ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 473 พวกเราจะรอเทพปีศาจหรือ?
บทที่ 473 พวกเราจะรอเทพปีศาจหรือ?
โชคดีที่มนุษย์เงือกไม่ได้เห็นภาพนี้ จึงมีความหวังเล็ก ๆ อยู่บ้าง บางทีเผ่าพันธุ์ของเขาอาจยังมีชีวิตอยู่ในมุมใดมุมหนึ่งก็เป็นได้
โม่จวินเจ๋อที่หลุดพ้นจากวังวนแห่งซากศพได้สำเร็จแล้ว จ้องมองวังสีเทาตรงหน้าโดยไม่เอ่ยวาจาใด
เขารู้สึกว่าวังตรงหน้านั้นคุ้นตา ราวกับเคยเห็นที่ไหนมาก่อน แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก
ในตอนนี้หลิงเยว่ไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติของโม่จวินเจ๋อ ความสนใจของนางอยู่ที่เจ้าตัวเล็กทั้งห้าที่กำลังกรีดร้อง พอพวกมันเห็นวังสีเทาก็ร้องไห้โฮ พวกมันกุมหัวตัวเองด้วยร่างสั่นเทิ้ม นอกจากมองวังแวบแรกแล้วก็ไม่กล้ามองอีกเลย
“พวกเจ้ารู้หรือว่าข้างในมีอะไร?” หลิงเยว่พยายามสื่อสารกับเจ้าตัวเล็กทั้งห้า แต่คำพูดของนางถูกกลบด้วยเสียงกรีดร้องอันแสบแก้วหูในทันที ทำเอานางรู้สึกหมดคำพูด
นี่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็เริ่มร้องแล้ว ถ้าเกิดอะไรขึ้นจริง ๆ พวกมันจะไม่ร้องไห้จนตายหรอกหรือ?
“พวกเจ้าเป็นถึงพลังคำสาปยังจะกลัววังธรรมดา ๆ อีกหรือ?”
เจ้าตัวเล็กทั้งห้าร้องเสียงดังขึ้นไปอีก หนึ่งในนั้นเป็นแมลงดำตัวเล็ก สีของมันพลันซีดจางลง แล้วก็หมดสติไป
ดังนั้นเขาจึงก้าวไปอีกสองก้าว คราวนี้เป็นหนูดำตัวน้อยที่หงายท้องกลางอากาศไปเสียแล้ว
จนกระทั่งเขาเดินมาถึงหน้าประตูใหญ่ของวัง สัตว์ตัวน้อยทั้งห้าพ่ายแพ้ยับเยิน
แม้จะยังไม่ตาย แต่ดูเหมือนว่าความตายคงอยู่ไม่ไกลแล้ว
ไม่ถูกสิ พลังคำสาปอย่างมากก็เป็นเพียงพลังงานชนิดหนึ่ง ถึงขั้นตายได้ด้วยหรือ?
ความสงสัยแวบผ่านแววตาของหลิงเยว่ ไม่นานก็ถูกดึงดูดความสนใจด้วยป้ายชื่อสามตัวอักษรบนประตูใหญ่ของวังหลวง
“มันเขียนว่าอะไรหรือ?”
“วิหารเชิญเทพ”
“ที่นี่คือเส้นทางที่สองในการเข้าสู่แดนเทพใช่หรือไม่?”
เพราะชื่อนี้ก็มีกลิ่นอายของความเป็นเทพอยู่มาก
“อืม ประมาณนั้น”
“มันไม่ให้เปิดใช่หรือไม่?”
