ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 458 ท่านกำลังล้อเล่นอะไรกัน?
บทที่ 458 ท่านกำลังล้อเล่นอะไรกัน?
หลิงเยว่ไม่ตอบอะไร แต่เบนสายตาไปด้านข้างแทน
ตอนนี้อีกฝ่ายไม่เหมือนกับโม่จวินเจ๋อคนเดิมเท่าไหร่ แต่แววตาน้อยใจที่เขาแสดงออกมาเมื่อครู่ กลับซ้อนทับกับภาพของชายหนุ่มคนเดิมอีกครั้ง
อืม…
หลิงเยว่ยังไม่ชินกับการเปลี่ยนแปลงของอีกฝ่าย และยังไม่มีอารมณ์จะมาตกหลุมรักใครในตอนนี้ รอให้ทุกอย่างลงตัวเสียก่อน ค่อยว่ากันอีกที
โม่จวินเจ๋อก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะพวกเขายังมีเวลาอยู่ด้วยกันตามลำพังอีกนาน
“ตอนนี้เจ้าวางใจได้แล้วหรือไม่?”
หลิงเยว่พยักหน้า โม่จวินเจ๋อได้จัดการสิ่งที่นางกังวลทั้งหมดแล้ว…
ยังมีเหตุผลอะไรที่จะปฏิเสธอีกเล่า?
ตอนนี้ภารกิจหลักคือการไปแดนเทพกับโม่จวินเจ๋อ ส่วนไปทำอะไรนั้น หลิงเยว่พอจะเดาได้บ้างแล้ว
ทั้งสองคนเพิ่งจากไป ร่างแยกของเทพปีศาจก็มาถึง เมื่อเห็นค่ายกลที่สร้างโดยฝีมือของโม่จวินเจ๋อ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปมา
เทพปีศาจที่ได้รับข่าวถึงกับหัวเราะเยาะ ชายผู้นั้นคิดว่าเขาทำลายกำแพงนี้ไม่ได้หรือ?
“พวกเจ้าเข้ามา…” เทพปีศาจโบกมือเรียกพวกปีศาจที่ถูกบังคับให้ยืนอยู่ด้านหน้า
“โลกผู้บำเพ็ญเซียนมีทางเข้าสู่แดนเทพเพียงแห่งเดียวเท่านั้นหรือ?”
พวกปีศาจรีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ใช่แล้ว หากต้องการเข้าสู่แดนเทพ มีเพียงเส้นทางเดียวเท่านั้น
ปีศาจกวาดตามองคนตรงหน้าแวบหนึ่ง คงจะมีอีกเส้นทางที่พวกเขาไม่รู้แน่นอน ถ้าเช่นนั้น… เข้าไปดักรอเลยดีกว่า
เทพปีศาจหันหลังเดินตรงไปยังทางเข้าแดนเทพ
ส่วนเหล่าปีศาจทั้งหลายถูกส่งไปทำลายค่ายกล ในวินาทีที่ทำลายสำเร็จก็จะเป็นวินาทีที่โลกแห่งการบำเพ็ญเซียนล่มสลาย!
ขอเพียงเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์อย่าได้เสียใจมากเกินไปแล้วกัน!
เหล่าปีศาจที่ส่งเทพปีศาจและร่างแยกทั้งห้าออกไป รู้สึกว่าความหม่นหมองได้สลายไปในพริบตา
“เขาไปแล้ว พวกเราจะต้องไปทำลายค่ายกลอะไรนั่นอีกหรือไม่?”
“เจ้ากล้าขัดคำสั่งเขาหรือ?”
“ทำไมข้าจะไม่กล้า? หรือว่าขึ้นไปแดนเทพแล้วเขาจะฆ่าข้าได้จริง ๆ? ก่อนหน้านี้เขายังถูกไอ้วิชานั่นสะท้อน…”
คนผู้นี้พูดยังไม่ทันจบ ร่างกายก็ระเบิดออกเป็นละอองเลือด!
แม้แต่เสียงร้องครวญครางก็ไม่ทันได้เปล่งออกมา…
ทั้งที่เป็นหนึ่งในร้อยอันดับแรกของโลกผู้บำเพ็ญเซียนเชียวนะ!
