ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 454 ใช้กระบี่หลอกล่อ
สิ่งที่เทพปีศาจไม่อยากเห็นที่สุดกลับเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา ลองคิดดูว่าเขาจะโกรธเพียงใด?
ยังดีที่ร่างใหม่ของเขาควบคุมอารมณ์ได้ดี เทพปีศาจจึงเริ่มถอยหลัง โดยมีร่างแยกพิเศษทั้งหกล้อมรอบคุ้มครองเขาไว้
ร่างหลักที่หลอมรวมกับร่างใหม่ต้องใช้เวลาปรับตัวระยะหนึ่ง และในช่วงปรับตัวนี้ไม่สามารถใช้พลังได้ สิ่งที่เขาพึ่งพาได้คือการปกป้องจากร่างแยก
แน่นอนว่าโม่จวินเจ๋อรู้เรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงพาหลิงเยว่หนีไประหว่างที่เทพปีศาจลังเลว่าจะฆ่าเขาหรือไม่
เทพปีศาจจะเทียบกับ… หลิงเยว่ได้อย่างไร!
โม่จวินเจ๋อทำท่าจะเข้าไปสังหารเทพปีศาจ แต่ในขณะที่กระบี่ศักดิ์สิทธิ์เสวียนเทียนกำลังจะฟันลงมา เขากลับยืนบนใบมีดแล้วพุ่งทะยานผ่านศีรษะของเทพปีศาจไปทันที
ร่างแยกพิเศษทั้งหก เทพปีศาจ และเหล่าปีศาจทั้งหลาย “…”
ที่แท้ก็แค่ใช้กระบี่หลอกล่อ?
เทพปีศาจสีหน้าเรียบเฉย พลางเอ่ยคำว่า “ไล่ตามไป” สี่ร่างแยกพุ่งตัวออกไปทันที ส่วนอีกสองร่างยังคงอยู่ข้างกายเขา คอยป้องกันการโจมตีจากทัณฑ์สวรรค์
“พวกเจ้า… จะอยู่ที่นี่ทำไมกัน?”
แม้ไม่สามารถใช้พลังได้ แต่ความกดดันทางสายเลือดที่มีมาแต่กำเนิดก็ยังทำให้เผ่าปีศาจไม่อาจเกิดความคิดต่อต้านได้ พวกมันต่างวิ่งไล่ตามไปราวกับหนีเอาชีวิตรอด
ผลคือ เผ่าปีศาจที่ช้าไปหนึ่งก้าวต่างระเบิดกลายเป็นดอกไม้ไฟโลหิต พวกปีศาจที่จากไปแล้วหันกลับมาเห็นภาพนั้นก็ยิ่งวิ่งเร็วขึ้นไปอีก!
ฝูงชนมากมายบินผ่านท้องฟ้า แม้แต่พวกปีศาจที่กำลังไล่ล่าผู่ตานและเล่อเหอก็ยังละทิ้งภารกิจกลางคัน
ทั่วทั้งเผ่าปีศาจต่างได้รับคำสั่งให้ไล่ล่า ไม่มีใครกล้าประมาท เพราะผู้ที่กล้าก็ระเบิดร่าง กลายเป็นอาหารของโลกผู้บำเพ็ญเซียนไปแล้ว
“เกิดอะไรขึ้นอีก?” ผู่ตานที่รอดชีวิตมาได้แปลงร่างเป็นมนุษย์ ทิ้งตัวนั่งลงบนพื้น
บรรพจารย์เล่อเหอชี้ไปที่ผู่ตาน “เจ้า เจ้า เจ้า” พูดไปครึ่งวันก็ยังไม่สามารถเอ่ยคำต่อไปได้
เจ้าสำนักเมี่ยวอินและอดีตเจ้าอาวาสพุทธวิหารต่างเบิกตากว้าง “พวกเจ้าสำนักหลานเทียนช่างมีความลับเยอะจริง ๆ!”
นับตั้งแต่โม่จวินเจ๋อโยนเล่อเหอทั้งสามคนให้กับผู่ตาน ทั้งสามคนและหงส์ทองคำก็วุ่นกับการหนีเอาชีวิตรอดและรับมือกับผู้ไล่ล่า จึงไม่ได้มีการพูดคุยกันเลย ส่งผลให้ทั้งสามคนมีท่าทางไม่อยากเชื่อเมื่อได้เห็นร่างแท้จริงของผู่ตาน
“ตระกูลผู่มีสายเลือดหงส์ด้วยหรือ?”
บรรพจารย์เล่อเหอพินิจมองผู่ตาน ยังคงไม่อาจยอมรับความจริงที่ว่าเขาเป็นหงส์ทองคำได้ ประเด็นสำคัญคือ มีคนต่างเผ่าพันธุ์อยู่ในสำนัก เหตุใดเขาถึงไม่รับรู้เล่า?