โม่จวินเจ๋อไม่ได้ตกใจอะไร เพียงแต่เมื่อเขาสัมผัสประตูใหญ่ เสียงหนึ่งในใจกำลังบอกเขาว่า อย่าเปิด ถ้าเปิดเขาจะต้องเสียใจแน่นอน ดังนั้นเขาจึงชักมือกลับ
“ไม่เช่นนั้น พวกเราคอยเทพปีศาจก่อนดีหรือไม่?” หลิงเยว่กลอกตาไปมา อุบายให้เทพปีศาจเป็นผู้นำทาง ถือเป็นความคิดที่ไม่เลวเลย
โม่จวินเจ๋อมองหลิงเยว่ด้วยสายตาชื่นชม จากนั้นเขาค่อย ๆ ถอยหลังออก
แต่น่าเสียดายที่ดูเหมือนจะช้าไปเสียแล้ว ขณะที่โม่จวินเจ๋อถอยหลัง ประตูใหญ่ที่ปิดสนิทพลันสั่นสะเทือน หนูดำตัวน้อยที่ตายแล้วฟื้นขึ้นมาใหม่ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวก็ล้มตายไปอีกครั้ง พลังคำสาปบนตัวมันจางลง พร้อมกับแสงของเส้นใยป้องกันที่ผูกมัดพวกมันพลอยจางลงไปด้วย
โม่จวินเจ๋อที่กำลังถอยหลังถูกพลังที่มองไม่เห็นบังคับให้หยุด จากนั้นก็มีพลังสายหนึ่งผลักเขาไปด้านหน้า
ประตูใหญ่ของวิหารเชิญเทพเปิดออกเป็นช่องเล็ก ๆ โม่จวินเจ๋อกำลังต่อสู้กับพลังนั้น ไม่ยอมก้าวไปข้างหน้าอีกแม้แต่ก้าวเดียว
ขณะที่ทั้งสองฝ่ายกำลังยื้อยุดฉุดกระชาก หลิงเยว่ก็ตัดสินใจช่วยเหลือโม่จวินเจ๋อ
เมล็ดพันธุ์สองเมล็ดถูกนางโยนลงบนพื้น เมล็ดพันธุ์ฝังรากลงในพื้นดินและเริ่มงอกขึ้นมาทันที เถาวัลย์สีทองอ่อนบางเฉียบสองเส้นตรึงเท้าทั้งสองข้างของโม่จวินเจ๋อไว้กับที่
นางคิดว่าเถาวัลย์ระดับสูงสองต้นนี้จะทนต่อพลังนั้นได้บ้าง แต่ผลคือยังไม่ทันถึงสามวินาทีพวกมันกลับถูกตัดทิ้งไปทันที ร่างของโม่จวินเจ๋อเลยถูกผลักไปข้างหน้าอีกก้าวหนึ่ง เหลือระยะห่างจากประตูใหญ่เพียงสิบก้าวเท่านั้น
หมอกสีเทาบาง ๆ ลอยออกมาจากช่องประตูที่เปิดอยู่ พลังที่ผลักโม่จวินเจ๋อแรงขึ้นอีก
คราวนี้หลิงเยว่ไม่ได้เลือกใช้เมล็ดพันธุ์ นางลืมไปว่าระดับการบำเพ็ญของตนอยู่แค่ขอบเขตฝ่าทัณฑ์สวรรค์ขั้นปลายเท่านั้น แต่นี่คือโลกผู้บำเพ็ญเซียน พลังระดับนี้ถือว่าอ่อนแอที่สุด จะไปต่อกรกับพลังลึกลับได้อย่างไร?
โม่จวินเจ๋อเปล่งแสงสีทองจ้าอีกครั้ง เขาถูกผลักไปข้างหน้าหนึ่งก้าว แต่สามารถถอยหลังได้สำเร็จสามก้าว
แสงทองแห่งการปกป้องที่มีพลังวิเศษเสริมกำลัง บวกกับพลังเซียนเริ่มต้นของตัวเขาเองก็ถอยหลังได้แค่สามก้าวเท่านั้นหรือ?
“ลองก้าวข้ามขอบเขตดูสิ”
พลังฝึกฝนของเขาและหลิงเยว่สามารถใช้ร่วมกันได้ ตอนนี้เขาเป็นเซียนแล้ว ไม่มีเหตุผลที่พลังของหลิงเยว่จะยังคงอยู่ที่ฝ่าทัณฑ์สวรรค์ขั้นปลายแน่นอน
“ที่นี่เต็มไปด้วยพลังแห่งความตาย นางจะฝ่าทัณฑ์สวรรค์ได้อย่างไร?”
หลิงเยว่อยากถามเช่นนั้นเหมือนกัน แต่มนุษย์เงือกกลับถามแทนนางเสียก่อน
“นางทำได้”
หลิงเยว่ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็นั่งขัดสมาธิให้วิญญาณอยู่ในตำแหน่งตันเถียนของโม่จวินเจ๋อ แล้วพยายามดึงพลังแห่งความตายเข้าสู่ร่างกาย
“เจ้าบ้าไปแล้วหรือ? ถ้าคนเป็นดึงพลังแห่งความตายเข้าร่าง จะระเบิดตายได้นะ!”
