ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 474 เขียนว่า… อะไรกัน?
บทที่ 474 เขียนว่า… อะไรกัน?
การบำเพ็ญของหลิงเยว่พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนเงือกหนุ่มที่อยู่ข้าง ๆ สงสัยในชีวิตขึ้นมาทันที
ความเร็วนั้นก็ช่างเถอะ แต่ทำไมถึงไม่ต้องรับทัณฑ์สวรรค์ล่ะ?
จุดนี้โม่จวินเจ๋อสามารถอธิบายได้ เพราะเขาได้ผ่านมันมาแล้ว ดังนั้นการที่หลิงเยว่ไม่จำเป็นต้องรับทัณฑ์สวรรค์ถือเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ใช่ไหม?
รอบ ๆ วิหารเชิญเทพเต็มไปด้วยพลังแห่งความตาย ยิ่งทำให้ความคิดที่ว่าเขาไม่สามารถเข้าไปได้นั้นชัดเจนขึ้น
หากสุดท้ายแล้วยังไม่สามารถต่อกรกับพลังนี้ได้ ก่อนที่จะเข้าไป โม่จวินเจ๋อจะต้องปล่อยหลิงเยว่ออกไปก่อน เขาไม่สามารถให้นางไปเสี่ยงอันตรายได้
เรื่องเอาชีวิตเข้าแลกเช่นนี้ ขอเชิญเทพปีศาจมาแทนเถิด
เมื่อการบำเพ็ญของหลิงเยว่พัฒนาขึ้น แสงสีทองแห่งการปกป้องที่แผ่ออกมาจากร่างแท้จริงก็ทรงพลังมากขึ้น ความกดดันของโม่จวินเจ๋อจึงลดลง
แต่ดูเหมือนว่าเขาจะดีใจเร็วเกินไป เพราะพลังลึกลับกลับเพิ่มความรุนแรงเช่นกัน โม่จวินเจ๋อถูกบังคับให้ถอยหลังไปอีกสี่ก้าวอย่างเลี่ยงไม่ได้ เขาเหลือระยะห่างจากประตูวังเพียงสามก้าวเท่านั้น
ช่องว่างของประตูวังเปิดกว้างขึ้นเล็กน้อย พลังแห่งความตายอันเข้มข้นลอยออกมาจากด้านใน ในทันใดนั้นแมลงดำตัวเล็กสองตัวก็หายวับไป เหลืออีกสามตัวเล็ก ๆ ที่กำลังจะสลายไปเช่นกัน
โม่จวินเจ๋อไม่คิดว่าพลังคำสาปจะกลัวพลังแห่งความตายถึงเพียงนี้
แม้จะเป็นวิหารเชิญเทพ แต่กลับเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย
โม่จวินเจ๋อพลันนึกถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง และความเป็นไปได้นั้นทำให้หยาดเหงื่อผุดขึ้นบนหน้าผากของเขา แม้จะเป็นเพียงหยดเดียว แต่เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าความเป็นไปได้นั้นน่าสะพรึงกลัวเพียงใด
บางทีภายในนั้นอาจเต็มไปด้วย… ซากศพของเทพ!
เป็นวิหารที่เชิญเทพมาเพื่อความตาย?
โม่จวินเจ๋อมีคุณสมบัติของเทพ แม้ว่าคุณสมบัติเทพของเทพปีศาจจะถูกเขาทำลายไปแล้ว แต่เขายังคงมีพลังของเทพอยู่ ดังนั้นทั้งสองจึงถูกนำพามาที่นี่!
มิเช่นนั้นวิหารเชิญเทพทั่วไป แม้จะไม่ใช่สีทองก็ควรจะดูยิ่งใหญ่อลังการ ไม่ใช่วิหารสีเทาที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย
ผู้ที่มีสมองเพียงเล็กน้อยคงไม่เชื่อว่าวิหารเชิญเทพคือเส้นทางที่สองสู่แดนเทพแน่นอน!
