ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 459 ข้ามองท่านเพื่อล้างตา
บทที่ 459 ข้ามองท่านเพื่อล้างตา
“ด่านลับที่สอง สามสิบด่าน?”
คำตอบที่ไม่แน่ใจของโม่จวินเจ๋อทำให้หลิงเยว่รู้สึกหนาวเย็นไปครึ่งตัว
“เหมือนต้องฝ่าด่านลับที่สองอีกสามสิบด่าน ยิ่งขึ้นไปก็ยิ่งอันตรายแบบนั้นหรือ?”
โม่จวินเจ๋อพยักหน้า “ประมาณนั้น”
หลิงเยว่เหลือบมองต้นไม้หน้าคนที่เดินผ่านไป แต่เดิมมันไม่แสดงสีหน้าใด ๆ แต่เหมือนพวกมันจะสังเกตเห็นสายตาของนาง มุมปากที่เรียบเฉยพลันยกขึ้นเล็กน้อย ประกอบกับลำต้นสีน้ำตาลเขียว รอยยิ้มนั้นยิ่งดูน่าขนลุกและน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง
“เป็นอะไรไป?”
โม่จวินเจ๋อที่ถูกจับแขนเสื้อกะทันหันถามหลิงเยว่ที่ดูผิดปกติด้วยความแปลกใจ
“มัน… เมื่อครู่มันยิ้มให้ข้า”
หลิงเยว่ชี้ไปยังต้นไม้ที่สีหน้ากลับมาเรียบเฉยอีกครั้ง นางไม่กลัวสัตว์อสูรที่น่าเกลียด แต่พวกผีอะไรแบบนี้ ทำให้นางรู้สึกขนหัวลุกไปหมด!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพแวดล้อมที่ไร้ลมและแสงอาทิตย์ ชื้นแฉะและมืดครึ้มอยู่ตลอด แถมต้นไม้ทุกต้นยังมีหน้าคนที่จ้องมองนางอย่างไร้อารมณ์ ยิ่งทำให้รู้สึกกดดันและน่าสะพรึงกลัวมากขึ้นไปอีก!
โม่จวินเจ๋อมองหลิงเยว่ด้วยสายตาที่แปลกประหลาด ในร่างของนางมีวิญญาณที่แตกสลายอาศัยอยู่มากมายขนาดนั้น แต่กลับรู้สึกกลัวเมื่อเผชิญหน้ากับดวงวิญญาณที่ถูกผนึกไว้ในต้นไม้งั้นหรือ?
“เจ้าหมายความว่า ในต้นไม้หน้าคนทุกต้นมีดวงวิญญาณถูกผนึกไว้หรือ?”
“อืม”
“เป็นวิญญาณแบบไหนกัน?”
โม่จวินเจ๋อตอบด้วยการกะพริบตาอย่างไร้เดียงสาอีกครั้ง หลิงเยว่ถึงกับพูดไม่ออก ทำไมนางถึงรู้สึกว่าเด็กหนุ่มที่ยังไม่ได้ฟื้นความทรงจำนั้นน่าเชื่อถือกว่าคนตรงหน้านี้เสียอีก?
เขาเป็นผู้ทรงพลังที่กลับชาติมาเกิดจริงหรือ?
หลิงเยว่เลยตัดสินใจเก็บความสงสัยนี้ไว้
เมื่อทั้งสองเดินลึกเข้าไป รูปร่างของต้นไม้ใบหน้าคนเริ่มดูประหลาดขึ้น บางต้นมีเขางอกบนหัว บางต้นใบหน้าขาดหายไปบางส่วน โดยเฉพาะดวงตาที่เหม่อลอยไร้วิญญาณนั้นดูน่าขนลุกมาก!
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ…”
“อู ๆ ๆ ๆ…”
“ช่วยข้าด้วย ปล่อยข้าออกไปเถิด!”
“ฆ่า ฆ่า ฆ่า ข้าจะฆ่าพวกเจ้าให้หมด!”
ป่าที่เงียบสงบกลับวุ่นวายขึ้นมาทันที ต้นไม้หน้าคนที่เคยนิ่งสงบเริ่มส่ายไปมาอย่างบ้าคลั่ง กิ่งก้านโบกสะบัด ทำลายต้นไม้ที่อยู่ตรงข้าม ต้นไม้ที่ล้มลงถูกถอนรากถอนโคน รากยาวเหยียดราวกับแส้ รากนับพันเส้นบีบรัดต้นไม้ที่คลุ้มคลั่งมากขึ้นเรื่อย ๆ
ต้นไม้ยักษ์ที่สูงเสียดฟ้าจนคนหลายคนโอบไม่รอบถูกบิดจนโค่นลงมา ใบไม้ที่ร่วงหล่นเป็นดั่งอาวุธลับนับพันพุ่งตรงไปยังหลิงเยว่และโม่จวินเจ๋อ
“เล่นลูกไม้อะไรกัน!”
