ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 445 นางผู้นั้นอยู่ที่ใด!?
บทที่ 445 นางผู้นั้นอยู่ที่ใด!?
ในขณะที่ตระกูลเซี่ยกำลังรวมตัวกันอยู่นั้น ด้านสำนักหลานเทียนยังคงหาหลิงเยว่ โม่จวินเจ๋อ และผู่ตานไม่พบ ทำให้ทุกคนพากันร้อนใจ
เพราะทั้งสามคนล้วนเป็นความหวังของสำนัก!
โชคดีที่ยังมีหัวหน้าตะขาบมรกตและชิงหลงอยู่ ทั้งสองผลัดกันอธิบายให้ชิงยวนและคนอื่น ๆ ฟัง จนสามารถปลอบประโลมความวิตกกังวลของทุกคนลงได้ ขณะเดียวกันก็รู้สึกตกตะลึงกับประสบการณ์ของหลิงเยว่และโม่จวินเจ๋อ
ช่างน่าตื่นเต้นเหลือเกิน…
แต่ก่อนที่พวกเขาจะมาโลกปีศาจ นอกจากชิงหลงที่อยู่ขอบเขตฝ่าทัณฑ์สวรรค์แล้ว คนอื่น ๆ ก็เพิ่งอยู่ขอบเขตปฐมวิญญาณเท่านั้น แต่ทำไมในเวลาอันสั้นถึงมีสามคนที่มีระดับการบำเพ็ญขอบเขตพ้นโลกีย์แล้ว แม้แต่ฮวนฮวนยังก้าวไปถึงขอบเขตปฐมวิญญาณขึ้นปลายแล้วด้วย?
โลกปีศาจ… เป็นที่ที่ง่ายต่อการฝึกบำเพ็ญหรือ?
มันควรจะยากกว่าโลกวิญญาณไม่ใช่หรือไง?
ชิงยวนและคนอื่น ๆ ยังคงตั้งสติไม่ค่อยได้
อีกทั้งผู่ตานยังเข้าสู่โลกผู้บำเพ็ญเซียนเพียงลำพัง ไม่รู้ว่าจะถูกพวกปีศาจไล่ล่าอยู่หรือไม่?
แถมยังมีโม่จวินเจ๋อ…
ดูเหมือนว่าจะถูกร่างแยกของเทพปีศาจสังหารจนดับสูญ… หรือไม่?
“ไข่มังกร เอ่อ ไม่ใช่ โม่จวินเจ๋อไม่ได้ดับสูญสักหน่อย อย่าพูดเหลวไหล!”
ชิงเหนี่ยวหัวหน้าตะขาบมรกตเขม็ง คนคนนั้นออกจะเก่งกาจ ไล่ล่าจนเทพปีศาจต้องหนีกระเจิง แถมร่างแยกยังถูกทำลายจนหมดสิ้นในพริบตา เขาจะตายได้อย่างไร!
เขาต้องไปไล่ล่าเทพปีศาจอีกแน่ ๆ!
“โม่จวินเจ๋อ… เขาไม่ได้ตายง่ายขนาดนั้นหรอก คงไปโลกผู้บำเพ็ญเซียนแล้วกระมัง?” ชิงหลงนึกถึงชายหนุ่มผู้นั้นที่นางไม่คุ้นเคย คาดว่าเขาคงเป็นผู้ยิ่งใหญ่จากโลกเบื้องบนที่กลับชาติมาเกิด ไม่เช่นนั้นจะแข็งแกร่งขึ้นมาในทันทีได้อย่างไร?
