ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 447 หมายความว่าอย่างไร?
บทที่ 447 หมายความว่าอย่างไร?
“ไร้ประโยชน์นัก!”
เทพปีศาจมองดูเปลวเพลิงปีศาจที่ถูกดับไปด้วยความโกรธ
“เจ้าทำได้อย่างไร?”
“ทำไมข้าต้องบอกเจ้าด้วย?”
หลิงเยว่ยังตกใจเมื่อเห็น ‘ตัวเอง’ ปรากฏตัวขึ้นอยู่เลย
การปรากฏตัวของนางในร่างหัวโล้นตัวเล็ก ทำให้หลิงเยว่นึกถึงหยดเลือดที่ทิ้งไว้ในดอกบัวเพลิงสีม่วงก่อนไปยังโลกปีศาจ
หยดเลือดที่อาบแสงพุทธะเป็นเวลานาน และในช่วงที่โลกวิญญาณถูกปีศาจรุกราน มันได้รักษาผู้บาดเจ็บอยู่ตลอดเวลา จึงสะสมบุญกุศลไว้มากมาย
หรือแสงสีทองเหล่านั้นได้ให้กำเนิดนางคนที่สอง?
กล่าวโดยสรุปคือ หยดเลือดของนางมีชีวิตขึ้นมา!
ไม่เพียงแต่รอดชีวิต แต่ยังได้รับพลังและความทรงจำของหลิงเยว่ แถมปรากฏตัวในยามคับขันของสำนักหลานเทียนอีกด้วย!
นี่อาจเป็นสิ่งที่ถูกลิขิตไว้แล้วกระมัง…
“อย่าเพิ่งรีบดีใจไป พวกข้าไม่ได้มีแค่เพลิงปีศาจเท่านั้น เรื่องสนุกยังไม่จบหรอก” เทพปีศาจหัวเราะเยาะ เพลิงปีศาจแค่นี้เขายังสร้างได้อีกนับไม่ถ้วน เมื่อถึงเวลาเขาจะเผาโลกผู้บำเพ็ญเซียนให้ราบเป็นหน้ากลอง!!
เส้นสีดำนับไม่ถ้วนพุ่งออกจากปลายนิ้วของเทพปีศาจ แทงทะลุลงสู่ทะเลสาบ
หลิงเยว่หยุดยั้งได้ครั้งหนึ่ง แต่จะหยุดยั้งได้อีกครั้งหรือไม่!?
แน่นอนว่าไม่ได้ แม้หลิงเยว่จะไม่รู้ว่าเส้นสีดำเหล่านั้นคืออะไร แต่นางก็รู้ว่า หากสิ่งเหล่านี้เข้าสู่โลกผู้บำเพ็ญจะทำให้สถานการณ์ถูกเปลี่ยนแปลงไปอย่างมหาศาล
สวรรค์ ท่านช่วยหยุดยั้งด้วยเถิด!
หลิงเยว่ได้แต่สวดภาวนาในใจไม่หยุด หวังว่าสวรรค์แห่งโลกผู้บำเพ็ญจะเห็นสิ่งแปลกปลอมบุกรุกเข้าไป และหยุดยั้งเทพปีศาจได้
เส้นด้ายสีดำทะลุผ่านเขตแดนทั้งสองโลก ครึ่งหนึ่งโผล่ขึ้นในโลกผู้บำเพ็ญ อีกครึ่งหนึ่งอยู่ในโลกผู้บำเพ็ญเซียน ขณะที่มันกำลังจะพุ่งลงสู่โลกเบื้องล่างอย่างรวดเร็ว แต่จู่ ๆ กลับขาดสะบั้นเป็นสองท่อน
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ…”
หลิงเยว่หัวเราะอย่างสะใจอยู่ในร่างของเทพปีศาจ “ช่างเป็นฟ้าลิขิตจริง ๆ!”
เทพปีศาจสูดหายใจ สงบสติอารมณ์ แล้วรวบรวมเส้นดำอีกครั้ง แต่คราวนี้เส้นดำยังไม่ทันได้กระโดดลงทะเลสาบ ก็ถูก ‘ลมประหลาด’ พัดกระจายไปเสียก่อน
หลิงเยว่หัวเราะจนน้ำตาไหล
“เจ้าไปทำอะไรไว้ สวรรค์ถึงได้โกรธเคืองขนาดนี้เนี่ย?” นอกจากวิถีสวรรค์แล้ว หลิงเยว่ก็นึกไม่ออกว่าจะมีใครอีกที่สามารถคลี่คลายวิกฤตเส้นดำของปีศาจได้
โม่จวินเจ๋อหรือ?