“ตระกูลผู่ไม่มีสายเลือดหงส์หรอกขอรับ ศิษย์เพียงแต่ได้รับการสืบทอดจากเผ่าพันธุ์หงส์โดยบังเอิญเท่านั้น”
“เพียงการสืบทอดก็ทำให้เจ้าพ้นโลกีย์ได้ทันทีเลยหรือ?”
บรรพจารย์เล่อเหอสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ แต่ไม่มีท่าทีจะสืบสาวต่อ แต่เดิมเขาคิดว่าหงส์ทองคำตัวนี้เป็นสัตว์รับใช้ตัวใหม่ของโม่จวินเจ๋อ ไม่คิดว่าจะเป็นผู่ตานเสียอย่างนั้น
ใช่แล้ว! ศิษย์เอกคนเดียวของเขาเล่า ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?
บรรพจารย์เล่อเหอที่เพิ่งวางใจกลับต้องเป็นกังวลอีกครั้ง ไม่คิดว่าพอเขาเพิ่งพ้นโลกีย์ โม่จวินเจ๋อก็พ้นโลกีย์ตามมาติด ๆ ดูท่าอีกฝ่ายคงได้รับโชคลาภอันยิ่งใหญ่ในแดนปีศาจเช่นกัน
จะไม่ใช่ว่าแย่งชิงโชคลาภของเทพปีศาจมากระมัง?
บรรพจารย์เล่อเหอรู้สึกว่าตนเริ่มเข้าใจแล้ว!
พวกเขาทำได้ดีมาก!
“ทั้งเจ้าและโม่จวินเจ๋อต่างพ้นโลกีย์แล้ว แล้วเสี่ยวเยว่เล่า?”
“เสี่ยวเยว่คงยังไม่พ้นโลกีย์กระมัง?”
บรรพจารย์เล่อเหอเริ่มถามตอบตัวเอง แล้วเปลี่ยนประเด็นทันที “ประตูสองภพเปิดเร็วกว่ากำหนดใช่หรือไม่?”
ผู่ตานพยักหน้า “สงครามระหว่างสองภพได้เริ่มขึ้นแล้ว ข้ามาที่นี่เพื่อตามหาหลิงเยว่ นางถูกเทพปีศาจ…”
ทั้งสามคนฟังคำบอกเล่าของผู่ตาน สีหน้าเริ่มเคร่งเครียดขึ้นเรื่อย ๆ
โดยเฉพาะเล่อเหอ เขานึกถึงพลังรักษาอันแข็งแกร่งของหลิงเยว่ ก็พอเดาได้ว่านางต้องไม่ธรรมดา แต่ไม่คิดว่านางจะเป็นเป้าหมายของเทพปีศาจ!
สิ่งที่สามารถดึงดูดเทพปีศาจในโลกนี้มีไม่กี่อย่าง อีกฝ่ายยอมวางแผนรอคอยในโลกเบื้องล่างนับพันปีเพื่อการนี้ ต้องไม่ธรรมดาแน่นอน!
“หลิงเยว่ไม่ใช่มนุษย์ใช่ไหม?” อดีตเจ้าอาวาสพุทธวิหารที่เงียบมาตลอดเอ่ยปากขึ้นทันที
“ข้าเคยได้ยินตำนานการกำเนิดของสามภพที่มาจากต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชีวิต หากผู้ใดได้ครอบครองมัน ย่อมได้พลังสร้างโลกด้วย”
เล่อเหอกำลังจะเอ่ยปากค้าน อดีตเจ้าอาวาสพุทธวิหารรีบพูดแทรก “มีข่าวลือว่าต้นไม้นั่นไม่เพียงสร้างโลกได้ แต่ยังมีพลังรักษาอันแข็งแกร่งและสามารถชุบชีวิตสิ่งมีชีวิตที่ตายแล้ว…”
“ท่านสงสัยว่าหลิงเยว่คือต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์หรือ!?” หัวใจของเจ้าสำนักเมี่ยวอินเต้นรัว
“ไม่ ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ได้สูญสิ้นไปแล้วในสงครามครั้งแรกระหว่างเทพกับปีศาจ แต่หลิงเยว่อาจเป็นผู้สืบทอดของนาง”
หากไม่ใช่เช่นนั้นอดีตเจ้าอาวาสพุทธวิหารคงคิดไม่ออกจริง ๆ ว่าเหตุใดเทพปีศาจจึงวางแผนอย่างพิถีพิถันเพียงเพื่อจับตัวหลิงเยว่
“ความสามารถในการรักษาของหลิงเยว่นั้นดีจริง แต่จะบอกว่านางเป็นผู้สืบทอดต้นไม้แห่งชีวิตอะไรนั่น มันเป็นเรื่องเหลวไหลไร้สาระสิ้นดี!” เล่อเหอโต้แย้ง
“เช่นนั้นเจ้าบอกข้าสิ ในโลกแห่งการบำเพ็ญเซียนนี้มีผู้คนมากมาย เหตุใดปีศาจจึงจ้องแต่จะจับหลิงเยว่ แล้วยังพานางไปอีก?”
