ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 486 กำลังจะเริ่มแล้ว
บทที่ 486 กำลังจะเริ่มแล้ว…
“ทำไมยังไม่ออกมาอีก!”
เล่อเหอที่รู้สึกว่าตัวเองนอนหลับไปหลายร้อยปีลุกขึ้นมาจากพื้น ใบหน้าของเขาซีดขาว ใต้ตาคล้ำ ดวงตาไร้ประกาย เขาจ้องมองประตูห้องที่ปิดสนิท ราวกับว่าได้รับการทรมานมากมาย
ความจริงแล้วเขาเพียงแค่นอนอยู่เท่านั้น สาเหตุที่สภาพเขาแย่ขนาดนี้ล้วนเป็นเพราะพลังแห่งความตาย
อดีตเจ้าอาวาสมีแสงทองแห่งบุญกุศลปกป้อง สภาพจึงดีกว่าเล่อเหอเล็กน้อย
“ใจเย็นหน่อยเถิด”
อดีตเจ้าอาวาสยังคงหลับตา แก้มที่เคยมีเนื้อหนังยุบลงไป หากถูกพลังแห่งความตายทำลายต่อไปเช่นนี้ ในไม่ช้าพวกเขาต้องกลายเป็นศพแห้งแน่นอน ยังจะให้เขาใจเย็นได้อย่างไร?
เล่อเหอทำไม่ได้จริง ๆ!
เขาอยากจะเตะประตูเข้าไปแล้วลากตัวพี่สาวศพแบนออกมาถามให้รู้เรื่อง!
เมื่อเทียบกับร่างแห้งเหี่ยวของอดีตเจ้าอาวาสและเล่อเหอ ผู้ที่ยังคงรักษารูปลักษณ์หนุ่มน้อยผมทองผิวขาวเอาไว้ได้คือผู่ตาน ดวงตาสีทองของเขาเปล่งประกายเจิดจ้า แต่ในยามนี้กลับแฝงไว้ด้วยแววตาเย่อหยิ่งและภาคภูมิใจในตัวเอง
ต่อหน้าเล่อเหอ เขาล้วงกระบี่ใสกิ๊งราวกับกระจกออกมา มันเปล่งแสงระยิบระยับหลากสี
ทันทีที่กระบี่ปรากฏ ดวงตาไร้ประกายของเล่อเหอก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
“เจ้าได้มาจากไหน?”
เล่อเหอรีบถูมือ ก่อนจะรับกระบี่มาด้วยท่าทางตื่นเต้น
แต่น้ำหนักของกระบี่ทำให้เล่อเหอล้มลงทันที เขากอดกระบี่นั่งลงบนพื้น เผยรอยยิ้ม พลางมองกระบี่ด้วยสายตาราวกับกำลังมองคนรักในดวงใจ ความลุ่มหลงและหลงใหลนั้นทำให้ผู่ตานขนลุกซู่ไปทั้งตัว
“เขาให้ข้าเลือกได้ตามใจชอบ”
“ที่ไหน…” เล่อเหอเอ่ยได้เพียงคำเดียวก่อนจะเข้าใจทันที ต้องเป็นคนที่ปากถูกเย็บปิดแน่นอน!
หากรู้แต่แรกว่าพี่สาวร่างแบนไม่น่าไว้ใจเช่นนี้ เขาควรไปพึ่งพาคนหนังกระดาษผู้นั้นแทนแล้ว!
“นี่คือกระบี่เซียนชั้นเลิศหรือ?” อดีตเจ้าอาวาสที่หลับตาอยู่ถูกแสงจากกระบี่บังคับให้ต้องลืมตาขึ้น
“ถือว่าเจ้ารู้จักของดีอยู่บ้าง” เล่อเหอใช้ใบหน้าถูไถกระบี่เซียนในอ้อมอกไม่หยุด
“อ่อนแอเช่นนี้ ไม่คู่ควรเป็นเจ้าของข้า!”
กระบี่ในอ้อมอกของเล่อเหอพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว แต่ถูกผู่ตานดึงกลับมาได้ทันเวลา
“ตอนนี้ท่านบรรพจารย์อ่อนแอไปหน่อย แต่ท่านจะต้องกลับมาแข็งแกร่งแน่นอน เจ้าเชื่อข้าเถิด!”