โม่จวินเจ๋อดึงหลิงเยว่มาอยู่ด้านหลังโดยสัญชาตญาณ จากนั้นแสงสีขาวก็ปรากฏขึ้นรอบตัวทั้งสอง สะท้อนใบไม้ทั้งหมดกลับไปยังต้นไม้หน้าคน ลำต้นทุกต้นถูกปักไปด้วยใบไม้ ต้นไม้หน้าคนร้องโหยหวนเป็นเสียงเดียวกัน
“โอ๊ย! เจ็บ เจ็บ เจ็บ ข้าผิดไปแล้ว อย่าทำข้าอีกเลย!”
“หน้าตาดีแท้ ๆ ทำไมถึงได้ดุร้ายนัก?”
“อ๊าก!! รอให้ข้าออกไปก่อนเถอะ ข้าจะฆ่าพวกชู้รักอย่างเจ้าให้ตายเสีย! ไอ้ชู้รักชั่วช้ามันต้องตาย!”
ชู้รัก?
หลิงเยว่มุมปากกระตุกอย่างห้ามไม่อยู่ ดูเหมือนว่าวิญญาณนั้นจะมีบาดแผลจากความรักมากทีเดียว หากไม่ใช่เพราะสถานที่และสถานการณ์ไม่เหมาะสม หลิงเยว่คงอยากหยิบถั่วลิสงและสุราสมุนไพรวิญญาณออกมาให้ท่านพี่ผู้นี้เล่าเรื่องราวอย่างละเอียดแล้ว
โม่จวินเจ๋อทำเป็นไม่ได้ยินเสียงใด ๆ เขา ‘แบ่งปัน’ ใบไม้ให้กับต้นไม้หน้าคนตลอดทาง
พอใบหน้าประหลาดน่าขนลุกเหล่านั้นถูกปักด้วยใบไม้ บรรยากาศน่าสะพรึงกลัวพลันหายวับในพริบตา
“พี่ชายสุดหล่อ พวกเจ้าจะไปสุสานใต้น้ำใช่หรือไม่? ขอเพียงช่วยข้าออกไป ข้าสามารถนำทางให้พวกเจ้าได้นะ!”
โม่จวินเจ๋อหยุดฝีเท้าลง แล้วหันกลับมาถามอีกครั้ง “สุสานใต้น้ำ?”
“เจ้าไม่รู้จักสุสานใต้น้ำหรือ?”
“แล้วมาที่นี่ทำไม?”
“หรือว่าพาชู้รักมาเที่ยวเล่น… หาความรื่นเริงกันเฉย ๆ?”
ต้นไม้หน้าคนพากันพูดจาวุ่นวาย เมื่อโม่จวินเจ๋อได้ยินคำว่า ‘ชู้รัก’ สีหน้าของเขาเริ่มหม่นลง พลันทุบต้นไม้ที่บอบช้ำอยู่แล้วให้แตกละเอียดทันที
เขาจำได้ว่าคำนั้นในโลกมนุษย์มักหมายถึงความสัมพันธ์ที่ไม่เหมาะสม แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหลิงเยว่ไม่มีอะไรที่ไม่เหมาะสม!
หลิงเยว่ “???”
นางจำได้ว่าอารมณ์ของโม่จวินเจ๋อมั่นคงมากกว่านี้นะ?
“ข้าเพิ่งฟื้นฟูพลัง บางครั้งยังควบคุมไม่ค่อยอยู่” โม่จวินเจ๋อกล่าว พลางกางมือออกอย่างงุนงง
ต้นไม้หน้าคนที่ถูกทุบแตก “?”
ควบคุมไม่อยู่บ้าอะไร ถ้าควบคุมไม่อยู่จริง ทำไมไม่ทุบต้นอื่น ทำไมต้องทุบมันเล่า?!
ต้นไม้หน้าคนที่เหลือ “…”
คำพูดแบบนี้หลอกสาวน้อยคนนั้นได้ แต่จะหลอกพวกมันได้อย่างไร!
“เล่าเรื่องสุสานใต้น้ำให้ฟังหน่อย”
โม่จวินเจ๋อเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนขณะถอนใบไม้ที่ปักอยู่บนใบหน้าของต้นไม้หน้าคนข้างกายที่ทำหน้าเจ็บปวดแต่ไม่กล้าร้องเสียงดัง จนกระทั่งเผยให้เห็นใบหน้าอันน่าสะพรึงกลัวราวกับถูกมีดกรีด มันจึงได้สูดลมหายใจเฮือกใหญ่
เจ็บเหลือเกิน!