บางทีอาจมีเส้นทางที่สองสู่แดนเทพจริง ๆ แต่คงไม่ใช่ที่นี่แน่!
ผู้ที่อยู่เบื้องหลังได้จัดการกับความทรงจำที่เขาปิดผนึกไว้
เมื่อความทรงจำในอดีตหลอกลวงเขา นั่นหมายความว่าร่างกายที่หลับใหลอยู่ในแดนเทพจะถูกปรับแต่งไปด้วย? หรือแม้แต่ความทรงจำก็ถูกแก้ไขไปแล้ว?
โม่จวินเจ๋อนึกถึงการเปลี่ยนแปลงของเทพปีศาจขึ้นมาทันที เขาเริ่มฝึกฝนเคล็ดวิชาสังหารเทพตั้งแต่เมื่อใดกัน?
แล้วสภาพจิตใจของเขาเริ่มบ้าคลั่งและย่ำแย่เช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด?
ในครั้งแรกที่ปะทะกับเทพปีศาจ โม่จวินเจ๋อจำได้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนที่มีความคิดรอบคอบและอารมณ์มั่นคง แต่ตอนนี้…
โม่จวินเจ๋อที่กำลังครุ่นคิดสับสนวุ่นวายก็ถูกพลังลึกลับนั้นผลักไปข้างหน้าอีกครึ่งก้าว ขณะนี้หลิงเยว่ได้ก้าวขึ้นสู่ขอบเขตเซียนปฐพี ทำให้พลังของโม่จวินเจ๋อเพิ่มขึ้นไปด้วย
แต่สิ่งที่ยากจะยอมรับคือ พลังลึกลับนั้นก็เพิ่มขึ้นตามวิชาของหลิงเยว่เช่นกัน
ช่างเหลือเชื่อจริง ๆ!
หลิงเยว่แทบจะสบถออกมา วันนี้จำเป็นต้องเข้าไปให้ได้เลยหรือ?
อย่างน้อยก็รอให้เทพปีศาจมาก่อน แล้วค่อยเข้าไปพร้อมกันสิ…
ร่างอันสูงใหญ่ที่หลิงเยว่และโม่จวินเจ๋อรอคอยได้ปรากฏตัวขึ้นแล้ว อีกฝ่ายพุ่งโจมตีโม่จวินเจ๋อ หากรับการโจมตีนี้ไว้ แม้โม่จวินเจ๋อจะไม่ถึงกับตาย แต่คงบาดเจ็บสาหัส
เมื่อแสงทองสองสายปะทะกัน หนึ่งในนั้นมีแสงสีดำเกี่ยวพันอยู่และไม่ได้ป้องกันพลังลึกลับ การโจมตีจึงตกลงมาแล้วดึงเขาเข้าไปในวิหารเชิญเทพ
ก่อนที่ประตูจะปิด โม่จวินเจ๋อได้หนีออกมาในช่วงที่พลังลึกลับหายไป และหยุดจนถึงก่อนทางเข้าหมู่บ้านศพ
โชคดียิ่งนัก!
หลิงเยว่รู้สึกผ่อนคลายเล็กน้อย แต่ยังคงตึงเครียด เพราะศพดูเหมือนจะ ‘ฟื้น’ ขึ้นมาแล้ว!
พวกเขาถูกดวงตาสีแดงที่น่าสะพรึงกลัวจ้องมองอยู่ บางร่างมีเลือดไหลออกมาจากดวงตา พลังแห่งความตายที่เข้มข้นทำให้สีของน้ำเถ้าวิญญาณกลายเป็นสีแดง น้ำที่สงบนิ่งอยู่เริ่มเดือดขึ้นมา
หลังกองซากศพมีวังสีแดงเข้มปรากฏขึ้น วังนั้นเปลี่ยนรูปแบบไปตามการเดือดของน้ำราวกับเป็นเพียงเงาสะท้อน
กลุ่มศพที่ใกล้กับโม่จวินเจ๋อเก็บท่าทางดุร้ายของพวกเขา และเดินตรงไปยังวังสีแดงเข้ม
วังสีแดงเข้มมีป้ายอักษรติดอยู่
โม่จวินเจ๋อไม่ได้ตอบทันที เขามองไปที่วังสีแดงเข้ม ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะน้ำที่กำลังเดือด ทำให้เขามองไม่เห็นตัวอักษร หรือเขาอยู่ห่างเกินไป หรือเพราะเขากลายเป็นคนอ่านหนังสือไม่ออกเหมือนหลิงเยว่ไปแล้ว?
