ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 46 นักกลั่นโอสถที่ ‘บอบบางและอ่อนแอ’
บทที่ 46 นักกลั่นโอสถที่ ‘บอบบางและอ่อนแอ’
บทที่ 46 นักกลั่นโอสถที่ ‘บอบบางและอ่อนแอ’
เจียงจือเชียนซึ่งอยู่ห่างจากคู่ศิษย์พี่น้องมองดูปลาย่างอย่างกระตือรือร้น และรู้สึกว่าโอสถปี้กู่ในถุงเก็บของเริ่มไม่มีค่ามากขึ้นเรื่อย ๆ
หลิงเยว่ซึ่งสังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังอยากกิน ก็รู้ได้ทันทีว่าโอกาสที่จะได้รับหินวิญญาณมาถึงแล้ว นางจึงรีบควักชุดอาหารพิเศษออกมาและนำเสนอต่อเจียงจือเชียน
“หินวิญญาณระดับล่างหนึ่งพันก้อนเจ้าค่ะ!”
เจียงจือเชียนสีหน้าบูดบึ้งทันที หินวิญญาณระดับล่างหนึ่งพันก้อนเพียงพอที่จะซื้อไก่วิญญาณได้มากกว่าหนึ่งร้อยตัว ศิษย์น้องผู้นี้ช่างชั่วร้ายนัก!
“ข้าให้ปลาย่างเพิ่มอีกสองชิ้นเจ้าค่ะ”
ปลาสองชิ้นที่ถูกย่างจนเป็นสีทองแวววาว และยังคงร้อนจัดวางอยู่บนชามกระเบื้องเคลือบสีขาว
“มันไม่ได้มีพิษใช่หรือไม่?”
เจียงจือเชียนรู้ว่าเขาถูกเอาเปรียบ ทว่ากลับไม่สามารถควบคุมมือของตนได้ ได้แต่หยิบถุงหินวิญญาณออกจากถุงเก็บของ
หลิงเยว่หันมองไปด้านข้าง จ้องมองผู่ตานที่กำลังกินชิ้นปลาย่างอย่างเอร็ดอร่อย
เจียงจือเชียนค่อยรู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อย ก่อนมอบหินวิญญาณให้หลิงเยว่ด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้า
“ถ้าถามข้า อาหารเช่นนี้ ราคาแค่หินวิญญาณระดับล่างหนึ่งพันก้อนนับว่าต่ำเกินไปเสียด้วยซ้ำ ต่อให้หมื่นก้อนข้าก็ยินดีจ่าย” ผู่ตานพูดอย่างเย็นชาหลังจากกินปลาย่างเสร็จ
ศิษย์น้องยังมีความคิดที่มีศีลธรรมต่อคนอื่นเกินไป นางไม่ได้เป็นเช่นอาจารย์เลย และไม่ได้ใจดำพอเสียด้วยซ้ำ
ทันทีที่เจียงจือเชียนได้ยินเกี่ยวกับหินวิญญาณนับหมื่น เขาก็คว้าอาหารสองชุดจากมือของหลิงเยว่ และวิ่งหนีไปอย่างเร็วที่สุดโดยกลัวว่าคนบ้าผู้นี้จะโหดเหี้ยมปล้นเขาจนหมดตัว!
หลิงเยว่ “…”
กรุณาพานางไปด้วยได้หรือไม่?
นางไม่อยากอยู่กับชายหนุ่มคนนี้จริงเชียว!
ผู่ตานที่กินและดื่มพอแล้ว กำลังคาบอมยิ้มอยู่ในปาก เขารู้สึกพอใจมื้ออาหารเป็นอย่างมาก แต่เมื่อเห็นว่าศิษย์น้องห้ายังคงอยู่ที่เดิมไม่ยอมออกเดินต่อ เขาก็ขมวดคิ้ว
หลิงเยว่ทำได้เพียงเลือกที่จะเริ่มเดินตามเท่านั้น
“ศิษย์พี่สี่ ท่านจะพาข้าไปไหนหรือเจ้าคะ?”