ถึงขั้นเผชิญหน้ากับเทพปีศาจได้ อีกทั้งร่างแยกของเทพปีศาจยังหวาดกลัวเขายิ่งนัก
เขา… อาจจะเป็น…
“เจ้าคิดอะไรออกหรือ?” อิงหลงถามชิงหลงที่จู่ ๆ ก็ดูกระปรี้กระเปร่าขึ้นมา แต่กลับได้รับคำตอบเป็นการส่ายหน้า ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการคาดเดา รอให้นางพิสูจน์ได้แล้วค่อยบอกพวกเขาก็ยังไม่สาย
“แย่แล้ว! ตอนนี้โลกผู้บำเพ็ญเซียนเต็มไปด้วยเผ่าปีศาจ แถมยังไม่มีข่าวคราวของบรรพจารย์เล่อเหอและปรมาจารย์คนอื่น ๆ เลย” สยงฉีเลวี่ยรู้สึกหดหู่ยิ่งนัก พอมองไปยังผู้คนจากสองโลกที่กำลังต่อสู้กัน เขายิ่งรู้สึกหดหู่มากขึ้น
โลกผู้บำเพ็ญวุ่นวาย ส่วนโลกของผู้บำเพ็ญเซียนก็เต็มไปด้วยเผ่าปีศาจ พวกเขาที่เป็นมนุษย์จะทำอย่างไรเล่า?
“หากสามารถหยุดสงครามได้ก็คงดี” ชิงยวนถอนหายใจ แต่นางรู้ดีว่าเป็นไปไม่ได้ เมื่อปีศาจและวิญญาณเจอกันก็มีแต่ฆ่ากันตายเท่านั้น จะอยู่ร่วมกันอย่างสงบได้อย่างไร?
“การหยุดสงครามนั้นเป็นไปได้แน่นอน เพียงแต่ต้องกำจัดพวกสนมปีศาจ แม่ทัพปีศาจ และปีศาจระดับสูงที่จงรักภักดีต่อเทพปีศาจให้หมดเท่านั้น”
คำพูดของผู้นำเผ่ากระทิงงามได้รับการเห็นด้วยจากสิงโตขนเงิน ปลาปีศาจกลายพันธุ์ มหาปุโรหิตผู้มีสีสันและเจ้าวัง เป็นต้น และเบื้องหลังพวกเขาที่ยืนอยู่คือ กองทัพนักรบกระทิง เหล่าปีศาจจากป่าปีศาจ กลุ่มนักฆ่าจากเมืองปีศาจ และปีศาจระดับสูงบางส่วน
หนึ่งในสามของเผ่าปีศาจหันมาต่อสู้กับพวกเดียวกัน
“ไอ้พวกทรยศ! ใครกล้าหักหลังเทพปีศาจไม่มีทางจบดีแน่!”
“ร่วมมือกับมนุษย์เจ้าเล่ห์ พวกเจ้าบ้าไปแล้วหรือ!”
“มังกรปีศาจกำลังจะเอาสิ่งมีชีวิตจากสองโลกไปบูชาเทพปีศาจ ทำไมพวกข้าต้องรับใช้คนพวกนั้นอีก?”
เมื่อทั้งสองฝ่ายกำลังต่อสู้กันอยู่นั้น พวกอสรพิษเก้าเศียรที่หลบหนีการไล่ล่าและซ่อนตัวมาตลอดกลับปรากฏตัวขึ้น พวกเขายังพามนุษย์มาด้วยไม่น้อย โดยหนึ่งในนั้นมีหน้าตาคล้ายคลึงกับลู่เป่ยเหยียนอยู่หลายส่วน
เมื่อตระกูลลู่เห็นบุคคลผู้นี้ พลันเกิดจิตสังหารขึ้นมาทันที
“อย่าเพิ่งลงมือ พวกข้ามาเพื่อร่วมมือกัน” จิ่วหลีค่อย ๆ วางทายาทตระกูลลู่ลง รอยยิ้มบนใบหน้าของนางเจือความประหม่า
“ใช่ ๆ นี่คือสนมปีศาจที่สี่… เอ่อ ไม่ใช่… คือ…” จิ่วหั่วพูดมาถึงตรงนี้ก็ถ่มน้ำลายออกมาทันที “คือโม่จวินเจ๋อ เจ้านายคนใหม่ของพวกข้าเผ่าอสรพิษเก้าเศียร”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ สีหน้าของเหล่าอสรพิษเก้าเศียรนั้นบรรยายได้ยากยิ่ง
พวกเขาถูกหลอกมานานขนาดนี้เชียวหรือ!?
