉา แต่ก็โล่งใจได้บ้าง ตอนนี้เขาอยู่ขอบเขตฝ่าทัณฑ์สวรรค์ขั้นปลาย หากฝึกฝนต่อไปอีกสักพัก เขาจะสามารถไปหาหลิงเยว่ได้แล้ว
ชิงหลงที่พร้อมจะพ้นโลกีย์แล้วนั้น ไม่อยากรอแม้แต่วินาทีเดียว นางพยายามลุกขึ้นนั่ง
หัวหน้าตะขาบมรกตเดาได้ถึงความตั้งใจของชิงหลง จึงรีบขัดขวางการกระทำที่จะนำไปสู่การพ้นโลกีย์ของนาง
“ด้วยบาดแผลหนักเช่นนี้ เจ้าคิดว่าจะผ่านทัณฑ์สวรรค์พ้นโลกีย์ได้สำเร็จหรือ!?”
“ใช่แล้ว แม้ว่าจะอยากไปหาหลิงเยว่ ก็ควรรักษาบาดแผลให้หายดีเสียก่อน…” อดีตผู้นำเผ่ารีบเอ่ยปากเช่นกัน
อีกทั้งตอนนี้ทั้งฝ่ายปีศาจและวิญญาณต่างสู้รบกันอย่างบ้าคลั่ง ยังไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีแน่นอน
ชิงหลงรู้ดีว่าตนไม่มีทางชนะปีศาจได้ แต่ถึงแม้จะไม่มีโอกาสชนะ ก็ไม่อาจยอมแพ้ไปเช่นนี้
“แล้วไข่มังกรล่ะ? ไข่มังกรนั้นเก่งกาจนัก!”
ชิงเหนี่ยวที่ยืนอยู่บนหัวของชิงหลง พอพูดถึงโม่จวินเจ๋อ ดวงตาก็เปล่งประกายจนแทบจะทำให้ทุกคนตาบอด
“เจ้านั่นไปที่ใดแล้ว?”
หัวหน้าตะขาบมรกตเพิ่งนึกถึงโม่จวินเจ๋อ แต่มองซ้ายมองขวาก็ไม่เห็นเงาของเขา กลับเห็นคนคุ้นหน้าในโลกวิญญาณไม่น้อย ในนั้นมีชายคนหนึ่งกำลังเดินมาทางนี้ สายตาของเขาหยุดอยู่ที่… ด้านหลังของเขา
ด้านหลังของเขามีอะไรกัน?
“หัวหน้าตะขาบมรกต!”
เสียงใสกังวานของสาวน้อยดังขึ้นเบื้องหลังหัวหน้าตะขาบมรกต เขาหันไปมอง จึงเห็นว่าฮวนฮวนถูกเจ้าวังปีศาจพามาที่นี่
บิดาของฮวนฮวนยังไม่ทันพูดอะไร เจ้าวังก็พุ่งเข้าใส่ร่างเขาอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
ทั้งสองคนจึงต่อสู้กันต่อหน้าต่อตาฮวนฮวนเช่นนี้
“ท่านพ่อ ท่านพ่อรอง อย่าทะเลาะกันเลย!”
พ่อเซี่ยได้ยินคำว่า ‘ท่านพ่อรอง’ จากฮวนฮวนก็ถึงกับงงงัน เจ้าวังจึงฉวยโอกาสนี้ฟาดเขาหนึ่งฝ่ามือ
“ฮวนฮวน เจ้าเรียกใครว่าท่านพ่อรอง?!” พ่อเซี่ยแทบจะตะโกนถาม
ฮวนฮวนรู้สึกเกรง ๆ อยู่ครู่หนึ่ง
“แน่นอนว่าต้องเรียกข้า!” เจ้าวังชื่นชมสีหน้าที่เปลี่ยนไปของพ่อเซี่ย หลังจากนั้นก็เก็บท่าทางแล้วยิ้มกริ่มดึงพี่ชายแท้ ๆ ที่นั่งสงสัยชีวิตอยู่บนพื้นขึ้นมา
จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่ได้บอกฮวนฮวน ว่าที่จริงแล้วเขาคือลุงของนาง
คำว่าท่านพ่อรองฟังดูไพเราะดี สำคัญคือได้เห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของชายตรงหน้าด้วย ถือว่าคุ้มค่ามาก!
พ่อเซี่ยสะบัดมือของเจ้าวังออกทันที “ข้าไม่รู้มาก่อนเลยว่าเจ้ามีความชอบที่จะเป็นสามีรองของผู้อื่น!”
เจ้าวังอึ้งไปทันที
ใช่สิ ถ้าเขาให้ฮวนฮวนเรียกเขาว่าท่านพ่อรอง นั่นไม่ใช่กลายเป็นสามีรองของภรรยาพี่ชายเขาหรอกหรือ?
…………….