ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 472 ยิ้มอย่างซุกซน
บทที่ 472 ยิ้มอย่างซุกซน
เมื่อทะเลเถ้าวิญญาณนั้นอันตรายถึงเพียงนี้ เหตุใดระบบจึงไม่ห้ามนางเล่า?
หลิงเยว่รู้สึกว่ามีคำถามมากมายผุดขึ้นในใจอย่างกะทันหัน หรือว่าระบบคือผู้อยู่เบื้องหลัง?
เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้นี้ หลิงเยว่ถึงกับสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ คงเป็นไปไม่ได้กระมัง?
แต่มีความเป็นไปได้จริง ๆ เพราะระบบนั้นมีความสามารถมากมาย แค่ระบบแลกเปลี่ยนเพียงอย่างเดียว แม้แต่โม่จวินเจ๋อและเทพปีศาจก็ยังไม่อาจสร้างได้…
ยิ่งคิดหลิงเยว่ยิ่งรู้สึกหวาดกลัว นางอยากจะดึงระบบที่ซ่อนอยู่ในร่างกายออกมาฉีกทิ้งทันที!
[เจ้าช่างโง่เขลานัก]
ประโยคนั้นดับความหวาดกลัวในใจของหลิงเยว่ลงในทันที
“ระบบ เจ้ากลับมาแล้ว!”
หลิงเยว่แทบจะร้องไห้น้ำตานองหน้า
ระบบยังคงซ่อนตัวต่อไป
เขากำลังหลบคนอยู่หรือ?!
การค้นพบครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย บางทีคนที่อยู่เบื้องหลังอาจไม่ได้หมายตานางในฐานะเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ แต่จ้องจะเอาระบบที่อยู่ในร่างของนาง!
แย่แล้ว!
ศัตรูมากมายเหลือเกิน ตัวนางเองก็อ่อนแอเกินไป จู่ ๆ หลิงเยว่ก็รู้สึกอยากจบชีวิตตัวเองเสียให้รู้แล้วรู้รอด แค่เทพปีศาจตนเดียวก็ทำให้พวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้แล้ว ถ้ามีใครที่โหดร้ายยิ่งกว่าเทพปีศาจมาอีก…
ขณะที่หลิงเยว่กำลังสงสัยในชีวิต พลังคำสาปทั้งห้าตัวก็ถกเถียงเสร็จสิ้น คราวนี้พวกมันเปลี่ยนมาใช้หนูดำตัวเล็กและแมลงดำตัวเล็กอีกตัวนำทาง
สองตัวที่ ‘ว่ายน้ำกลางอากาศ’ กลับว่ายไปทางด้านหลัง ดูเหมือนว่าทางออกจะอยู่ด้านหลังหรือ?
โม่จวินเจ๋อที่กำลังถอยหลังรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง หลิงเยว่ก็มีความรู้สึกเช่นเดียวกัน ดังนั้นคนแรกจึงหยุดลงและลืมตาที่ปิดสนิทขึ้น สิ่งที่เห็นคือสีหน้าตกใจกลัวของสองสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ที่นำทาง ราวกับว่าหากเข้าไปลึกกว่านี้ ชีวิตน้อย ๆ ของพวกมันคงไม่รอด
“ไม่สามารถเข้าไปต่อได้แล้วหรือ?”
หนูน้อยส่ายหัวอย่างบ้าคลั่งใส่โม่จวินเจ๋อ อุ้งเท้าเล็ก ๆ ทั้งสองข้างกอดหัวตัวเองไว้ ท่าทางและสีหน้าเล็ก ๆ นั้นทำให้หลิงเยว่อยากหัวเราะ
พลังคำสาปช่างน่ารักจริง ๆ!
