ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 475 ชายคนนั้นกลับมาแล้วใช่หรือไม่!
บทที่ 475 ชายคนนั้นกลับมาแล้วใช่หรือไม่!
ทะเลเถ้าวิญญาณได้เปลี่ยนแปลงไป
น้ำตกเถ้าวิญญาณที่มีปริมาณน้ำมหาศาลตลอดปี แต่ตอนนี้กลับลดลงพร้อมกับสีของน้ำเถ้าวิญญาณที่จางลงอย่างช้า ๆ ละอองน้ำที่เกิดขึ้นมีหมอกสีแดงบาง ๆ ปรากฏให้เห็นเป็นระยะ
ใบไม้สีดำเขียวของต้นไม้หน้าคนที่อยู่ใกล้ทะเลเถ้าวิญญาณที่สุด กำลังค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีเทา
เมื่อเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ วิญญาณที่ถูกผนึกอยู่ในต้นไม้ต่างรู้สึกหวาดกลัว พวกมันอยู่มาหลายหมื่นปี ทำไมจู่ ๆ ถึงได้เปลี่ยนไปเช่นนี้?
“ชายสองคนนั้นกำลังต่อสู้กันอยู่ข้างในใช่หรือไม่ ถึงทำให้ทะเลเถ้าวิญญาณเปลี่ยนแปลงไป?”
“แล้วยังมีแมลงดำตัวเล็ก ๆ พวกนั้นอีก พวกเขาแข็งแกร่งขนาดนั้นเลยหรือ ถึงกับทำให้ที่นี่เปลี่ยนไปได้?”
ในขณะที่ต้นไม้หน้าคนกำลังถกเถียงกันอย่างวุ่นวาย ต้นไม้ต้นแรกที่ถูกปลูกไว้ริมทะเลเถ้าวิญญาณเอ่ยปากขึ้น มันเป็นต้นที่เปลี่ยนแปลงมากที่สุด ครึ่งหนึ่งของใบไม้และลำต้นได้เปลี่ยนเป็นสีเทาไปแล้ว
“พวกเจ้ารู้สึกคัน ๆ ที่บ้างหรือไม่?”
“เจ้าคงใกล้จะออกมาได้แล้วกระมัง?”
ต้นไม้หน้าคนที่รู้สึกว่าวิญญาณของตนไม่มีการเปลี่ยนแปลงเอ่ยด้วยน้ำเสียงอิจฉา ดวงตามีประกายวาบขึ้น
“จริงด้วย! ใบหน้าของเขาดูชัดเจนขึ้น อืม… แต่มีสีแดงเรื่อ ๆ นิดหน่อย ดูแปลก ๆ นะ”
เมื่อประโยคนี้ถูกเอ่ยออกมา ต้นไม้หน้าคนต้นแรกก็กลายเป็นจุดสนใจ สายตาทั้งหมดจับจ้องไปที่ใบหน้าของมัน
“สีคล้ายกับจุดแดงที่ลอยอยู่บนทะเลเถ้าวิญญาณเลย”
ต้นไม้หน้าคนต้นแรกหันสายตาไปยังทะเลเถ้าวิญญาณเบื้องหน้า เพียงชั่วครู่ที่ไม่ได้สังเกต หมอกแดงที่ลอยวนเหนือผิวน้ำกลับเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้น จากนั้นความรู้สึกหงุดหงิดก็แผ่ซ่านไปทั่วร่าง อยากทำลายทุกสิ่งตรงหน้าให้ย่อยยับ!
ต้นไม้ต้นแรกที่คิดเช่นนั้นก็ลงมือทันที เห็นใบไม้ทั้งหมดบนต้นไม้ใหญ่ร่วงหล่นกลายเป็นสายฝนลูกธนูนับไม่ถ้วนพุ่งลงสู่ทะเลเถ้าวิญญาณ
ผิวน้ำถูกโจมตีด้วยสายฝนธนูจำนวนมหาศาล ละอองน้ำกระเซ็นขึ้นฝั่ง ตกลงบนต้นไม้หน้าคนโดยรอบ เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นนับไม่ถ้วน
เห็นต้นไม้หน้าคนที่ถูกน้ำเถ้าวิญญาณกระเซ็นใส่ถูกกัดกร่อนเป็นรูเล็ก ๆ นับไม่ถ้วน จากนั้นก็เริ่มกระจายเป็นบริเวณกว้างแล้วค่อย ๆ ลามไปถึงวิญญาณ
เสียงร้องโหยหวนรุนแรงดังไปถึงหูของต้นไม้ด้านหลัง ก่อให้เกิดความหวาดกลัวกันเป็นทอด ๆ
คำตอบแน่นอนว่าไม่ใช่ ทะเลเถ้าวิญญาณกลับสงบนิ่งอีกครั้ง เพียงแต่ต้นไม้หน้าคนรอบข้างไม่อาจสงบได้ หากเป็นไปได้พวกเขาอยากถอนรากของตนเองแล้วหนีไปเหลือเกิน
‘สหาย’ ที่ถูกน้ำทะเลเถ้าวิญญาณกระเซ็นใส่ไม่รอดสักราย ส่วนตัวการนั้นดับสูญไปก่อนใครเพื่อน
เหตุผลที่ต้องหนีก็เพราะน้ำสีเทาดำกำลังแผ่ขยายมาทางพวกเขาแล้ว! มันไม่ถูกดินดูดซับ แต่กลับมุ่งหน้ามาทางนี้!