“วิหารทำลายเทพ”
หลิงเยว่ “…”
ตอนแรกคิดว่าคงรอดแล้ว แต่ความจริงกลับมีวิหารทำลายเทพรออยู่ ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาต้องเลือกเข้าไปซักที่ใช่ไหม?
“ดูเหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้น”
เพียงสองคนคงไม่สามารถสู้กับคนหลายแสนคนได้
พวกเขามีระดับการบำเพ็ญมากกว่าขอบเขตเซียนปฐพี โม่จวินเจ๋อและหลิงเยว่ไม่สามารถหนีออกไปได้ หากไม่เข้าไปก็เสี่ยงตาย แต่ถ้าเข้าไปยังมีความหวังเล็กน้อยว่าอาจจะรอด
ดังนั้นโม่จวินเจ๋อจึงเคลื่อนไหวก่อนที่ศพขยับตัว แล้วเดินไปยังวิหารทำลายเทพ
“ไม่ลองต่อสู้เลยหรือ?”
“ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้นจริง ๆ…”
หลิงเยว่มองศพที่เปลี่ยนเป็นผู้ยิ่งใหญ่ แม้แต่เงือกใต้ทะเลที่เดิมทีงดงามก็ไม่น่ามองนัก
“ไม่!”
แม้ว่าเงือกหนุ่มจะเตรียมใจไว้แล้ว แต่เมื่อเห็นว่าเผ่าพันธุ์ของเขาอยู่ในกองศพพวกนั้นก็ยังไม่สามารถยอมรับได้
ทำไมถึงเป็นเช่นนี้?
เผ่าพันธุ์เงือกในทะเลเถ้าวิญญาณทำผิดอะไรถึงต้องถูกทำลายด้วย!
ก่อนที่อีกฝ่ายจะคลุ้มคลั่ง หลิงเยว่จึงควบคุมให้เงือกหนุ่มหลับไป
หลิงเยว่เข้าใจความรู้สึกนี้ดี ตอนที่ได้เห็นอาจารย์และเหล่าศิษย์พี่ต้องตายไปต่อหน้าต่อตา โดยที่นางไม่สามารถทำอะไรได้เลย มันทำให้นางเกลียดชังเทพปีศาจยิ่งนัก!
น่าเสียดายที่เทพปีศาจไม่ได้ตายในน้ำมือนาง หวังว่าวิหารเชิญเทพจะไม่ปล่อยให้เขาตายง่ายเกินไป
ยิ่งโม่จวินเจ๋อเดินเข้าไปใกล้วิหารทำลายเทพมากเท่าไหร่ หัวใจของเขายิ่งหนักอึ้งมากเท่านั้น
ประตูวังเปิดกว้างราวกับสัตว์ร้ายที่อ้าปากรอเหยื่อ
ดูเหมือนมันจะไม่พอใจที่โม่จวินเจ๋อเดินช้า จึงให้ผืนน้ำเถ้าวิญญาณซัดร่างของโม่จวินเจ๋อเข้ามาอย่างรวดเร็ว โม่จวินเจ๋อจึงก้าวเข้าไปด้านในก่อนที่ประตูจะปิดลง พร้อมกับดวงตาของซากศพที่ค่อย ๆ ปิดลงเช่นกัน
แม้ตอนนี้สุสานใต้น้ำจะดูเหมือนเดิม แต่กลับรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างที่เปลี่ยนไป
……….