ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 448 ไอ้นกบ้านั่น!
บทที่ 448 ไอ้นกบ้านั่น!
เห็นได้ชัดว่าคำสั่งแรกมาจากเทพปีศาจ ส่วนคำสั่งที่สองนั้นย่อมมาจากหลิงเยว่อย่างแน่นอน
ตอนนี้เหล่าปีศาจยังคงอยู่ในสภาวะงุนงงสงสัย และลังเลว่าควรไปหรือไม่ หากไปแล้ว จะต้องต่อสู้กับร่างแยกหรือชายชุดดำคนนั้นดี?
การกระทำของหลิงเยว่กลับช่วยให้ผู้บำเพ็ญที่กำลังดิ้นรนเอาชีวิตรอดในโลกผู้บำเพ็ญเซียนได้มีโอกาสหายใจหายคอ
บรรพจารย์เล่อเหอและคนคุ้นเคยอีกสิบกว่าคนกำลังนั่งยอง ๆ ปรับลมปราณอยู่ในถ้ำใต้ดิน
พวกเขาเพิ่งเข้าสู่ขอบเขตพ้นโลกีย์ขึ้นมา เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ทันทีที่ขึ้นมาก็ถูกเหล่าปีศาจไล่ล่าอย่างดุเดือด จากเดิมที่มีกว่าร้อยคน ตอนนี้เหลือไม่ถึงครึ่ง แถมยังอยู่กระจัดกระจายกันอีกด้วย
“ไม่รู้ว่าใครกันที่สามารถทำให้พวกปีศาจยอมเลิกไล่ล่าพวกเราได้” เจ้าสำนักเมี่ยวอินพิงกำแพงอย่างอ่อนแรง ใบหน้างดงามเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า อาภรณ์ขาดวิ่นไม่เป็นชิ้นดี ดูทรุดโทรมจนแทบจำไม่ได้
คนที่อยู่ในที่นั้นไม่ได้ดีไปกว่าเจ้าสำนักเมี่ยวอินเท่าไหร่ แต่ความลำบากเพียงเท่านี้ไม่นับเป็นอะไร เพราะอย่างน้อยก็ยังมีชีวิตอยู่
“คงเพราะมีปลาตัวใหญ่กว่าปรากฏตัว พวกปีศาจจึงเลือกที่จะปล่อยพวกเราไปก่อน” เล่อเหอเอ่ยเยาะหยันตัวเอง ในหมู่ผู้บำเพ็ญเซียน พวกเขาล้วนเป็นปรมาจารย์อาวุโส ไปที่ไหนก็เป็นที่เคารพยำเกรงของผู้คน
นับตั้งแต่พ้นโลกีย์มาสู่โลกผู้บำเพ็ญเซียนแล้ว เขากลับเป็นดั่งหนูที่ถูกไล่ล่า สภาพแวดล้อมในการดำรงชีวิตช่างเลวร้ายยิ่งนัก
โลกผู้บำเพ็ญเซียนสองในสามถูกพลังปีศาจกลืนกินไปแล้ว ส่วนหนึ่งในสามที่เหลือ พลังเซียนก็กำลังลดน้อยลงทีละน้อย มนุษย์ผู้บำเพ็ญ สัตว์วิญญาณ และพืชวิเศษจะอยู่รอดได้อีกนานเท่าใด?
ในไม่ช้า… โลกผู้บำเพ็ญเซียนคงจะกลายเป็นโลกของปีศาจเสียแล้ว
ช่างน่าเศร้านัก!
“อนิจจา…” ผู้คนที่อยู่ในที่นั้นต่างถอนหายใจ ดวงตาของพวกเขาหม่นหมองไร้แสง รู้สึกสิ้นหวังกับอนาคตอันมืดมน
ไม่ถูกสิ พวกเขายังมีอนาคตอยู่หรือ?
หากรู้เช่นนี้แต่แรก ไม่สู้…
ช่างเถิด ในโลกนี้ไม่มีโอสถระงับความเสียใจสักหน่อย อีกอย่าง ตอนที่พวกเขาเลือกที่จะฝ่าทัณฑ์สวรรค์พ้นโลกีย์ พวกเขาก็คาดผลลัพธ์ไว้บ้างแล้ว
“ไม่รู้ว่าโลกผู้บำเพ็ญจะเป็นอย่างไรบ้าง”
“สองโลกคงเกิดสงครามใหญ่แล้ว” เจ้าอาวาสพุทธวิหารกำลูกประคำในมือ ดวงตาเปี่ยมด้วยความเวทนา
“ใช่แล้ว มีเพียงเทพปีศาจเท่านั้นที่สามารถทำให้เผ่าปีศาจทั้งหมดยอมเลิกไล่ล่าผู้บำเพ็ญได้ ดูเหมือนว่าเทพปีศาจได้มาถึงโลกเบื้องบนแล้ว เมื่อเขามาถึงที่นี่ ประตูระหว่างสองโลกจะยังสมบูรณ์ได้อย่างไร?”
