ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 487 ไม่ต้องแล้ว ข้าขอมอบให้เจ้า
บทที่ 487 ไม่ต้องแล้ว ข้าขอมอบให้เจ้า
สิ่งที่เรียกว่าตัวมหึมานั้นได้ปรากฏขึ้นแล้ว
ซึ่งแตกต่างจากสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่ที่พวกเขาจินตนาการไว้ เพราะมันกลับเป็นวิหารสีทองเข้มหลังหนึ่ง มันลอยอยู่เหนือวิหารเชิญเซียนหรือวิหารทำลายเทพ ชั้นที่เพิ่มขึ้นมานั้นคือส่วนของวังหลังนี้ทั้งหมด
“อักษรนั้นอ่านว่าอย่างไร…”
เล่อเหอและคนอื่น ๆ ถูกป้ายชื่อบนวิหารทำให้งงงวย ในขณะเดียวกัน เพียงแค่มองดูแวบเดียว ก็รู้สึกว่าวิญญาณของตนเองถูกบางสิ่งฉีกกระชาก เจ็บปวดจนแทบจะกรีดร้อง
เขาอดทนเอาไว้ได้ แต่ ‘ผู้มาใหม่’ บางส่วนในชั้นอื่น ๆ ต่างทนไม่ไหวและร้องออกมา จากนั้นก็ตามมาด้วยการสูญสลายทั้งร่างและวิญญาณ
พวกเขาหายไปต่อหน้าต่อตาทุกคน
ไม่ใช่สิ พวกเขาไม่ได้หายไป แต่กลายเป็นพลังแห่งความตายแล้วถูกกลืนไปในอากาศ
ภาพนี้ทำให้ผู่ตานและคนอื่น ๆ ตกตะลึง เพียงแค่กวาดตามองตัวอักษรบนวิหารสีทองเข้มแวบเดียว ถึงกับต้องตายเลยหรือ?
ช่างน่ากลัวเหลือเกิน…
“เจ้ายังอยากรู้ว่าอักษรสามตัวนั้นอ่านว่าอย่างไรหรือไม่?” พี่สาวศพแบนเอียงศีรษะถามเล่อเหอที่ยืนงงอยู่
“จนถึงตอนนี้ข้ายังไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนเลย”
ก่อนที่เล่อเหอจะส่ายหัว พี่สาวศพแบนก็พูดต่อ สายตาของนางกล้าหยุดอยู่ที่อักษรนั้นเพียงชั่วขณะ แล้วรีบเบือนสายตาไปอย่างรวดเร็ว
พวกคนหนังกระดาษคนอื่นก็เช่นกัน ส่วนใหญ่แม้แต่จะเงยหน้ายังไม่กล้า เพราะกลัวว่าจะถูกอักษรนั้นทำลาย
“!!!”
อดีตเจ้าอาวาสและเล่อเหอรู้สึกสะเทือนใจนัก แม้แต่พี่สาวศพแบนที่อาศัยอยู่ชั้นหกยังไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน พวกเขาที่อยู่ชั้นล่างสุดในสนามรบมหากาฬที่กำลังจะเริ่มขึ้นนี้จะรอดชีวิตได้จริงหรือ?
แล้วพี่สาวศพแบนจะสามารถปกป้องพวกเขาได้จริงหรือ?
ช่างเถอะ พึ่งพาตนเองดีกว่าพึ่งพาผู้อื่น
ตอนนี้เล่อเหอได้แต่หวังพึ่งกระบี่อันล้ำค่าของตน บางทีเขาอาจจะรอดชีวิตก็ได้
และวิหารเชิญเทพหรือวิหารเชิญปีศาจที่ควรจะปรากฏขึ้นแต่เนิ่น ๆ กลับไม่ปรากฏให้เห็นตามเวลาที่ควรจะเป็น
แปลกนัก…
เหล่าผู้ยิ่งใหญ่ชั้น 144 เหลือบมองขึ้นไปครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ยังคงไม่เห็นประตูวิหารเปิดออก
ผู่ตานก็ทนไม่ไหว จึงถามคำถามเดียวกับเล่อเหอ
สายตาของทั้งสามพุ่งมาที่ผู่ตานพร้อมกัน ดวงตาเต็มไปด้วยความหมายลึกซึ้ง ราวกับว่าสามคำนี้เป็นสิ่งต้องห้าม หากเอ่ยออกมาจะเป็นการลบหลู่
หรือว่าพวกเขาก็ไม่รู้จักเช่นกัน?