ตอนนี้เขากำลังหาทางเข้าสู่แดนเทพ เพื่อตามหา ‘ตัวเอง’
เมื่อหาเจอแล้วก็จะมาช่วยนาง
นี่คือสิ่งที่ลูกแก้ววิญญาณบอกหลิงเยว่
เทพปีศาจไม่ได้ตอบคำถามของหลิงเยว่ ไม่เพียงแค่สองโลกนั้นที่เกลียดชังเขา แม้แต่สวรรค์ในแดนเทพก็เกลียดชังเขาเช่นกัน…
ดังนั้น การทำลายสามภพและสร้างโลกใหม่ขึ้นมาจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้!
โม่จวินเจ๋อที่หลิงเยว่นึกถึงเมื่อครู่ ตอนนี้เขายังอยู่ในโลกผู้บำเพ็ญเซียน และกำลังถูกร่างแยกสิบร่างและสัตว์เฝ้าหอคอยไล่ล่าเป็นจำนวนมาก ชีวิตของเขาช่างลำบากยากเย็นเหลือเกิน!
“พวกเจ้าจะหยุดข้าได้หรือ?” โม่จวินเจ๋อมองร่างแยกเทพปีศาจหมายเลขหนึ่งและสี่ที่ขวางหน้าเขาอยู่อย่างดูแคลน
“เจ้าที่ไม่มีกระบี่ศักดิ์สิทธิ์เสวียนเทียนและยังฟื้นฟูพลังไม่สมบูรณ์ อาจจะตายในมือพวกข้าก็ได้นะ!” ร่างแยกหมายเลขสี่ขยิบตาให้โม่จวินเจ๋อ
ร่างแยกหมายเลขหนึ่งเห็นดังนั้น จึงรีบถอยห่างจากหมายเลขสี่ทันที
และแล้วในชั่วพริบตาต่อมา ร่างแยกผู้อวดดีนั้นก็ระเบิดร่างเป็นเสี่ยง ๆ ต่อหน้าเขา
ช่างโง่เขลาเสียจริง! แม้กระทั่งตอนนี้ก็ยังดื้อด้านอีก ชายตรงหน้าไม่เพียงแต่เป็นเทพกระบี่ เขายังเป็นเทพวัจนะด้วย แม้ไม่มีกระบี่ แต่เคล็ดวิชาอันทรงพลังก็เพียงพอที่จะจัดการพวกเขาได้ แล้วจะหยุดยั้งชายผู้นี้ได้อย่างไรกัน?
พวกเขากลุ่มมีหน้าที่เพียงถ่วงเวลาการเข้าสู่แดนเทพของท่านผู้นี้เท่านั้น ดีที่สุดคือถ่วงเวลาสักหลายร้อยปี เพื่อให้ร่างหลักกลืนกินเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างสมบูรณ์
อืม… มันคือการใช้ชีวิตพวกเขาถ่วงเวลานั่นแหละ
หลังจากร่างแยกหมายเลขสี่แตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ ร่างแยกหมายเลขหนึ่งก็ตามรอยไปด้วย
โม่จวินเจ๋อกำลังจะจากไป แต่ก็มีร่างแยกพุ่งเข้ามาอีกร่าง
โม่จวินเจ๋อ “…”
สองร้อยปีคงไม่เพียงพอจริง ๆ เทพปีศาจคงตั้งใจจะกักตัวเขาไว้ในโลกผู้บำเพ็ญเซียนเป็นแน่
แต่โม่จวินเจ๋อตั้งใจแน่วแน่ที่จะไปแดนเทพเช่นกัน ดังนั้นวิธีการสังหารร่างแยกจึงยิ่งโหดร้ายและรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
ร่างแยกร้องโหยหวนไม่หยุด แต่ต้องฝืนใจสู้ต่อไป เพื่อรอให้เทพปีศาจเรียกร่างแยกที่แข็งแกร่งกว่ามา ถึงตอนนั้นพวกเขาจะได้มีเวลาฟื้นฟูร่างกายบ้าง
ร่างแยกยังทุกข์ทรมานขนาดนี้ แล้วสัตว์เฝ้าหอคอยล่ะ? พวกมันตายไปฝูงแล้วฝูงเล่า แถมยังเป็นแบบที่ฟื้นคืนชีพไม่ได้อีกด้วย!