เล่อเหอกระตุกมุมปาก ทำไมประโยคมันไม่ชวนให้รู้สึกดีเอาเสียเลย?
“อีกอย่าง หากตกไปอยู่ในมือของท่านก็ยังดีกว่าตกเป็นขยะไม่ใช่หรือ?” ผู่ตานพยายามโน้มน้าวกระบี่เล่มนั้น ที่เขาไปขุดคุ้ยมันออกมาจากกองขยะด้วยความยากลำบาก
กระบี่เซียนดูเหมือนจะเห็นด้วยกับคำพูดของผู่ตาน แม้ในใจไม่ได้ต่อต้านเล่อเหอมากนัก แต่มันยังเลือกที่จะไม่ไปอยู่ในมือของเล่อเหอ
“ขยะอะไรหรือ?”
ด้วยเหตุนี้ ผู่ตานจึงเล่าเหตุการณ์อันเจ็บปวดให้เล่อเหอฟัง
สมแล้วที่เป็นเทพคนหนังกระดาษที่อาศัยอยู่บนชั้นสูงสุด ของวิเศษเช่นนี้จะทำลายก็ทำลายได้ หากไม่ต้องการก็ยกให้ข้าแทนสิ!!
ผู่ตานก็อยากจะพูดเช่นนั้น
ภาพของทั้งสองที่เจ็บปวดพร้อมกัน ทำให้อดีตเจ้าอาวาสที่อยู่ข้าง ๆ ถึงกับพูดไม่ออก
“อ้อใช่! ข้าก็เตรียมของให้ท่านด้วย แต่ดูเหมือนจะเสียหายไปบ้าง”
ผู่ตานพูดพลางหยิบ… ไม้เท้าสีม่วงทองออกมา บนไม้เท้าประดับด้วยอัญมณีแปดเม็ด แต่ละเม็ดมีสีไม่เหมือนกัน แต่แสงที่เปล่งออกมากลับเป็นสีม่วงทองทั้งหมด
ส่วนที่บอกว่าเสียหาย เป็นเพราะบนไม้เท้านี้มีร่องรอยการทำลายอย่างรุนแรง
เมื่อไม้เท้าอันงดงามนี้ปรากฏขึ้น ดวงตาของอดีตเจ้าอาวาสเบิกกว้าง เขาจ้องมองอัญมณีบนไม้เท้าอย่างไม่วางตา พวกมันไม่ใช่อัญมณีธรรมดา แต่เป็นผลึกที่เกิดจากกระดูกมนุษย์
มีเพียงกระดูกของผู้บำเพ็ญวิถีพุทธที่มีพลังวิเศษสูงส่งเท่านั้นที่สามารถเปลี่ยนเป็นผลึกหลากสีได้ แต่ละเม็ดบรรจุความรู้ตลอดชีวิตของพวกเขา การได้รับเพียงหนึ่งเม็ดก็นับว่าเป็นพรจากพระพุทธเจ้าแล้ว แต่นี่เขาจะได้รับถึงแปดเม็ดในคราวเดียว?!
“เจ้าจะให้ข้าจริง ๆ หรือ?”
ผู่ตานรู้สึกเจ็บปวดใจนัก หากอยู่ในสถานที่ปกติ เขาคงนำไปประมูลแล้ว!
สิ่งที่เขาทำได้ตอนนี้คือพยายามรักษาชีวิตของเพื่อนร่วมทีมไว้ เหมือนที่ศิษย์น้องห้าทำ นางไม่เคยลืมพวกเขาเมื่อมีของดี ๆ
“เจ้ายังได้อะไรมาอีก…” เล่อเหอเพิ่งเริ่มพูด แต่รู้สึกว่านี่ไม่ถูกต้อง จึงเปลี่ยนประเด็น “ไม่ใช่ว่ายิ่งขึ้นไปชั้นบน พวกนั้นยิ่งอารมณ์ร้ายหรอกหรือ? ที่เขาใจดีอย่างนี้ ไม่ใช่เพราะมีแผนร้ายหรือจุดประสงค์แอบแฝงกระมัง?”
