ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 483 ไม่ตายก็ดีแล้ว
บทที่ 483 ไม่ตายก็ดีแล้ว
แน่นอนว่าเล่อเหออยากพาผู่ตานไปด้วยกัน แต่พี่สาวศพแบนก็ลากเขาไปอย่างกะทันหัน ก่อนจะจากมาเขาเห็นเพียงปากน่ากลัวที่ถูกเย็บปิดของผู้มาใหม่เท่านั้น
“เกือบไปแล้ว ดีนะที่ข้าวิ่งเร็วพอ!”
ใบหน้าแบน ๆ ของพี่สาวศพเต็มไปด้วยความโล่งอกที่รอดพ้นจากอันตราย
“แล้วเพื่อนร่วมทางของข้าจะทำอย่างไรเล่า?”
ไม่ใช่ว่าตกลงจะคุ้มครองพวกเขาทั้งสองคนหรอกหรือ? แต่พอมีเรื่องกลับวิ่งหนีเร็วกว่าใครเพื่อน คนหนังกระดาษนี่จะไว้ใจได้จริงหรือ?
เขาช่างโง่เหลือเกินที่มอบของสะสมให้นางถึงสองในสาม สิ่งเดียวที่เหมือนจะดีก็คือ พี่สาวศพแบนไม่ลืมพาเขาหนีมาด้วย
“เขาไม่ตายหรอก”
พี่สาวศพแบนส่ายหัวกระดาษอย่างไม่ใส่ใจ แล้วพาเล่อเหอเข้าไปในห้องชุดสุดหรูของนาง นี่คืออาณาจักรที่นางสร้างขึ้นด้วยความสามารถเชียวนะ!
เล่อเหอถอนหายใจอย่างโล่งอก ไม่มีท่าทีจะไปตามหาผู่ตาน แต่กลับเริ่มสำรวจที่พักของพี่สาวศพแบน ทว่าเพียงแค่เหลือบมองด้วยหางตา เขาก็… เห็นคนหัวโล้นถูกมัดอย่างแน่นหนาโยนทิ้งไว้ที่มุมห้อง
“เจ้ายัง… ปลอดภัยหรือ?”
ร่างที่แทบไม่เหลือลมหายใจของคนหัวโล้นได้ยินคำเรียกนั้น จึงค่อย ๆ เงยหน้าที่ถูกซ้อมเสียจนจำไม่ได้ขึ้นมา หากไม่ใช่เพราะศีรษะโล้นอันเป็นเอกลักษณ์ เล่อเหอคงจำอีกฝ่ายไม่ได้แล้ว
“เป็นเจ้าจริง ๆ ด้วย!” เล่อเหอรีบวิ่งเข้าไปแก้เชือกให้ แต่ยิ่งพยายามแก้กลับทำให้เชือกดำที่มัดอดีตเจ้าอาวาสพุทธวิหารรัดแน่นขึ้นเรื่อย ๆ
“โอ้ รู้จักกันหรือ?”
พี่สาวศพแบนมือซ้ายถือขาไก่ทอดสีทอง มือขวาถือชานมมองเล่อเหอที่กำลังแก้เชือกราวกับดูตัวตลก “หากข้าไม่ลงมือ เจ้าไม่มีทางแก้ได้หรอก”
เล่อเหอรู้อยู่แล้ว เพียงแต่เขาเหลืออาหารวิญญาณไม่มาก มีแค่เหล้าอีกไม่กี่ไหกับเนื้อย่างอีกไม่กี่สิบไม้ นี่คืออาหารมื้อสุดท้ายที่เขาเตรียมไว้ให้ตัวเอง จึงไม่อยากเอาออกมาแลกเปลี่ยน
อย่างไรเสีย คงอันก็ยังไม่ตายไม่ใช่หรือ?
หากอดีตเจ้าอาวาสรู้ความคิดในใจเล่อเหอ คงต้องกระอักเลือดแน่ ที่มิตรภาพพันปียังสู้เหล้าวิเศษไม่กี่ไหกับเนื้อย่างไม่กี่สิบไม้ไม่ได้!
“ข้าไม่มีแล้วจริง ๆ…” เล่อเหอทำหน้าจนใจ ในน้ำเสียงจริงใจนั้นแฝงไว้ด้วยความวิงวอนเล็กน้อย หากรู้ว่าเหล่าคนหนังกระดาษที่นี่ชอบอาหารวิญญาณ ก่อนที่เขาจะพ้นโลกีย์ เขาคงไปกวาดเมืองฮั่วหยางให้เกลี้ยงแน่!