“อย่าทำท่าทางเหมือนว่าข้ากำลังรังแกเจ้าเช่นนี้ ในฐานะศิษย์พี่ของเจ้า ข้ามีหน้าที่ต้องล้างแค้นให้ศิษย์น้องเล็กของตัวเองเช่นกัน!” ผู่ตานพูดอย่างใจกว้าง
ล้างแค้น… ล้างแค้นอันใดกัน?
เพียงคนอื่นไม่มารบกวน แค่นั้นนางก็ดีใจมากแล้ว เหตุใดต้องไปหาเรื่องใส่ตัวอีก?
ยิ่งพวกเขาเดินไกลเท่าใด หลิงเยว่ยิ่งรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติมากขึ้นเท่านั้น
หนองน้ำที่อยู่ข้างหน้าดูคุ้นตา มีศิษย์สายในมากมายสวมชุดคลุมสีน้ำเงินอยู่โดยรอบ
คนเหล่านี้กำลังร่วมมือกันครอบครองบุปผาวารีในที่แห่งนี้งั้นหรือ?
อีกด้านหนึ่งมีศิษย์สายนอกรวมตัวกันสองสามคนกระซิบและวางแผนอะไรบางอย่าง
ผู่ตานจับหลิงเยว่เข้าซ่อนตัวอยู่หลังก้อนหินก้อนใหญ่
“เจ้าได้แจ้งศิษย์สายนอกคนอื่น ๆ บ้างหรือไม่?”
“พวกเขากำลังเดินทางมาที่นี่ น่าจะมาถึงภายในหนึ่งก้านธูป”
“เดิมทีสำนักสายในได้รับทรัพยากรที่ดีกว่าสำนักสายนอกอย่างพวกเราอยู่แล้ว การแข่งขันสำนักที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ เราสามารถเข้าสู่มิติลับเพื่อดื่มน้ำแกงได้ แต่พวกเขากลับยังต้องการสูบเลือดของเราอีก!”
…
พูดให้เข้าใจโดยง่ายคือ หลิงเยว่เข้าใจว่าศิษย์สายนอกกำลังวางแผนอะไรอยู่
พวกเขาน่าจะได้เผชิญกับความทนทุกข์คล้ายกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับนาง
ผู่ตานรู้สึกชอบใจเมื่อได้ยินเรื่องเช่นนี้ และหวังว่าสองฝ่ายจะต่อสู้กันโดยเร็ว เขามาที่นี่เพื่อรับชมความสนุก ดังนั้นยิ่งมีฉากต่อสู้ให้ได้รับชมมากเท่าใดก็ยิ่งดีเท่านั้น!
“ศิษย์พี่สี่ เราออกไปจากที่นี่กันดีหรือไม่เจ้าคะ?”
ตอนนี้นางสวมชุดของศิษย์สายในซึ่งยังคงเป็นสีเขียวสะดุดตา หากนางได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุเล่า?
“เหตุใดต้องออกไปด้วย เจ้าอยู่เงียบ ๆ ให้ข้าเดี๋ยวนี้!”
ผู่ตานหรี่ตา เขามีภาระหน้าที่และความรับผิดชอบในการช่วยแก้ไขความขี้ขลาดของศิษย์น้องห้า!
ทั้งสองนั่งยองอยู่หลังก้อนหินแล้วรอ
จำนวนของศิษย์สายนอกรวมตัวกันในมุมมืดมากขึ้นเรื่อย ๆ และจำนวนของพวกเขาก็มากกว่าศิษย์ชุดสีน้ำเงินหลายเท่า
นอกจากนี้ยังมีศิษย์สายในจำนวนมากที่สวมเสื้อคลุมสีอื่นเฝ้าดูจากระยะไกล หลิงเยว่ก็เห็นคนในชุดสีเขียวหลายคน ซึ่งนางรู้จักอยู่สองคน
สองคนนั้นที่นางรู้จักคือ ‘ศัตรู’ ของศิษย์ผู้นำยอดเขาอย่างนาง
ทันใดนั้นเงาสีแดงก็บินผ่านออกไปจากหางตาของหลิงเยว่
“รอข้าอยู่นี่ อย่าวิ่งหนีไปที่ใดอีก!”