ผู่ตานที่ไม่เข้าใจสายตาของทั้งสามคน ความคิดค่อย ๆ ล่องลอยไปยังสีทองเข้มตรงหน้า แน่นอนว่าเขาไม่กล้ามองขึ้นไป เพราะชีวิตของเขามีค่ายิ่งนัก
“เกิดอะไรขึ้น?”
“วิหารเชิญปีศาจเกิดความผิดปกติอะไรหรือ ถึงทำให้วิหารสีทองไม่เปิด?”
“คงเป็นเช่นนั้นกระมัง?”
คนหนังกระดาษมีแววตาเต็มไปด้วยความปรารถนา แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะไม่ใช่ทั้งคนหรือผี และถูกกักขังอยู่ที่นี่มาเป็นเวลานาน แต่หากสามารถมีชีวิตรอดได้ ใครเล่าจะอยากตาย?
บางทีหากมีชีวิตอยู่นานพอ อาจมีโอกาสได้ออกไปเห็นแสงอาทิตย์ เห็นโลกผู้บำเพ็ญเซียนที่เคยเป็นมาก่อน…
นี่เป็นความคิดของคนหนังกระดาษทั้งหมด รวมถึงสามผู้ยิ่งใหญ่ที่อาศัยอยู่ชั้น 144 ด้วย
ตอนนี้โอกาสได้มาถึงแล้ว เพียงแค่เมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์เติบโตสำเร็จ…
ทั้งสามคนยังไม่รู้ว่าเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ที่ปรากฏในวิหารทำลายเทพนั้นไม่สมบูรณ์ พวกเขาคิดถึงแต่การรอให้นางดูดซับพลังแห่งความตายให้เพียงพอ เติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่ แล้วชำระจิตวิญญาณ มอบร่างกายให้พวกเขา แล้วช่วยพวกเขาออกจากคุกขนาดมหึมานี้
จินตนาการช่างงดงาม… แต่น่าเสียดายที่ประตูวังสีทองเข้มยังไม่เปิดและเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ก็ยังไม่ปรากฏตัว
ขณะนี้พลังแห่งความตายในวิหารทำลายเทพหรือวิหารเชิญเซียนเกือบหมดลงแล้ว และวิหารเชิญเทพหรือวิหารเชิญปีศาจที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็เช่นกัน
ดูเหมือนว่าพลังแห่งความตายจากวังสองแห่งนั้นยังไม่เพียงพอที่จะหล่อเลี้ยงต้นไม้แห่งชีวิตให้เติบโตเต็มที่
เมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ครึ่งหนึ่งที่รู้สึกว่าพลังแห่งความตายค่อย ๆ ลดลงก็เริ่มคลุ้มคลั่ง “ขอเพิ่มอีกหน่อย ข้าใกล้จะเติบโตเต็มที่แล้ว!”
ทันใดนั้น หัวใจของเทพปีศาจที่ก็เจ็บปวดขึ้นมา เขาล้มลงพลางกุมหัวใจแน่น ใบหน้าซีดเผือด ผิวที่เคยปกติค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีเทา เส้นเลือดบนผิวหนังที่เคยเรียวยาวก็พองขึ้น
หากมีผู้สังเกตการณ์ในตอนนี้จะเห็นว่าเส้นเลือดที่แผ่ขยายนั้นดูคล้ายลายใบไม้ ส่วนเส้นเลือดที่หนากว่าก็ดูคล้ายกิ่งไม้ ลำตัวสีเทาของเทพปีศาจปรากฏขึ้นมาอย่างเลือนราง
นาง… ต้องการกลืนกินเขา!
นี่อยู่ในความคาดหมายของเทพปีศาจ แต่เขาจะยอมให้เมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์กลืนกินได้อย่างไร?