พี่สาวศพแบนผิดหวัง ดูเหมือนว่าจะไม่มีอาหารจริง ๆ ท้ายที่สุดแล้วใครบ้างจะไม่ยอมเสียสละอาหารเพียงเล็กน้อยเพื่อช่วยชีวิตเพื่อน?
เชือกดำบนร่างของอดีตเจ้าอาวาสพุทธวิหารหายไป ศีรษะของเขาเอียงไปด้านข้างแล้วสลบไป
แท้จริงแล้วเขาคงไม่ต้องประสบชะตากรรมแบบนี้ แต่น่าเสียดายที่เมื่อครู่นี้เล่อเหอได้ออกแรงดึงเชือก ทำให้ลมหายใจสุดท้ายที่เขาพยายามประคองไว้หายไปเสียแล้ว
“ทำไมพอแก้เชือกออกกลับสลบไปเสียล่ะ?” เล่อเหอพยุงร่างของอีกฝ่ายขึ้นมา แล้วหยิบขวดโอสถเทใส่ปากอีกฝ่ายทั้งหมด
พี่สาวศพแบนไม่ตอบ แต่เล่อเหอผู้นี้ทนความเงียบไม่ได้ จึงหันไปถามถึงผู่ตานด้วยความเป็นห่วง
“คนที่ปากถูกเย็บไว้นั่นแข็งแกร่งกว่าเจ้าหรือ?”
แม้จะไม่อยากยอมรับ แต่พี่สาวศพแบนยังต้องบอกว่า “เขาอาศัยอยู่ที่ชั้น 144”
ชั้นสูงสุด!
เล่อเหอสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ ผู่ตานยังมีชีวิตรอดอยู่หรือ?
แม้แต่ไม้หงส์ระดับสูงก็เหมาะแค่เอามาทำเก้าอี้หรือโต๊ะเท่านั้น
แต่ก่อนศิษย์น้องของเขาเพียงหยิบไม้หงส์ออกมาแค่ชิ้นเดียว ก็ทำให้พวกเขาตะลึงไปแล้ว แต่ตอนนี้ในห้องกลับเต็มไปด้วยสมบัติและสิ่งของระดับเซียนที่ถูกโยนทิ้งไว้ราวกับเป็นขยะ ผู่ตานได้แต่มองดูด้วยความอิจฉา
หากนำสิ่งเหล่านี้ออกไป จะแลกหินเซียนได้มากมายเพียงใดกัน? ศิษย์น้องคงอยากได้มากทีเดียว!
ผู่ตานก็อยากได้เช่นกัน… แต่เขาไม่กล้า ได้แต่ยืนสั่นเทาอยู่ด้านหลังผู้ยิ่งใหญ่ มองดูเขาหลงใหลดมกลิ่นอาหารบนโต๊ะที่เต็มไปด้วยของวิเศษมากมาย
อีกฝ่ายเพียงแค่ดมแต่ไม่กิน ไม่รู้เป็นเพราะเสียดายหรือว่ากินไม่ได้กันแน่
“ในเมื่อเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์มาถึงแล้ว เหตุใดจึงไม่ปรากฏตัวเล่า?”
คำพูดกะทันหันของพี่ชายศพปากเย็บ ทำให้ความคิดของผู่ตานสะดุดลง
“เมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์อะไรหรือ”
เมื่อสบตากับดวงตาคู่ใหญ่เล็กอันลึกล้ำของอีกฝ่าย ผู่ตานก็รู้สึกอึดอัด เพิ่งรู้ตัวทีหลังว่าเขาได้เปิดเผยตัวตนไปแล้วตั้งแต่หยิบอาหารที่หลิงเยว่ทำด้วยตัวเองออกมา จึงได้แต่เปลี่ยนคำพูดว่า “พวกข้าคลาดกันน่ะ”
พี่ชายศพปากเย็บพยักหน้าอย่างเข้าใจ จากนั้นหยิบขนมสีทองชิ้นหนึ่งขึ้นมา แต่เมื่อกำลังจะนำเข้าปากก็ดูเหมือนจะนึกขึ้นได้ว่าปากของตนถูกเย็บไว้ ในชั่วขณะต่อมา พลังแห่งความตายในห้องพลันคลั่งคลุ้ม สมบัติล้ำค่าเหล่านั้นแตกกระจายเกลื่อนพื้น แม้แต่ไม้หงส์อันมีค่าก็แตกเป็นชิ้น ๆ…
ยกเว้นโต๊ะที่วางอาหารตรงหน้า ห้องชุดสุดหรูหรากลายเป็นลานขยะในพริบตา
หัวใจของผู่ตานบีบรัดด้วยความเจ็บปวด หากไม่เอาก็ให้เขาเถอะ!