จู่ ๆ ก็รู้สึกไม่อยากกินพวกมันเสียแล้ว~
“เทพปีศาจมาแล้ว”
โม่จวินเจ๋อหันกลับไปสบตากับเทพปีศาจที่ยืนอยู่ชั้นนอกสุด
ในความคิดของหลิงเยว่สายตาที่ปะทะกันของทั้งสองคนคงเต็มไปด้วยประกายไฟและสายฟ้า พร้อมกับเทพปีศาจที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว
แต่ในสายตาของหลิงเยว่และโม่จวินเจ๋อ เทพปีศาจ… เริ่มวนเป็นวงกลมเมื่อมาถึงเขาวงกตเงือกทะเลลึก
ปีศาจที่วนไปสองรอบหยุดลงด้วยสีหน้าบึ้งตึง และยกมือขึ้นข้างหนึ่ง ในฝ่ามือรวมตัวเป็นกลุ่มพลังปีศาจ
พลังปีศาจระเบิดออกทำให้ศพนางเงือกทะเลลึกลอยขึ้นมาตามทาง มุ่งตรงเข้าใส่ใบหน้าของโม่จวินเจ๋อ
โม่จวินเจ๋อจ้องมองพลังชั่วร้ายที่เพิ่มขนาดขึ้นเรื่อย ๆ อย่างนิ่งสงบ โดยไม่กะพริบตาแม้แต่น้อย
แน่นอนว่าในวินาถัดมา มวลพลังชั่วร้ายที่มาถึงตรงหน้าก็หมุนกลับไป ศพนางเงือกที่สัมผัสกับมวลพลังชั่วร้ายละลายหายไปในน้ำสีเทา
นางยังคิดว่าเมื่อมีความสามารถในอนาคต จะมาที่นี่เพื่อช่วยเหลือเผ่าเงือก ให้โลกผู้บำเพ็ญเซียนมีทัศนียภาพที่สวยงามเพิ่มขึ้นอีกแห่ง แต่ผลลัพธ์คือเทพปีศาจกลับทำลายมันเสียแล้ว!
ไอ้ตัวร้ายนี่สมควรตายนัก!
มวลพลังชั่วร้ายที่บินวนไปมาระเบิดขึ้นตรงอกของเทพปีศาจ เมื่อการระเบิดแผ่ขยายออกไป บรรดาเงือกที่ละลายในน้ำสีเทาก็กลับคืนสู่ร่างเดิม
ไม่ใช่ ไม่ใช่ร่างเดิม แววตาของพวกเขาเปลี่ยนไป จากอ่อนโยนกลายเป็นหม่นหมอง สายตาทั้งหมดจับจ้องอยู่ที่เทพปีศาจ
แน่นอนนี่เป็นแผนการของใครบางคน!
สีหน้าของเทพปีศาจยิ่งดำมืดลง ทว่าเขาไม่อาจไม่ลงมือได้อีกต่อไป เพราะศพเงือกทะเลลึกเริ่มขยับแล้ว!
ในบรรดานางเงือกเหล่านั้น หนึ่งในพวกนางที่มีหางสีแดงสดได้อ้าปากที่เคยปิดสนิท เสียงอันไพเราะที่ทั้งทรงเสน่ห์และแฝงไปด้วยพลังโจมตีได้ดังขึ้นมา
เหล่าเงือกทั้งหมดดูเหมือนจะมีชีวิตขึ้น พวกนางรีบล้อมรอบปีศาจไว้อย่างรวดเร็ว
สงครามอันงดงามและอันตรายได้ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาของหลิงเยว่และอีกสองคน ห้าสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่นำทางมีสีหน้าตื่นตระหนกยิ่งขึ้น พวกมันพยายามโบกร่างกายและแขนขาเพื่อจะออกไปจากที่นี่ แต่ร่างกายกลับถูกเส้นไหมทองแห่งการปกป้องพันไว้ ไม่สามารถหนีไปไหนได้แม้แต่น้อย
ครั้งนี้พวกมันไม่ได้ว่ายไปข้างหลังหรือข้างหน้าอีกต่อไป แต่กลับว่ายไปทางซ้ายอย่างต่อเนื่อง
“พวกมันรู้สึกถึงอะไรกันแน่?”
หลิงเยว่รู้สึกงุนงงกับพฤติกรรมของห้าสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก โม่จวินเจ๋อมองดูศพของภูตแห่งป่าที่ลอยและจมอยู่ในภวังค์ความคิด
“บางทีอาจจะมีสิ่งที่อันตรายยิ่งกว่าเทพปีศาจอยู่ข้างหน้า?”
แต่ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้ว หากไม่ไปสำรวจดู…
“ไป!”
หลิงเยว่บังคับให้พลังคำสาปเปลี่ยนทิศทาง ด้านหลังมีเทพปีศาจ ด้านหน้ามีอันตรายที่ไม่อาจคาดเดาได้ ยังไงก็อันตรายทั้งนั้น!
“จี๊ด!”