หากถูกสัมผัสต้องตายแน่!
“ข้ากลายเป็นต้นไม้แล้ว ยังไม่ยอมปล่อยข้าอีกรึ!”
“สวรรค์! ลืมตาดูพวกข้าผู้น่าสงสารบ้างสิ…”
แม้มีเสียงร้องไห้ด่าทอดังระงม แต่ยังมีผู้ที่เหลือสติอยู่บ้าง
“แต่ก่อนน้ำเถ้าวิญญาณไม่มีผลกับพวกเรานี่?”
อาจกล่าวได้ว่ามันคือกุญแจสำคัญในการดำรงชีวิตของพวกเขาด้วยซ้ำ
แหล่งน้ำที่พวกเขาต้องพึ่งพาเพื่อการดำรงชีวิตกลับจะสังหารพวกเขาเสียแล้วหรือ?
“หากรู้แต่แรก หากรู้แต่แรก… อ๊ากกก!”
คำพูดที่กล่าวได้เพียงครึ่งเดียวกลับกลายเป็นเสียงร้องโหยหวน
น้ำสีเทาแผ่ขยายเป็นบริเวณกว้างด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้น ไม่สิ! ไม่อาจเรียกมันว่าน้ำสีเทาได้อีกต่อไป หลังจากกลืนกินต้นไม้หน้าคนจำนวนมาก สีของมันได้เปลี่ยนจากสีเทาเป็นสีน้ำตาลเข้ม หากสังเกตอย่างละเอียดจะเห็นไอน้ำสีแดงคล้ำลอยอยู่เหนือผิวน้ำ
“จบแล้ว… จบสิ้นแล้ว…”
ต้นไม้หน้าคนบางส่วนมีดวงตาเลื่อนลอย แต่เดิมพวกเขาคิดว่าการกลายเป็นต้นไม้นั้นเลวร้ายพอแล้ว แต่ไม่คาดคิดว่าจะมีสิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่ารออยู่
วิญญาณถูกน้ำเถ้าวิญญาณค่อย ๆ หลอมละลาย เพียงแค่จินตนาการประกอบกับเสียงร้องโหยหวนที่ดังขึ้นเป็นระลอก ก็สามารถคาดเดาได้ว่าช่างทรมานเพียงใด พวกมันอยากระเบิดตัวตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด
น่าเสียดาย… การระเบิดตัวตายที่แต่ก่อนเป็นเรื่องง่ายดายสำหรับพวกเขา ตอนนี้กลับไม่อาจทำได้ ได้แต่รอคอยการมาเยือนของเทพมรณะอย่างเงียบงัน
กระบวนการรอความตายนั้นยาวนาน ทรมาน และไม่เต็มใจ…
ไม่ว่าพวกเขาจะดิ้นรนเพียงใด รากก็ไม่ขยับแม้แต่น้อย วิญญาณทั้งหมดได้หลอมรวมเข้ากับลำต้นไปแล้ว
หลายหมื่นปีที่อยู่ในป่าอันมืดมิดและชื้นแฉะ เนื่องจากต้นไม้หน้าคนตายเป็นบริเวณกว้าง ทำให้เกิดช่องว่างขนาดใหญ่ แสงอาทิตย์ขับไล่ความมืดมนออกไป แต่ไม่อาจขับไล่เสียงร้องโหยหวนอันน่าสยดสยองที่ดังไม่หยุดหย่อนได้
เสียงกรีดร้องและความหวาดกลัวแผ่ขยายไปทั่วทั้งป่า…
“หืม? ที่นั่นเกิดอะไรขึ้นน่ะ?”
ผู่ตานที่พาเล่อเหอและคนอื่น ๆ หนีมาพลันหยุดกระพือปีก ในม่านตาสีทองสะท้อนภาพต้นไม้ยักษ์ที่ล้มลงและละลายไปทีละต้น
“ทำไมมีเสียงกรีดร้องของคนด้วย?”