ภาพนองเลือดนี้ ทำให้เหล่าปีศาจตกตะลึง แต่นี่ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้พวกปีศาจเกิดความหวาดกลัว
พวกปีศาจที่กำลังจะจากไปราวกับถูกตรึงอยู่กับที่ ได้แต่จ้องมองดูเหล่าปีศาจผู้แข็งแกร่งในโลกผู้บำเพ็ญเซียนระเบิดออกทีละคน คล้ายกับงานเลี้ยงดอกไม้ไฟโลหิตเพื่อส่งเทพปีศาจเดินทาง
ผลลัพธ์จากการบำเพ็ญเพียรอย่างยากลำบากของพวกเขา สุดท้ายยังไม่อาจต้านทานการกดขี่จากสายเลือดของเทพปีศาจได้… หรือว่าพวกเขามีชีวิตอยู่เพียงเพื่อรับใช้เทพปีศาจเท่านั้นหรือ?
ไม่ พวกเขาไม่เต็มใจ!
มีผู้พยายามต่อต้านสายเลือดของเทพปีศาจ แต่ต้องระเบิดร่างทุกคนไป
แม้แต่ผู้ที่เพิ่งเกิดความคิดต่อต้านเพียงเล็กน้อยก็ถูกสายเลือดย้อนกลับในทันที พลังของพวกเขาลดลงอย่างต่อเนื่อง
“ข้าผิดไปแล้ว ผิดไปแล้ว ข้าไม่ควรฝ่าฝืนคำสั่งของเทพปีศาจ อย่าได้กลืนกินพลังของข้าอีกเลย!”
“ข้าขอสาบานว่าจะจงรักภักดีต่อเทพปีศาจจนตาย ไม่กล้าคิดต่อต้านแม้แต่น้อย…”
“ช่วยข้าด้วย…”
เหล่าปีศาจมากมายคุกเข่าลงบนพื้น พวกเขาร่ำไห้คร่ำครวญ ปากร้องขอความเมตตา ไม่เหลือความภาคภูมิใจและความมั่นใจของผู้แข็งแกร่งแห่งเผ่าปีศาจอีกต่อไป
การกดดันด้วยสายเลือดช่างน่าสะพรึงกลัวนัก
“ยังมีผู้ใดอยากลิ้มรสความรู้สึกของการกลายเป็นละอองเลือดอีกหรือไม่?”
ร่างแยกพิเศษหมายเลขเจ็ดปรากฏขึ้นในช่องทางสู่แดนเทพ บนใบหน้ายังคงมีเส้นสีขาวสี่เส้นเคลื่อนไหวอยู่ แต่เลือดไม่ไหลออกจากทวารทั้งเจ็ดอีกต่อไป ทั้งร่างดูอ่อนแอ แม้แต่การยืนก็ดูเหมือนจะทรงตัวไม่อยู่ ต้องพิงร่างสัตว์อสูรไว้จึงจะพอประคองตัวได้
เขาไม่ตาย!!!
พวกปีศาจต่างตกตะลึงพร้อมส่ายหน้าไปมา พวกเขากลัวจริง ๆ และร่างแยกที่ดูอ่อนแอนี้กล้าปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา ย่อมแสดงว่าไม่เกรงกลัวพวกเขาแน่นอน
ฮึ! ร่างแยกที่พลังเกือบจะตกลงมาถึงระดับมนุษย์เซียนกลับสามารถสั่งการพวกเขาที่มีพลังสูงกว่าได้อย่างง่ายดาย
ช่างน่าขันและน่าสมเพชเหลือเกิน…
“ส่วนหนึ่งมุ่งหน้าไปยังผารันจิต ทำลายค่ายกล อีกส่วนหนึ่งไล่ล่าผู้บำเพ็ญในโลกผู้บำเพ็ญเซียนต่อไป จงกวาดล้างที่นี่ให้สะอาดหมดจด”
ร่างแยกที่ดูอ่อนแอกล่าวจบก็หอบหายใจไม่หยุด ราวกับว่าอีกเพียงครู่เดียวจะสิ้นใจแล้ว แต่น่าเสียดายที่เขากลับฟื้นคืนสติอีกครั้ง
แม้ใบหน้าจะซีดขาวราวไร้เลือดฝาด แต่พลังชีวิตกลับแกร่งกล้า
งานเลี้ยงฉลองด้วยดอกไม้ไฟแห่งโลหิตสิ้นสุดลง เหล่าปีศาจที่รวมตัวกันอยู่หน้าประตูสู่แดนเทพต่างแยกย้ายจากไปทำภารกิจของตน ณ ที่แห่งนี้จึงเหลือเพียงคนป่วยและสัตว์อสูรตัวหนึ่ง
ทั้งคนและสัตว์ไม่มีทีท่าว่าจะจากไป แต่กลับยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ราวกับกลัวว่าจะพลาดบางสิ่ง
หลิงเยว่ที่กำลังถูกโม่จวินเจ๋อพาไปยังอีกทางลับหนึ่ง มองดูผู้คนที่ผ่านไปมาบนท้องฟ้า
“พวกปีศาจถอนกำลังออกจากประตูเชื่อมระหว่างสองโลกแล้วใช่หรือไม่? เช่นนั้นพวกเราไม่จำเป็นต้องไปทางที่ไม่รู้จักนั้นแล้วสิ?”