เงือกหนุ่มตะโกนข้างหูหลิงเยว่ แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้นางได้ดึงพลังแห่งความตายเข้าสู่ร่างต้นแบบที่อยู่ในหัวใจของโม่จวินเจ๋อแล้ว
“พวกเจ้าบ้าไปแล้ว!” เงือกหนุ่มกุมศีรษะ ตกอยู่ในความสิ้นหวังเหมือนกับห้าตัวน้อยในตอนแรก
เขาไม่เคยเห็นใครบ้าเกินกว่าสองคนนี้มาก่อน ดึงพลังแห่งความตายเข้าร่างแล้วไป แต่นี่ดึงเข้าหัวใจด้วย! มันต่างอะไรกับการฆ่าตัวตายกัน?
แต่เดิมเงือกหนุ่มคิดว่าจะอาศัยพวกเขาตามหาพวกพ้อง แต่ตอนนี้คงต้องตายที่นี่พร้อมกับพวกเขาแล้ว
โอ้… ไม่ใช่สิ เขาตายไปแล้วนี่
จะกลัวอะไรอีกเล่า?
เงือกหนุ่มกุมศีรษะ ย่อตัวลงข้างกายหลิงเยว่ เขาเตรียมพร้อมสำหรับความตายครั้งที่สองแล้ว แต่เขาย่อตัวจนขาชาแล้วก็ยังไม่ได้ต้อนรับความตายเสียที
“เป็นไปได้อย่างไร?” เงือกหนุ่มรู้สึกถึงลมหายใจของหลิงเยว่ที่แข็งแกร่งขึ้น เขาเบิกตากว้างด้วยความไม่อยากเชื่อ มีคนสามารถเปลี่ยนพลังแห่งความตายเป็นพลังวิญญาณเพื่อเพิ่มระดับการบำเพ็ญได้จริง ๆ หรือ?
เงือกหนุ่มเบนสายตาไปจับจ้องที่หัวใจอันเปล่งประกายของโม่จวินเจ๋อ พยายามมองให้ชัดว่าแสงสีทองนั้นแผ่ออกมาจากอะไร แต่ถึงแม้จะเสี่ยงต่อการถูกแสงทองทำให้ตาบอด ก็ยังมองไม่ออกว่าข้างในนั้นคือของวิเศษอันใดกันแน่
ด้านนอก แม้โม่จวินเจ๋อยังคงต่อสู้กับพลังลึกลับอยู่ แต่เขาหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกดันไปข้างหน้าอีกก้าว
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาอยากเจอเทพปีศาจใจจะขาดแล้ว!
ช่างไร้ประโยชน์นัก แค่ผ่านด่านซากศพ เทพปีศาจยังใช้เวลานานถึงเพียงนี้ จะเหมาะสมเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้อย่างไร?
ตอนนี้เทพปีศาจที่ถูกดูหมิ่นกำลังคลุ้มคลั่ง จำนวนศพลอยน้ำเพิ่มขึ้นก็แล้วไป แต่พลังยังเพิ่มขึ้นไม่หยุด พวกมันกำลังสูบพลังของเขาและ…เมล็ดพันธุ์แห่งเทพอย่างต่อเนื่อง
ความสามารถในการวางกลของศัตรูคู่อาฆาตแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เทพปีศาจรู้สึกไม่ดีอย่างยิ่ง
ยังไม่ได้ฟื้นฟูพลังทั้งหมด แต่กลับก้าวหน้าอย่างคาดไม่ถึงเช่นนี้ หากปล่อยให้อีกฝ่ายเข้าสู่แดนเทพ ฟื้นฟูพลังทั้งหมด การได้มาซึ่งเมล็ดพันธุ์แห่งเทพอีกครึ่งคงยากขึ้นไปอีก!
จนถึงบัดนี้ เทพปีศาจยังคงเชื่อว่าค่ายกลศพลอยน้ำนั้นเป็นฝีมือของโม่จวินเจ๋อ