เกือบจะในพริบตา ฉาก ‘นองเลือด’ ก็ปรากฏต่อหน้าหลิงเยว่
ผู่ตานยกเตากลั่นสีแดงเข้มที่มีขนาดใหญ่กว่าตัวเขาหลายสิบเท่าด้วยมือทั้งสองข้าง และทุบมันใส่ศิษย์ของรองผู้นำยอดเขาโอสถทั้งสองคน
ศิษย์ของรองผู้นำยอดเขาจำผู่ตานได้ ทั้งสองมองหน้ากันและวิ่งหนีแยกกันทันที
ทันใดนั้นมังกรไฟก็ปรากฏขึ้นเข้ารัดหนึ่งในนั้น และอีกหนึ่งก็ถูกเตากลั่นโจมตี
หลิงเยว่สูดหายใจลึก นี่คือนักกลั่นโอสถที่ ‘บอบบางและอ่อนแอ’ จากยอดเขาโอสถจริง ๆ หรือ?
ศิษย์พี่สี่ที่นางเคยคิดว่าเป็นตัวปลอม จริง ๆ แล้วเขาคือศิษย์พี่สี่ตัวจริงที่นางไม่เคยพบและมีประวัติที่ไม่ดีใช่หรือไม่?
มิฉะนั้นเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าสองคนนั้นในชุดคลุมสีเขียวเป็นศิษย์ของรองผู้นำยอดเขา?
แต่ยังมีอีกคำถามที่ยังค้างคา
ผู่ตานบอกว่าอาจารย์ไม่ไว้ใจนาง และขอให้เขาลดระดับการบำเพ็ญลงมาเพื่อเข้ามาปกป้องนาง มันเรื่องจริงหรือ?
หลิงเยว่รู้สึกว่านางไม่ได้สำคัญถึงเพียงนั้น และศิษย์พี่สี่ที่เก่งเรื่องการ ‘รนหาที่ตาย’ ผู้นี้น่าจะถดถอยชั่วคราวด้วยเหตุผลบางประการมากกว่า ดังนั้นเขาจึงต้องเข้ามาที่นี่แทน
ผู่ตานไม่รู้ว่าหลิงเยว่คาดเดาความจริงเกี่ยวกับการมาของเขาในมิติลับขอบเขตกลั่นลมปราณได้แล้ว
แน่นอนว่าการลงมือของเขายังทำให้เกิด ‘สงคราม’ ระหว่างศิษย์สายในและศิษย์สายนอกปะทุขึ้นล่วงหน้า
วิชาโจมตีหลากสีสันบินว่อนไปทั่วท้องฟ้า การระเบิดมากมายเกิดขึ้นกลางอากาศส่องสว่างในมิติลับอันมืดมิด
ถ้าเป็นคนธรรมดาที่ไม่รู้เรื่องคงจะคิดไปว่ามีการแสดงดอกไม้ไฟอยู่
หลิงเยว่ไม่ต้องการเข้าร่วมใน ‘ความสนุก’ นั้น แต่นางสามารถตกปลา และเก็บดอกไม้จากหนองน้ำได้
ปัจจุบัน นางมีเพียงดอกอัสดงสำหรับภารกิจเก็บสมุนไพรวิญญาณ ยังขาดสมุนไพรวิญญาณอีกสี่อย่าง นางจะออกไปจากที่นี่หลังจากเก็บได้ทั้งหมด มันอันตรายเกินไปในมิติลับนี้!
หลังจากถอนหายใจเกี่ยวกับอันตรายแล้ว หลิงเยว่ที่เพิ่งโผล่ออกมาจากด้านหลังก้อนหิน จู่ ๆ ร่างในชุดสีเขียวคนหนึ่งก็กระแทกพื้นห่างจากเด็กสาวเพียงสามฉื่อ
หลุมรูปทรงมนุษย์ดูคุ้นตานัก
“ศิษย์น้องห้า เจ้าส่งเขาออกไปจากมิติลับนี้ที!”