คำถามจากอดีตเจ้าอาวาสพุทธวิหาร ทำเอาผู่ตานและเล่อเหอถึงกับพูดไม่ออก
ใช่แล้ว เหตุใดปีศาจจึงจ้องแต่หลิงเยว่ แถมหลังจากจับตัวหลิงเยว่ได้แล้วก็รีบมายังโลกผู้บำเพ็ญเซียนทันที?
หรือว่าไม่ใช่เพราะบรรลุเป้าหมายแล้วหรอกหรือ?
อดีตเจ้าอาวาสพุทธวิหารมีข้อสงสัยเช่นนี้ก็เพราะหนึ่งในดอกบัวเพลิงกลายพันธุ์สองดอกนั้น ถูกตัดสินว่าเป็นดอกบัวที่ตายแล้ว เขาจึงให้ศิษย์นำออกไปทิ้ง
“เอาแต่ถกเถียงกันไปจะมีประโยชน์อะไร?”
หากหลิงเยว่เป็นดังที่เจ้าอาวาสกล่าวจริง เช่นนั้นเรื่องเร่งด่วนที่สุดก็คือช่วยหลิงเยว่ออกมา เจ้าสำนักเมี่ยวอินไม่อาจจินตนาการได้ว่าเทพปีศาจจะทำเรื่องบ้าคลั่งอะไรอีก หากได้รับพลังของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชีวิตแล้ว
แต่นางรู้ว่าสรรพชีวิตในสามภพจะไม่ได้รับประโยชน์ใด ๆ แน่นอน!
“ด้วยกำลังของพวกเราในตอนนี้ จะช่วยหลิงเยว่ออกมาจากเงื้อมมือของเทพปีศาจได้อย่างไร?” โลกผู้บำเพ็ญเซียนเต็มไปด้วยเผ่าปีศาจ และพวกมันเชื่อฟังคำสั่งของเทพปีศาจทั้งหมด ถึงพวกเขาสามสี่คนไปมอบตัวให้เทพปีศาจ อีกฝ่ายคงไม่แม้แต่จะเหลือบมองด้วยซ้ำ
“ถ้าเช่นนั้นก็รวบรวมผู้บำเพ็ญทั้งหมดโลกผู้บำเพ็ญเซียน…”
“ไม่จำเป็น ภารกิจหลักของพวกเราตอนนี้คือปกป้องตัวเองให้ดีก็พอ”
เล่อเหอยังพูดไม่ทันจบ ผู่ตานก็ขัดจังหวะเสียก่อน
ทั้งสามคน “???”
“หลิงเยว่หนีออกมาจากเงื้อมมือของเทพปีศาจได้แล้ว แต่ว่า…”
ผู่ตานยกมือทั้งสองขึ้นปิดหน้าตัวเอง ฝ่ามือที่แห้งผากกลับเต็มไปด้วยน้ำตา “เพื่อทรมานหลิงเยว่ เทพปีศาจได้สังหาร… ท่านอาจารย์ พี่ใหญ่ พี่รองและพี่สามต่อหน้านางแล้ว”
“อะไรนะ?!” เล่อเหอราวกับถูกสายฟ้าฟาด
“เจ้ารู้ได้อย่างไร?” เมื่อเทียบกับความตกตะลึงของเล่อเหอ เจ้าอาวาสพุทธวิหารกลับดูสงบกว่ามาก
“โม่จวินเจ๋อบอกข้ามา”
ผู่ตานลุกขึ้นด้วยเนื้อตัวสั่นเทา “ท่านอาจารย์ พวกเราต้องมีชีวิตรอด!”
หากพวกเขาตายไปด้วย หลิงเยว่จะทำอย่างไร?
นางคงจะเสียสติแน่…
ไอ้เทพปีศาจชั่วช้า!
เส้นเลือดบนมือของผู่ตานปูดโปน ดวงตาเต็มไปด้วยความเกลียดชังต่อเทพปีศาจ
‘อาจารย์ พี่ใหญ่… ข้าขอสาบาน ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ ข้าจะต้องแก้แค้นให้พวกท่านด้วยมือของข้าเอง!’