เมื่อแรกรู้ความจริงนี้ ฟ้าดินเป็นพยานได้ เหล่าอสรพิษเก้าเศียรต่างโกรธแค้นเป็นอย่างยิ่ง แต่เมื่อนึกถึงภาพที่สนมปีศาจที่สี่ตัวปลอมบุกเข้าเมืองปีศาจเพียงลำพังเพื่อช่วยพวกเขา ก็รู้สึกซาบซึ้งใจจนบรรยายไม่ถูก
เมื่อคิดถึงแผนการของมังกรปีศาจที่จะสังเวยชีวิตทั้งสองโลก ยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกแย่กว่าถูกหลอกเสียอีก สุดท้ายจึงตัดสินใจทรยศเช่นนี้!
“ดีนัก! พวกเจ้าช่างอกตัญญูเสียจริง!” สนมปีศาจที่สิบสองออกคำสั่ง บรรดาลูกน้องก็รีบกรูกันเข้ามาทันที
ในขณะเดียวกัน นางปีศาจที่สาม สี่ ห้า แปด เก้า สิบ และสิบเอ็ดก็ปรากฏตัวขึ้นทั้งหมด สถานการณ์ที่เคยเป็นรองกลับมาสู่จุดสมดุลอีกครั้ง
แต่จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะสมดุล? แม้โลกวิญญาณจะสูญเสียผู้ทรงพลังไปมาก แต่ยังเหลือคนอยู่ไม่น้อย บัดนี้มีปีศาจหนึ่งในสามเข้าร่วมด้วย สถานการณ์ก็ชัดเจนแล้ว
เพียงแต่การจะจบสงครามในเวลาอันสั้น คงเป็นไปไม่ได้
พลังวิญญาณอุดมสมบูรณ์ ท้องฟ้าที่เคยงดงามราวสรวงสวรรค์ถูกพลังปีศาจทำลาย สมุนไพรวิญญาณที่เคยสดชื่นพลันเหี่ยวเฉา
พลังปีศาจเป็นพิษร้ายแรงที่สุดสำหรับสมุนไพรวิญญาณและสัตว์วิญญาณ ผู้อาวุโสมู่เห็นดังนั้น สีหน้าของเขาเริ่มหม่นหมอง ที่พวกเขาร่วมมือควบคุมพลังปีศาจไว้ในพื้นที่สนามรบโบราณเฉียนซีอย่างยากเย็น บัดนี้กลับถูกเทพปีศาจทำลายเสียแล้ว!
น่าสาปแช่งนัก!
แต่นี่ยังไม่ใช่เรื่องเลวร้ายที่สุด…
ณ สำนักหลานเทียน
จู่ ๆ เขตหวงห้ามกลับลุกไหม้ขึ้นมา เปลวเพลิงแผ่ขยายออกไปไม่หยุด ทุกที่ที่ไฟลามไปถึง ทั้งพืชพรรณ ผืนดินและขุนเขา ล้วนกลายเป็นซากปรักหักพัง
ส่วนศิษย์ที่หนีไม่ทัน ก็กลายเป็นโครงกระดูกแห้งกรังทันที เมื่อสายลมพัดผ่าน โครงกระดูกเหล่านั้นก็กลายเป็นผุยผง
ภาพเหตุการณ์นี้ทำให้ทุกคนที่กำลังต่อสู้กับพวกปีศาจนอกแนวป้องกันสำนักต่างตกตะลึง ทั้งที่มีแนวป้องกันสำนัก แล้วไฟมาจากไหนกัน!?