“เทพปีศาจผู้โหดร้ายนั้นคงวางแผนที่จะสังเวยชีวิตของทั้งสองโลกเพื่อเติมพลังให้ตัวเองอยู่แล้ว”
ทุกคนที่อยู่ในที่นี้ล้วนเป็นผู้ที่มีชีวิตอยู่มานับพันปี พวกเขาจะไม่เข้าใจเหตุผลได้อย่างไร?
โลกผู้บำเพ็ญคงกลายเป็นนรกอีกแห่งนอกเหนือจากโลกผู้บำเพ็ญเซียน น่าเสียดายที่ตอนนี้พวกเขาไม่สามารถติดต่อกับโลกเบื้องล่างได้ อีกทั้งยังไม่สามารถแยกร่างลงไปช่วยต้านทานการโจมตีของเผ่าปีศาจได้เช่นกัน เพราะตอนนี้พวกเขาก็แทบเอาตัวไม่รอดแล้ว
ไม่รู้ว่าเสี่ยวเยว่และโม่จวินเจ๋อจะเป็นอย่างไรบ้าง…
บรรพจารย์เล่อเหอรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา
“ไม่เป็นไร พวกเราตามเผ่าปีศาจไปดูปลาตัวใหญ่นั่นกันเถอะ?”
แต่ข้อเสนอของบรรพจารย์เล่อเหอได้รับการเห็นชอบจากคนส่วนน้อยเท่านั้น
ในเมื่อหนีการไล่ล่ามาได้แล้ว ทำไมไม่ใช้โอกาสนี้พักฟื้นสักหน่อยล่ะ?
เมื่อเผ่าปีศาจจัดการกับปลาตัวใหญ่เสร็จแล้ว พวกเขาต้องมาทรมานพวกเขาต่อแน่นอน ตอนนี้ขอแค่ดูแลตัวเองให้ดีก็พอแล้ว!
แม้จะเป็นการถาม แต่บรรพจารย์เล่อเหอก็ลุกขึ้นยืนแล้ว “ข้าจะไปดูสักหน่อย”
พูดจบ เขาก็จากไปพร้อมกับเจ้าสำนักเมี่ยวอินและเจ้าอาวาสพุทธวิหาร
ทั้งสามพรางตัว แล้วแอบซ่อนตัวอยู่ในที่มืดเพื่อสังเกตการณ์เหล่าปีศาจที่บินว่อนอยู่เต็มท้องฟ้า
“พวกเราจะไปช่วยใครดี?”
“ดูสถานการณ์ก่อน แล้วค่อยพิจารณาว่าจะยื่นมือเข้าไปช่วยได้หรือไม่”
“อืม…”
ทั้งสามได้ยินบทสนทนาของเหล่าปีศาจที่เดินผ่านไป แต่กลับงุนงงสับสน
เทพปีศาจออกคำสั่งติดต่อกันสองครั้ง ทำให้พวกปีศาจที่มายังแท่นบูชาเซียนไม่กล้ารีบร้อนเคลื่อนไหว
“พวกเจ้าดูอะไรกัน รีบลงมือเดี๋ยวนี้!” ร่างแยกหมายเลขห้าตวาดใส่เหล่าปีศาจที่ยืนมุงอยู่
ชั่วขณะถัดมา เขาก็แสดงการแยกร่างออกเป็นสี่ส่วนห้าส่วนให้ชาวปีศาจได้ชม ร่างแยกหมายเลขหนึ่งไม่อยากให้หมายเลขห้าดึงความสนใจไปทั้งหมด จึงรีบแสดงดอกไม้ไฟสายเลือดทันที ร่างแยกหมายเลขสามก็รีบตามไปติด ๆ สถานการณ์ตรงนั้นราวกับดอกไม้ไฟโลหิตกำลังเบ่งบาน…
ร่างแยกทั้งสิบมีวิธีตายแตกต่างกัน ทำให้ผู้ชมรู้สึกหวาดกลัวไม่น้อย แม้แต่ร่างแยกยังถูกฆ่าอย่างง่ายดายเช่นนี้ หากพวกเขาขึ้นไปคงเหมือนส่งตัวเองไปตายเป็นแน่แท้
ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาไม่มีความสามารถในการฟื้นคืนชีพเหมือนร่างแยกของเทพปีศาจด้วย
ชายชุดดำผู้นี้มีที่มาอย่างไรกันแน่?
ในขณะที่เหล่าปีศาจกำลังสงสัย ก็มีบางคนถูก ‘บังคับ’ ให้เคลื่อนไหว ผลคือเหล่าปีศาจที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ ส่งตัวเองไปเป็นเหยื่อโดยไม่รู้ตัว…
เทพปีศาจจะยอมให้พวกเขายืนดูเฉย ๆ ได้อย่างไร?
หากร่างแยกตายต่อไปก็จะไร้ประโยชน์
หลิงเยว่มองดูโม่จวินเจ๋อที่ถูกวิชากล้าแกร่งล้อมรอบตัว หัวใจของนางเต้นรัว
นางต้องทำอะไรสักอย่าง!