หนูดำน้อยที่นำทางต่อต้านอย่างรุนแรง ทำท่าจะฆ่าตัวตาย แต่น่าเสียดายที่พวกมันไม่สามารถฆ่าตัวตายได้ ได้แต่ร้องไห้น้ำตาไหลพราก แล้ว ‘ลอย’ ไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ
หลิงเยว่ “…”
นางไม่เข้าใจเลย โม่จวินเจ๋อก็ไม่เข้าใจเช่นกัน
เห็นโม่จวินเจ๋อค่อย ๆ เดินห่างออกไป เทพปีศาจที่ถูกรุมทำร้ายก็โกรธ จะปล่อยชายผู้นั้นไปไม่ได้เด็ดขาด!
“เปิดทาง!”
เทพปีศาจเปล่งแสงสีทองสว่างจ้า ในพริบตาก็ทำลายชาวมนุษย์เงือกที่โจมตีจนสิ้นซาก เขาเดินไปทีละก้าวด้วยตาแดงก่ำ ตอนนี้ชั้นนอกสุดของแสงป้องกันสีทองถูกปกคลุมด้วยแสงสีดำอย่างชัดเจน
คิดว่าพลังของเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์จะพาเขาออกจากสถานที่ประหลาดนี้ได้ แต่ผลปรากฏว่าเทพปีศาจก็ยังไม่สามารถเดินออกไปได้
“…”
แน่นอนว่าต้องเป็นกลอุบายที่คู่อริตั้งใจวางไว้!
เทพปีศาจสูดหายใจลึกพยายามทำให้ตัวเองสงบลง ความทรงจำมากมายเกี่ยวกับการถูกโม่จวินเจ๋อวางกลอุบายหลอกล่อได้ผุดขึ้นมาในหัว แต่สุดท้ายก็ไม่พบอะไรที่เหมือนกับสถานการณ์ตอนนี้
เงือกที่ถูกทำลายปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง คราวนี้พวกมันบ้าคลั่งยิ่งกว่าเดิม ดวงตาอัญมณีสวยงามกลายเป็นสีแดงก่ำ พลังในการต่อสู้แข็งแกร่งขึ้นอีก
ราวกับรู้สึกได้ โม่จวินเจ๋อและหลิงเยว่หันกลับมาพร้อมกัน เห็นเผ่าเงือกที่บ้าคลั่งและเทพปีศาจที่ดุร้ายยิ่งกว่าเดิม
ดูเหมือนว่าเทพปีศาจยังไม่รู้ว่าพลังคำสาปของตนสามารถพาเขาออกไปได้!
หลิงเยว่เอามือปิดปากหัวเราะคิกคัก
พอเห็นหลิงเยว่ยิ้ม โม่จวินเจ๋อก็ยกมุมปากขึ้นตาม หากไม่ใช่เพราะพลังของอีกฝ่ายแข็งแกร่งพอ ด้วยสติปัญญาของเทพปีศาจคงตายอยู่ในมือเขานานแล้ว
ส่วนเหตุผลที่คนผู้นี้มีสติปัญญาลดลง โม่จวินเจ๋อคาดเดาว่าคงเกี่ยวกับเคล็ดวิชาที่เขาฝึกฝน เพราะอีกฝ่ายสร้างร่างแยกออกมาไม่หยุด แม้แต่เทพก็ไม่สามารถควบคุมได้…
เงือกหนุ่มเหลือบมองสองคนนั้นด้วยหางตา ยังมีอารมณ์ขันกันอยู่อีกหรือ พวกเขาไม่เห็นหรือว่าเจ้าตัวเล็ก ๆ กำลังร่ำไห้จนแทบจะแตกสลายแล้ว?
ร่างของโม่จวินเจ๋อถูกภูตแห่งป่ากลืนหายไปอย่างสิ้นเชิง
หลังจากเขาหายตัวไป ภูตแห่งป่าจำนวนไม่น้อยก็หายตามไปแล้วถูกแทนที่ด้วยเผ่าเงือก
ครั้งนี้ไม่ใช่เงือกทะเลลึก แต่เป็นภาพที่เงือกหนุ่มหวาดกลัวมาตลอด นั่นคือเผ่าเงือกทะเลเถ้าวิญญาณ!
พวกเขาเหมือนกับเงือกทะเลลึก ทั้งหมดถูกดูดวิญญาณออกไปด้วยค่ายกลดูดวิญญาณ ดวงตาที่ไร้วิญญาณกำลังจ้องมองไปยังทิศทางเบื้องหน้าอย่างเงียบงัน ซึ่งเป็นทิศทางที่โม่จวินเจ๋อจากไป
……….