เล่อเหอลุกขึ้นยืน พอส่งจิตไปสำรวจป่าต้นไม้มนุษย์ก็ถูกกลืนกินทันที หากไม่รีบตัดขาด ชีวิตเขาคงไม่เหลือแล้ว
ช่างอันตรายเหลือเกิน!
เล่อเหอยกมือกุมศีรษะ ด้วยสีหน้าซีดเผือด
“เจ้าเห็นอะไรบ้าง?” เจ้าสำนักเมี่ยวอินถามพลางยัดโอสถเม็ดหนึ่งเข้าปากเล่อเหอ แล้วพยุงเขาให้นั่งลง
เล่อเหอส่ายหน้า เขาเห็นเพียงต้นไม้ใหญ่มากมายกำลังโยกไหว แต่พอจะมองให้ชัดเจน จิตก็ถูกกลืนกินไปเสียแล้ว
“ดวงวิญญาณอาฆาต วิญญาณอาฆาตนับไม่ถ้วนกำลังร้องครวญครางอย่างทรมาน”
สีหน้าของอดีตเจ้าอาวาสพุทธวิหารพลันเคร่งเครียด นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นดวงวิญญาณอาฆาตมากมายเช่นนี้ และพลังแห่งความตายที่เข้มข้นจนแทบจะกลืนกินพลังวิญญาณทั้งหมด
“จะไปดูกันไหม?” ผู่ตานถามอย่างกระตือรือร้น
เหล่าผู้บำเพ็ญจากโลกวิญญาณต่างมองเขาเงียบกริบ
ช่างดีจริงที่ยังหนุ่มแน่น ไม่รู้จักแม้แต่วิธีเขียนคำว่า ‘ตาย’
พลังแห่งความตายน่ากลัวยิ่งกว่าพลังปีศาจ แม้จะไม่ถึงขั้นสัมผัสแล้วตายทันที แต่ก็ไม่ควรเสี่ยงโดยไม่จำเป็น ตอนนี้พวกเขาควรคิดว่าจะหลบไปที่ไหนดีกว่า
แม้ว่าตอนนี้การไล่ล่าของพวกปีศาจจะลดลง แต่การไล่ล่าที่เหลืออยู่ เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาพลาดพลั้งแล้วพ่ายแพ้ยับเยินได้
“ด้านหน้ามีเส้นทางแห่งเทพถูกทำลาย ด้านหลังมีป่าที่แผ่ไปด้วยพลังแห่งความตาย โลกผู้บำเพ็ญเซียนคงจะมีเหตุการณ์ใหญ่เกิดขึ้นแล้ว”
อดีตเจ้าอาวาสวัดพุทธวิหารพูดด้วยน้ำเสียงและแววตาเต็มไปด้วยความกังวล ราวกับว่าจะมีเหตุการณ์ที่พวกเขาคาดไม่ถึงและไม่อาจหยุดยั้งได้
และนี่อาจเกี่ยวข้องกับทั้งโลกผู้บำเพ็ญเซียนด้วย
“แม้จะเกิดเหตุการณ์ใหญ่จริง ด้วยกำลังคนเพียงเท่านี้จะสามารถหยุดยั้งได้อย่างไร?”
ผู้บำเพ็ญที่พูดนั้นมีระดับการบำเพ็ญสูงสุดถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ แม้แต่เขายังกล่าวเช่นนี้ อดีตเจ้าอาวาสวัดพุทธวิหารยิ่งกังวลมากขึ้น แต่ไม่มีวิธีหยุดยั้งการแพร่กระจายของพลังแห่งความตาย อีกทั้งยังไม่สามารถช่วยวิญญาณที่ตายไปแล้วให้หลุดพ้นได้
เพราะมันมีจำนวนมากมาย ความอาฆาตพยาบาทและพลังสังหารก็หนักหน่วงเกินไป ด้วยความสามารถของเขาในตอนนี้ การช่วยให้หลุดพ้นเพียงดวงเดียวอาจต้องใช้บุญกุศลทั้งหมด และอาจไม่สำเร็จด้วยซ้ำ
“งั้นพวกเราไปกันเถอะ?”
ผู่ตานที่เดิมตั้งใจจะไปดู เมื่อได้ยินอดีตเจ้าอาวาสพูดเช่นนี้ก็ดับความคิดทันที
อีกอย่างพวกปีศาจที่ไล่ล่าพวกเขาตามมาทันแล้ว และความผิดปกตินี้ก็ดึงดูดพวกปีศาจมาไม่น้อยทีเดียว
……….