คราวนี้หลิงเยว่เชื่อฟังมาก นางรีบพุ่งเข้าไปบดขยี้ป้ายหยกเคลื่อนย้ายของศัตรูอย่างมีความสุข
คนในหลุมรูปทรงมนุษย์กลายเป็นเส้นแสงและหายไป
นางไม่ได้หยุด แต่กลับเดินลัดเลาะไปตามสนามรบอย่างระมัดระวัง มุ่งหน้าตรงไปยังหนองน้ำ โดยลืมคำพูดของผู่ตานที่บอกให้นางอยู่กับที่ไปเสียสนิท
จากนั้น…
บุปผาวารีมันหายไปไหนหมดแล้วเล่า!?
หนองน้ำนั้นโล่งโจ้งไปหมด ไม่มีแม้แต่เส้นผมเลย
หลิงเยว่ไม่พอใจมาก บุปผาวารีทั้งหมดน่าจะถูกศิษย์ของยอดเขาจุตรเทพเก็บไปทั้งหมดแล้วแน่ ๆ
“บุ๋ง…”
ทันใดนั้นฟองอากาศก็ปรากฏขึ้นทีละฟองในหนองน้ำสีน้ำตาลเทา หลิงเยว่แอบมีความสุขเมื่อเห็นสิ่งนี้ บุปผาวารีกำลังจะงอกใหม่ใช่หรือไม่?
“กรี๊ด!”
มีเสียงคำรามแหลงดังออกมาจากหนองน้ำ จากนั้นเหล่าหนอนสีน้ำตาลเทาก็ผุดขึ้นมาจากบริเวณที่มีฟองอากาศ พวกมันมีปากกว้างและมีฟันซ้อนหนาที่เมื่อกระทบกันแล้วเกิดเสียงน่ารังเกียจขึ้น
หนอนตัวใหญ่พุ่งเข้าหาเด็กสาว
สวรรค์!
ยังไม่ทันได้ทำอะไรเลย หลิงเยว่จึงรับมือด้วยการเฆี่ยนหนอนนั้นด้วยแส้ไฟ
กองทัพหนอนดูเหมือนจะตื่นขึ้นจากการต่อสู้ ทันทีที่ปรากฏตัวขึ้นพวกมันก็เริ่มโจมตี โดยไม่เลือกปฏิบัติหรือละเว้นใคร
ทั้งสองฝ่ายที่ต่อสู้กันอย่างดุเดือด จนเกิดเป็นฉาก ‘มีชีวิตชีวา’ ขึ้น
“มันคือสัตว์สหายของบุปผาวารี!”
“พวกมันมีมากเกินไปแล้ว ทุกคนหนีเร็ว!”
หลิงเยว่ก็เป็นหนึ่งในคนที่กำลังหลบหนีเช่นกัน แต่ขณะที่วิ่ง เด็กสาวสังเกตเห็นผู้บำเพ็ญที่คุ้นเคยจากหางตา เขากำลังกุมไหล่ซ้ายของเขา และดูเหมือนกำลังได้รับบาดเจ็บ ดูน่าสงสารมาก นางต้องช่วยเขาเสียหน่อยแล้ว!
หลิงเยว่ปรากฏตัวขึ้นข้างหลังเขาอย่างเงียบ ๆ และเตะอีกฝ่ายอย่างแรงอย่างไร้ความปรานี!
ถ้าไม่ใช่เพราะชายคนนี้ นางคงไม่ถูกฟาดกระเด็นไปไกลอย่างสิ้นหวังโดยงูสีขาวหกปีกเหล่านั้น
“อ๊า!”
เสียงกรีดร้องไม่ได้โดดเด่นเลยในสถานการณ์ที่วุ่นวายเช่นนี้ หลิงเยว่ไล่ตามร่างของชายในชุดสีน้ำเงินโดยเล็งไปที่ถุงเก็บของที่เอวของเขาแล้วดึงมันมาอย่างง่ายดาย ก่อนจะกลืนหายเข้าไปกับฝูงชนอย่างรวดเร็ว
หลิงเยว่รู้สึกมีความสุขมากเมื่อนางได้มาทั้งดอกไม้ และโชคลาภอื่นอย่างไม่คาดคิด!