หลิงเยว่ที่คอยสังเกตการณ์อยู่ รู้สึกว่าโม่จวินเจ๋อในตอนนี้ดูคล้ายกับถูกปีศาจสิงร่างอยู่บ้าง
ไอ้หมอนี่คงไม่ใช่ร่างแยกของปีศาจกระมัง?
เพียงแต่ตอนนี้เปลี่ยนรูปลักษณ์ไปเท่านั้น
โม่จวินเจ๋อหันไปสบตากับหลิงเยว่ที่มองมาด้วยสายตาประหลาดพอดี
“ทำไมถึงมองข้าเช่นนั้น?”
“เพราะท่านหล่อไง ข้าเลยมองท่านเพื่อล้างตาน่ะ”
เมื่อเผชิญกับคำพูดตรงไปตรงมาและสายตาชื่นชมของหลิงเยว่ โม่จวินเจ๋อถึงกับไม่รู้ว่าจะวางมือไว้ตรงไหนดี
สุดท้ายจึงเบนสายตาไปยังต้นไม้หน้าคนที่เต็มไปด้วยรอยแผลอย่างเก้ ๆ กัง ๆ ก่อนจะขมวดคิ้ว เจ้านี่ช่าง… น่าเกลียดจนไม่อาจมองได้จริง ๆ
แต่เขาไม่คิดหรอกว่านั่นเป็นผลลัพธ์จากฝีมือของผู้ใด? เพราะก่อนที่จะถูกใบไม้ทิ่มแทง ต้นไม้หน้าคนเพียงแค่น่ากลัว มีรูปร่างประหลาด และไม่สมบูรณ์เท่านั้น
“เมื่อก่อนข้าเคยมีผู้ติดตามในโลกผู้บำเพ็ญเซียนมากมายจนเรียงแถวยาวไปถึงโลกผู้บำเพ็ญ!”
วิญญาณสตรีที่มีใบหน้าเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นกล่าวด้วยน้ำเสียงโกรธแค้น
“นังชั่ว ข้าจะฆ่าเจ้า!”
ต้นไม้หน้าคนที่ถูกโม่จวินเจ๋อทำลายบินกลับมา แต่คราวนี้เหลือเพียงลำต้นที่แตกหักและดวงตาสองข้าง
หลิงเยว่ที่เห็นตัวเอกชายหญิงก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที แต่น่าเสียดาย… โม่จวินเจ๋อไม่สนใจชีวิตรักของทั้งสอง เขาจับลำต้นที่คลุ้มคลั่งไว้แล้วโยนทิ้งไปอย่างไม่ใส่ใจ
“เอาเรื่องสุสานใต้น้ำ”
“พวกเจ้าต้องการไปแดนเทพหรือ?”
หลิงเยว่และโม่จวินเจ๋อพยักหน้าพร้อมกัน
“มีคนถูกหลอกอีกสองคนแล้วสินะ”
ต้นไม้ข้าง ๆ ถอนหายใจ “พวกเจ้ายังหนุ่มยังสาว รีบกลับไปบำเพ็ญเพียรอย่างสุจริตแล้วเดินทางสู่แดนเทพอย่างเปิดเผยดีกว่า เพราะผู้ที่คิดจะเดินลัด สุดท้ายก็จะกลายเป็นเช่นพวกข้า”
“!!!”
หลิงเยว่และโม่จวินเจ๋อมองหน้ากัน
เมื่อมีผู้คนมากมายตกเป็นเหยื่อของต้นไม้หน้าคน เส้นทางที่สองสู่แดนเทพควรเป็นที่รู้กันทั่วไป แต่เหตุใดเหล่าปีศาจจึงไม่ไล่ตามมาล่ะ?
โม่จวินเจ๋อส่ายหน้า ข่าวเกี่ยวกับทางลัดเข้าสู่แดนเทพนี้เขาได้รับมาโดยบังเอิญ และได้ยืนยันกับท่านผู้นั้นแล้ว จึงตัดสินใจมาลองดู
“สายเกินไปแล้ว นับแต่พวกเจ้าเข้าไปในป่าต้นไม้หน้าคน ชะตากรรมก็ถูกกำหนดไว้แล้ว!”
ไม่มีผู้บำเพ็ญคนใดที่เข้ามาแล้วออกไปได้!
“แล้วพวกเจ้ารู้ข่าวและมาที่นี่ได้อย่างไร?” หลิงเยว่ถาม
“ไม่ ข้าไม่รู้ ข้าเข้ามาที่นี่โดยบังเอิญ”
“ข้าพบที่นี่จากแผนที่ที่ไม่สมบูรณ์นัก”
“เป็นแผนที่สมบัติของผู้ทรงพลังใช่หรือไม่?”
ต้นไม้หน้าคนเริ่มพูดจาวุ่นวายอีกครั้ง