แม้แต่โม่จวินเจ๋อยังบอกว่าประตูที่สองเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและอันตราย ลองคิดดูสิว่ามันน่ากลัวเพียงใด ตอนนี้มีโอกาสไปทางที่ปลอดภัยกว่า หากไม่ไปก็โง่สิ!
“อีกอย่างทัณฑ์สวรรค์ก็หายไปแล้ว เทพปีศาจคงไปตามหาพวกเราที่แดนเทพแล้วใช่หรือไม่?”
“ไม่ เขากำลังรอให้พวกเราติดกับ”
ศัตรูมักเข้าใจกันและกันมากที่สุด
โม่จวินเจ๋อและเทพปีศาจในฐานะศัตรูคู่อาฆาต ต่างเข้าใจอีกฝ่ายเป็นอย่างดี
ทัณฑ์สวรรค์และพวกปีศาจถอยทัพไปแล้ว ทั้งหมดนี้คงเป็นแผนการเพื่อล่อหลิงเยว่แน่นอน
“หา?” หลิงเยว่ไม่ค่อยเข้าใจนัก
“เทพปีศาจกำลังรออยู่ในช่องทางสู่แดนเทพแน่นอน”
โม่จวินเจ๋อคาดเดาได้ไม่ผิด เทพปีศาจและร่างแยกทั้งห้าที่เข้าไปในช่องทางระหว่างสองโลกไม่ได้ไปไกล แต่กลับยืนรออยู่ที่นั่นอย่างเงียบ ๆ
เพียงแค่สองคนนี้โผล่หัวออกมา สิ่งที่รอพวกเขาอยู่ก็คือความตายหนึ่งคนและถูกจับอีกหนึ่งคน
ช่างเจ้าเล่ห์และแยบยลเช่นนี้เลยหรือ?
หลิงเยว่จิ๊ปาก ใช่แล้ว! นางลืมได้อย่างไรว่าเทพปีศาจนั้นโหดร้ายขนาดไหน
“อีกนานแค่ไหนกว่าจะถึง?”
ตอนนี้ทั้งสองคนได้เข้าไปในป่าดึกดำบรรพ์มาหนึ่งเดือนแล้ว ป่าแห่งนี้ดูแปลกประหลาดนัก ไม่มีลม ไม่มีแสงอาทิตย์ แม้แต่ต้นไม้ก็เติบโตอย่างประหลาด มีต้นไม้หน้าคนรูปแบบต่าง ๆ มากมาย ทำให้หลิงเยว่รู้สึกขนลุกไปทั้งตัว
ยิ่งไปกว่านั้น ตลอดทางยังไม่เคยพบสิ่งมีชีวิตแม้แต่ตัวเดียว
“ข้าก็ไม่รู้”
หลิงเยว่เบิกตาโตมองโม่จวินเจ๋อ ราวกับจะบอกว่า “ท่านกำลังล้อเล่นอะไรกัน?”
“ข้ามาที่นี่เป็นครั้งแรกเช่นกัน” โม่จวินเจ๋อกะพริบตาอย่างไร้เดียงสา
“แล้วถ้าหากที่นี่ไม่มีทางเข้าสู่แดนเทพจะทำอย่างไร?”
มิใช่เสียเวลาเปล่าหรอกหรือ?
“ข้าไม่เคยมา แต่มีคนเคยเข้าสู่แดนเทพจากที่นี่”
“ที่นี่คือป่าต้นไม้มนุษย์ คือเส้นทางแรกที่ง่ายที่สุดในการไปสู่แดนเทพ เพียงแค่ไม่หลงทาง ก็จะสามารถเข้าสู่เส้นทางที่สองได้”
“รวมทั้งหมดมีกี่เส้นทางหรือ?”
หลิงเยว่ถามด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง คาดว่าคำตอบคงไม่ใช่สิ่งที่นางอยากได้ยินเป็นแน่!