ร่างแยกทั้งห้าที่เขาหลอมรวมเข้ากับร่างกายปรากฏขึ้นอีกครั้ง พวกเขาพาวิญญาณของเทพปีศาจออกไปทันทีที่ปรากฏตัว ทิ้งไว้เพียงร่างไร้วิญญาณให้กับเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ที่คลุ้มคลั่ง
ส่วนหัวใจที่เขาทุ่มเทดูแลอย่างดีนั้น เทพปีศาจไม่มีความอาลัยแม้แต่น้อย
มันเป็นเพียงหัวใจที่ถูกพิษแห่งความตายทำให้เน่าเสียเท่านั้น แม้ไร้หัวใจเขาก็ยังมีชีวิตอยู่ได้!
เพียงแต่อาจเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้ ถึงราคาที่ต้องแลกจะแพงลิบ แต่ยังดีกว่าตกเป็นอาหารของเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์มิใช่หรือ?
ร่างแท้จริงของเทพปีศาจเหี่ยวแห้งและกลายเป็นเถ้าถ่านอย่างรวดเร็ว มีเพียงเนื้อหนังบริเวณอกที่ยังคงสภาพสมบูรณ์
“เจ้าแน่ใจหรือว่าไม่ต้องการหัวใจดวงนี้แล้ว?”
เมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ลอยอยู่ไม่ไกลจากร่างแยกทั้งห้า แม้นางจะไร้ดวงตา แต่ร่างแยกทั้งห้าก็รู้สึกได้ว่านางกำลังมองพวกเขาอยู่
“ข้าไม่ต้องการ ขอมอบให้เจ้าแล้วกัน” เทพปีศาจที่ยืนอยู่ตรงกลางไม่แสดงความอาลัยอาวรณ์ต่อหัวใจของตนเอง สายตาที่มองหัวใจนั้นกลับเหมือนกำลังมองสิ่งสกปรก
อาจกล่าวได้ว่าเขาทุ่มเทและเสียสละอย่างยิ่ง
“ข้าสามารถช่วยเจ้าหาเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์อีกครึ่งได้ เพียงแค่ให้ข้ากลืนกินร่างแยกอีกสี่…”
“ไม่จำเป็นต้องช่วย” เทพปีศาจตัดบทก่อนที่เมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์จะพูดจบ ร่างแยกทั้งเจ็ดที่เป็นตัวแทนของอารมณ์ทั้งเจ็ดนั้น ล้วนเกิดจากการแยกวิญญาณและร่างกายของเขา ทนทุกข์ทรมานเกินกว่าที่คนธรรมดาจะทนได้ จะให้นางกลืนกินง่าย ๆ หรือ?
ฝันไปเถอะ!
การสละร่างแยกและหัวใจทำให้เขาเจ็บปวดมากพอแล้ว การสละ ‘ตัวเขา’ อีกสี่คนคงไม่ต่างอะไรกับการเอาชีวิตเขาไปเลย เทพปีศาจไม่ได้โง่ขนาดนั้น
“หากเจ้าอยากได้จริง ๆ ก็มาแย่งเอาสิ”
หัวใจต้นไม้สีเทาหยุดเต้นเพียงชั่วขณะ เทพปีศาจผู้มีสายตาเฉียบคมยิ้มออกมา
“ไม่มีความสามารถพอสินะ?”
เมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์หัวเราะเยาะ รู้แล้วจะเป็นไร นี่เป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้น รอให้นางเติบโตสำเร็จ อย่าว่าแต่เทพปีศาจห้าตนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเลย ต่อให้มีห้าหมื่นหรือห้าแสนตน นางก็สามารถทำลายได้ในพริบตา!
“เช่นนั้น ข้าจะไปแย่งเอง”
ทันทีที่เทพปีศาจล้มลง ร่างแยกทั้งสี่ก็เคลื่อนไหวพร้อมกัน
ในเมื่อเขาไม่ได้ เขาก็จะทำลายนางเสีย!
ด้วยความสามารถของเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์อีกครึ่งหนึ่ง แม้ไม่มีครึ่งนี้ ก็ต้องช่วยเขาสร้างโลกได้อย่างแน่นอน!
……….