หลังจากระบายอารมณ์เสร็จ พี่ชายศพปากเย็บก็ยื่นขนมในมือไปที่หน้าท้อง แล้วผู่ตานก็ได้เห็นภาพที่ทำให้สงสัยในชีวิต
ท้องของพี่ชายศพปากเย็บอ้าออก เขาส่งขนมเข้าไปในนั้น พอท้องปิดลงมันก็เริ่มขยับและส่งเสียงเคี้ยวออกมา ส่วนคนหนังกระดาษที่กำลังลิ้มรสขนมก็แสดงสีหน้าเคลิบเคลิ้ม
ราวกับเห็นสีหน้าซ้อนทับกับพี่สาวศพแบนก่อนหน้านี้
หลังจากกินขนมสีทองไปหนึ่งชิ้น พี่ชายศพปากเย็บก็เริ่มชิมอาหารทีละอย่าง ในห้องมีเพียงเสียงเคี้ยวจากท้องของเขา ผู่ตานแทบไม่กล้าแม้แต่จะหายใจด้วยซ้ำ
ในที่สุดพี่ชายศพปากเย็บที่กำลังลิ้มรสอาหารสังเกตว่าตนอยู่ในกองขยะ พอเขาโบกมือ เศษชิ้นส่วนต่าง ๆ ก็กลายเป็นสมุนไพรและสัตว์วิญญาณต่อหน้าต่อตาผู่ตานทันที
ห้องที่ตกแต่งแบบสุสานพลันเต็มไปด้วยเสียงนกร้องและกลิ่นหอมของดอกไม้
พี่ชายศพปากเย็บมองไปทางผู่ตานที่ดูงุนงง
“คงจะชอบกระมัง…”
พวกสัตว์น่ารักตัวอ้วนกลมคงจะอร่อยมากสินะ?
ผู่ตานจ้องมองกระต่ายสีขาวตัวอ้วนที่สั่นเทาอยู่ในอ้อมกอดของพี่ชายศพปากเย็บ ทำให้เขาคิดถึงอาหารอย่างกระต่ายย่างหรืออะไรทำนองนั้นขึ้นมาทันที…
ขณะที่เขากำลังคิดถึงสูตรอาหาร กระต่ายตรงหน้าราวกับถูกสายตาน่ากลัวของเขาทำให้ตกใจจนตาย กลายเป็นสมบัติวิเศษที่แตกกระจายดังเดิม
พี่ชายศพปากเย็บโยนทิ้งอย่างรังเกียจ ห้องที่เคยเต็มไปด้วยเสียงนกร้องและดอกไม้กลับกลายเป็นลานขยะอีกครั้ง “ของปลอมย่อมไม่มีทางเป็นของจริงได้ รอออกไปแล้วข้าจะส่งวัตถุดิบทั้งภพให้เมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์เอง!”
ทั้งภพเลยหรือ?
ผู่ตานอดไม่ได้ที่จะกระตุกมุมปาก ตอนนี้อีกฝ่ายยังไม่สามารถมีชีวิตอยู่อย่างคนปกติได้ด้วยซ้ำ ยังกล้าคิดจะส่งวัตถุดิบทั้งภพให้หลิงเยว่อีกหรือ?
จู่ ๆ พี่ชายศพปากเย็บก็ยกมือขึ้นลูบใบหน้าตัวเอง ทำเอาผู่ตานตกใจ ไม่รู้ว่าปีศาจตนนี้จะได้ยินเสียงในใจของเขาหรือเปล่า
ถ้าอีกฝ่ายโกรธแล้วทำให้ร่างเขาแตกเป็นเสี่ยง ๆ จะทำอย่างไรดี?
ผู่ตานรู้สึกตื่นตระหนก นึกอยากจะวิ่งหนีออกไปเสียเหลือเกิน แต่น่าเสียดายที่พลังของพี่ชายศพปากเย็บนั้นช่างแข็งแกร่งเหลือล้น เขาถึงกับไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง ๆ ด้วยซ้ำ
โชคดีที่พี่ชายศพปากเย็บไม่ได้สนใจผู่ตานมากนัก หลังจากลูบหน้าเสร็จแล้ว เขาก็หายตัวไปพร้อมกับอาหารบนโต๊ะ
เขา… ถูกทิ้งไว้อีกแล้วหรือ?