“เหตุใดพลังเซียนของเจ้าจึงไม่มีวันหมดสิ้น!?” ร่างแยกหมายเลขหนึ่งที่ตายไปเกือบร้อยครั้งถึงกับสติแตก ถ้ามันยังตายต่อไป พลังของเขาคงตกลงไปอยู่ขอบเขตฝ่าทัณฑ์สวรรค์แล้ว!
โม่จวินเจ๋อไม่ได้ตอบ ความจริงแล้วเขาก็คิดไม่ถึงว่าใบไม้สีทองที่หลิงเยว่ทิ้งไว้จะทรงพลังถึงเพียงนี้
ไม่รู้ว่าเหตุใดใบไม้สีทองจึงเก็บสะสมพลังเซียนไว้มากมายเช่นนี้?
แต่คำถามนี้ ทั้งหลิงเยว่และเทพปีศาจสามารถตอบได้
“เจ้ากำลังดูดซับพลังปีศาจของข้า” เทพปีศาจกล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
“อ้าว เจ้าเพิ่งรู้หรือ?” หลิงเยว่ตอบอย่างตรงไปตรงมา ทำให้เทพปีศาจแค่นหัวเราะด้วยความโมโหอีกครั้ง
นางสามารถควบคุมร่างกายของเขาได้เป็นครั้งคราว ยังสามารถส่งคำสั่งให้ร่างแยกระเบิดตัวเองผ่านร่างกายของเขา และตอนนี้ยังสามารถดูดซับพลังปีศาจของเขาได้อีก เมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ช่างมีอิทธิฤทธิ์มากมายจริง ๆ!
เทพปีศาจเริ่มสงสัยแล้วว่าการตัดสินใจกักขังเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ไว้ในร่างกายของตนนั้นถูกหรือผิด
แต่ถึงจะผิดก็ไม่มีโอกาสให้เสียใจแล้ว
ระหว่างเขากับเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ มีเพียงหนึ่งเดียวที่จะมีชีวิตรอด!
“เจ้าเอาพลังปีศาจของข้าไปต่อกรกับร่างแยกหรือ?”
“ใช่แล้ว ไม่ได้หรือ? ข้ายังไม่ได้สั่งให้พวกเขาระเบิดตัวตายเสียหน่อย”
ความไร้ยางอายและความดีงามที่คิดไปเองของหลิงเยว่ ทำให้เทพปีศาจถึงกับอึ้งไป แต่เขายังอดกลั้นความโกรธไว้ แล้วถามอย่างไม่อายว่า
“เจ้าทำอย่างไรถึงเปลี่ยนพลังปีศาจเป็นพลังเซียนแล้วส่งให้ไอ้คนต่ำช้านั่นได้?”
หลิงเยว่จะบอกเขาได้อย่างไร?
“คิดว่าข้าจะบอกเจ้าหรือ?”
เทพปีศาจแค่นเสียงอย่างเย็นชา เมื่อร่างแยกและสัตว์เฝ้าหอคอยสามารถถ่วงเวลาได้น้อยลงเรื่อย ๆ ก็จำเป็นต้องส่งเหล่าปีศาจจากโลกผู้บำเพ็ญเซียนออกไปแล้ว
“เหล่าปีศาจทั้งหลายจงฟังคำสั่ง รีบไปยังแท่นบูชาเซียนเพื่อสนับสนุนร่างแยกของข้า แล้วสังหารชายชุดดำนั่นเสีย!”
ประโยคนี้ดังขึ้นในใจของเหล่าปีศาจ ขณะที่พวกเขาดีใจกับการกลับมาของเทพปีศาจ และละทิ้งการไล่ล่าผู้บำเพ็ญมนุษย์เพื่อมุ่งหน้าไปยังแท่นบูชาเซียน เสียงของเทพปีศาจก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“เหล่าปีศาจทั้งหลายจงฟังคำสั่ง ร่างแยกของข้าได้ทรยศแล้ว จงรีบไปยังแท่นบูชาเซียน เพื่อร่วมมือกับชายชุดดำสังหารพวกเขาให้หมด!”
เหล่าปีศาจ “???”
ไม่ใช่นะ เทพปีศาจหมายความว่าอย่างไรกันแน่?
ก่อนหน้านี้สั่งให้พวกเขาฆ่าชายชุดดำ แต่ตอนนี้กลับให้ร่วมมือกับชายชุดดำเพื่อฆ่าร่างแยกของตัวเอง?
และสำคัญกว่านั้นคือ ตอนนี้เทพปีศาจถึงกับจัดการร่างแยกของตัวเองไม่ได้?
เช่นนั้น เขายังสมควรเป็นเทพปีศาจอยู่หรือ?
…………….