เหล่าผู้อาวุโสในสำนักจึงรีบต่อสู้ แล้วกลับเข้าสำนักอย่างรวดเร็ว
ในกลุ่มนั้นมีหลงหว่านโหรว, ติงหลิวหลิ่ว, ว่านอวี้เฟิง, อวี้เจิน, ลู่เป่ยเหยียน, สือเชี่ยน, ฉีซิวซี… สหายของหลิงเยว่ล้วนอยู่ในกลุ่มนี้ทั้งหมด
มังกรวารีตัวใหญ่พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าปกคลุมทั้งสำนัก มันคำรามเสียงดังก้อง ตามมาด้วยพายุฝนที่ไม่เคยมีมาก่อน รวมกับพลังจากผู้บำเพ็ญแก่นปราณวารีในสำนักดับไฟที่ลุกขึ้นอย่างฉับพลัน
เมื่อไฟเจอน้ำ ควันหนาทึบลอยบดบังสายตาของทุกคน
“ไฟกำลังดับแล้ว!”
ดวงตาคู่งามของอวี้เจินเป็นประกายวาววับ รอยยิ้มเพิ่งจะปรากฏบนใบหน้า แต่แล้วทั้งร่างของนางก็แข็งค้างไป
เห็นได้ชัดว่าไฟที่ถูกดับไปนั้นกลับลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง มังกรเพลิงพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า กลืนกินมังกรวารีเข้าไปในคำเดียว แล้วยังทำท่าเลียริมฝีปากอีกด้วย!
มันลอยอยู่กลางอากาศ ดวงตาสีดำขนาดใหญ่คู่นั้นกวาดมองผู้คนด้วยสายตาดูแคลน
ผู้ที่ถูกจ้องมองด้วยดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นไม่กล้าขยับตัวแม้แต่น้อย
“หญิงผู้นั้นเล่า?” มังกรเพลิงสะบัดหาง พุ่งตัวมาข้างกายของติงหลิวหลิ่ว ศีรษะใหญ่โตราวกับภูเขาลูกหนึ่งกดทับลงมา แถมความร้อนยังเผาผลาญอาภรณ์ของผู้คนรอบข้างด้วย
“หญิง… ผู้ใดหรือ?” ติงหลิวหลิ่วปากแห้งลิ้นแข็ง พยายามยื้ออาภรณ์ที่กำลังจะละลายของตนไว้
“หญิงที่กล้าหลอกลวงข้าอยู่ที่ใด!?”
ความโกรธแค้นของก้อนเพลิงยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น ติงหลิวหลิ่วที่อยู่ใกล้ที่สุดถูกไฟเผาจนเส้นผมบนศีรษะมอดไหม้ในพริบตา ส่วนอาภรณ์วิเศษก็ปลิวว่อนไปตามเปลวเพลิง ผิวกายเปลี่ยนจากขาวอมชมพูเป็นสีแดงก่ำ
โชคดีที่นางไม่ใช่คนธรรมดา วัตถุวิเศษบนข้อมือห่อหุ้มร่างนางไว้อย่างมิดชิดในยามที่นางเกือบจะเปลือยเปล่า
ผู้เคราะห์ร้ายไม่ได้มีเพียงติงหลิวหลิ่ว สถานการณ์ของผู้คนที่อยู่ในที่นั้นก็… ลำบากยากเย็นยิ่งนัก
“หญิงผู้นั้น เจ้าหมายถึงหลิงเยว่หรือ?”
ผู้อาวุโสปิงซู่ อดีตเจ้าของดอกไม้ดำน้อยนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสถานที่ต้องห้าม หลังจากที่พวกเขารู้ว่าหลิงเยว่คือกายาต้านหายนะ
มังกรไฟที่อยู่เบื้องหน้านี้คงเป็นเพลิงปีศาจอย่างแน่นอน!
…………….