หลิงเยว่เพิ่งตัดสินใจควบคุมร่างของปีศาจอย่างสุดกำลัง แต่นางบังเอิญเหลือบไปเห็นบรรพจารย์เล่อเหอและอีกสองคน หัวใจของนางเต้นผิดจังหวะไปครึ่งหนึ่งอย่างควบคุมไม่ได้
“คนรู้จักหรือ?”
เทพปีศาจยิ้มอย่างเยือกเย็น ในชั่วขณะถัดมา ปีศาจที่อยู่ใกล้เล่อเหอและอีกสองคนมากที่สุดพลันหันกลับมาลงมือกับพวกเขาทันที!
เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีที่มาอย่างกะทันหัน ทั้งสามคนไม่ได้ตื่นตระหนก แต่รับมืออย่างสงบนิ่ง น่าเสียดายที่พลังต่างกันเกินไป จนทำให้พวกเขาได้รับบาดแผลสาหัส
เจ้าสำนักเมี่ยวอินถูกลูกธนูสีดำปักเข้าที่หน้าอก หากนางไม่คว้าลูกธนูไว้ทันเวลา ตอนนี้นางคงกลายเป็นศพไปแล้ว
โม่จวินเจ๋อราวกับถูกเทพแห่งการสังหารสิงร่าง ทุกที่ที่เขาไปต้องมีซากศพของปีศาจกองเป็นภูเขา
จากนั้นเขาก็พุ่งตัวมาอยู่เบื้องหน้าบรรพจารย์เล่อเหอ สังหารปีศาจที่กำลังเข้ามาใกล้ ยังไม่ทันที่เล่อเหอจะได้พูดอะไร ร่างของเขาก็ถูกโยนขึ้นไปบนท้องฟ้า พร้อมกับเจ้าสำนักเมี่ยวอินที่บาดเจ็บสาหัสจนหมดสติ และเจ้าอาวาสพุทธวิหารที่พยายามประคองตัวอย่างยากลำบาก
เสียงร้องของหงส์ที่คุ้นเคยดังขึ้น มันกลายเป็นลำแสงสีทองโผเข้ารับร่างของทั้งสามคนที่ถูกโยนขึ้นไปในอากาศ แล้วรีบจากไปอย่างรวดเร็ว
“เจ้านกตัวนั้นมาขัดขวางแผนของข้าอีกแล้ว!”
เทพปีศาจรู้สึกโกรธแค้นนัก หากไม่ใช่เพราะหงส์ทองคำตัวนั้นนำพาทัณฑ์สวรรค์มา พวกเขาคงไม่ถูกสวรรค์ค้นพบเร็วถึงเพียงนี้!
มันน่ารังเกียจพอ ๆ กับเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ทีเดียว!
ไอสังหารแผ่ซ่านรอบกายเทพปีศาจ ผิวน้ำในทะเลสาบที่เคยกระเพื่อมไหวพลันหยุดนิ่ง ราวกับหวาดกลัวว่าจะกลายเป็นเป้าหมายในการระบายอารมณ์
หลิงเยว่ฉวยโอกาสแย่งชิงการควบคุมร่างของเทพปีศาจ ทันทีที่ได้รับการควบคุม นางก็ปลดปล่อยเหล่าปีศาจที่ถูกควบคุมทันที และสั่งให้พวกมันเปิดทางให้โม่จวินเจ๋อ แม้กระทั่งสั่งให้ร่างจำแลงระเบิดตัวเองด้วย
เมื่อเผชิญหน้ากับเหล่าปีศาจที่หยุดโจมตีและเปิดทางให้ โม่จวินเจ๋อก็ไม่ลังเล กลายร่างเป็นลำแสงพุ่งตามแสงทองที่หายลับไปทันที
เมื่อเทพปีศาจกลับมาควบคุมร่างกายอีกครั้ง โม่จวินเจ๋อก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย พร้อมร่างแยกที่เหลือเพียงเจ็ดร่างเท่านั้น!
คงจินตนาการได้ว่าเทพปีศาจโกรธแค้นเพียงใด!
เทพปีศาจที่โกรธจนอยากฉีกหลิงเยว่ให้เป็นชิ้น ๆ ใช้วิธีทำร้ายตัวเองเพื่อให้สงบสติอารมณ์ จากนั้นก็ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยอย่างไร้อารมณ์
“ช่างเถอะ อย่างไรเสียตอนนี้ร่างแยกพวกนั้นก็ไร้ประโยชน์แล้ว สมควรปล่อยให้ผู้ที่แข็งแกร่งกว่าออกมาจริง ๆ”
ผิวน้ำในทะเลสาบที่เคยหยุดนิ่งกลับเคลื่อนไหวอีกครั้ง จากนั้นร่างแยกเจ็ดร่างที่มีหน้าตาเหมือนเทพปีศาจไม่มีผิดเพี้ยนก็ปรากฏขึ้น
หลิงเยว่ “…”
นางอุตส่าห์กำจัดพวกมันไปได้อย่างยากลำบาก แต่ตอนนี้กลับมีเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าอย่างนั้นหรือ?
…………….