แผนร้ายยังไม่พบ แต่จุดประสงค์นั้นมีแน่นอน
จุดประสงค์ก็คือหลิงเยว่ไม่ใช่หรือ?
ที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่ได้ตอนนี้ก็เพราะพึ่งอาหารของศิษย์น้องหลิงและ… ชื่อเสียงของเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ผู่ตานรู้สึกหดหู่ใจยิ่งนัก เขาสงสัยว่าเมื่อไหร่เขาจะไม่ต้องพึ่งพาการปกป้องของศิษย์น้องร่วมสำนัก และกลับกลายเป็นผู้ปกป้องนางได้เสียที
“ท่านคิดมากเกินไปแล้ว ถึงแม้จะมีแผนร้ายจริง แต่คงไม่ได้มุ่งเป้ามาที่พวกเราหรอก…”
“งั้นคงเป็นเสี่ยวเยว่แน่นอน” เล่อเหอไม่ใช่คนโง่ เขาเข้าใจประเด็นสำคัญอย่างรวดเร็ว
ผู่ตาน “…”
“คงจะ… ไม่หรอก?” ผู่ตานไม่เคยคิดถึงประเด็นนี้มาก่อน แต่หลังจากที่เล่อเหอพูดเช่นนี้ พวกเขาอาจกลายเป็นจุดอ่อนที่ใช้ควบคุมศิษย์น้องได้จริง ๆ
“แล้วพวกเราจะทำอย่างไรดี? หนีไปดีไหม?”
หนี?
จะหนีไปที่ไหนได้?
อย่าลืมว่าพวกเขาถูกทำเครื่องหมายไว้แล้ว ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าถูกทำเครื่องหมายไว้ตรงไหน และจะกำจัดเครื่องหมายนั้นได้อย่างไร? พวกข้าไม่รู้อะไรเลยแม้แต่น้อย
เล่อเหอถอนหายใจ “หากถึงคราวนั้นจริง คงต้องหาโอกาสจบชีวิตตัวเองเสีย”
พวกเขาต้องไม่เป็นภาระให้หลิงเยว่และโม่จวินเจ๋อเด็ดขาด
ตอนนี้พวกเขาทั้งสองคือความหวังเดียวของพวกเราแล้ว…
“อืม” ผู่ตานพยักหน้าอย่างจริงจัง
สายตาของพวกเขาจับจ้องไปที่ยอดวิหารพร้อมกัน
“ท่านบรรพจารย์ โปรดรักษาตัวด้วย!”
ผู่ตานทิ้งคำพูดนี้ไว้แล้วส่งตัวเองไปอยู่ข้างศพปากเย็บในทันที
ประตูห้องด้านหลังอดีตเจ้าอาวาสและเล่อเหอถูกเปิดออก พี่สาวศพแบนปรากฏตัวขึ้น
“สงครามนรกที่เจ้าพูดถึงกำลังจะเริ่มขึ้นแล้วใช่หรือไม่?”
เล่อเหอรีบเอ่ยปากถาม ที่จริงไม่จำเป็นต้องให้พี่สาวศพแบนตอบ บรรยากาศอันหนักอึ้งบ่งบอกแล้วว่ากำลังจะมีพายุใหญ่ปะทุขึ้น
“อืม” พี่สาวศพแบนและคนหนังกระดาษคนอื่น ๆ ต่างจ้องมองไปยังชั้นบนสุดอย่างไม่วางตา
ชั้นบนสุดนี้ไม่ใช่ชั้น 144 แต่เป็นชั้น 145 ที่ปรากฏขึ้นมาลอย ๆ
หลังจากชั้น 145 ชั้น 146 และ 147 ก็ปรากฏขึ้นมา
ในขณะที่อดีตเจ้าอาวาสและเล่อเหอมองหน้ากันอย่างงุนงง ทั้งวิหารพลันสั่นสะเทือน จนทั้งสองต้องกอดเสาไว้แน่นเพื่อไม่ให้ถูกเหวี่ยงลงไป
ความรู้สึกนี้ราวกับว่ากำลังจะมีสิ่งมหึมาบางอย่างปรากฏตัวขึ้น
“กำลังจะเริ่มแล้ว…”
พี่สาวศพแบนพึมพำ
……….