ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 490 มันมีสิทธิ์อะไรที่จะบ้าคลั่ง?
บทที่ 490 มันมีสิทธิ์อะไรที่จะบ้าคลั่ง?
ต้นไม้ยักษ์สีเทาขาวครึ่งต้นยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง มันแทงทะลุเมฆหมอกและยังคงยืดสูงขึ้นไปอีก
ก่อนหน้านี้สัตว์ประหลาดที่มีสายตาเฉียบคม รวมถึงโม่จวินเจ๋อได้เห็นภาพกิ่งไม้ม้วนตัว ‘คน’ ผ่านช่องว่างระหว่างใบไม้ ซึ่งไม่ใช่การมองผิด แต่มันเป็นเรื่องจริง!
ร่างแยกของเทพปีศาจทั้งสี่ไม่เพียงถูกม้วนขึ้นมา แต่ยังถูกกิ่งไม้อื่นฟาดด้วย ส่วนร่างแท้ของเทพปีศาจที่เปลี่ยนร่างและอยู่ในช่วงอ่อนแอนั้น ไม่รู้ว่าหลบไปที่ใด ถึงโชคดีที่ไม่ตกอยู่ในกิ่งอาถรรพ์ของต้นไม้
แล้วตอนนี้เทพปีศาจหลบไปที่ไหนล่ะ?
แน่นอนว่าเขาซ่อนตัวอยู่ในมุมเล็ก ๆ ของวิหารเชิญเทพ ซึ่งเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ไม่สามารถตรวจจับได้
เนื่องจากการต่อสู้ระหว่างหัวใจหนึ่งดวงกับร่างแยกทั้งสี่ ทำให้วิหารเชิญเทพกลายเป็นซากปรักหักพัง วิหารสีทองเข้มก็ยังไม่ปรากฏ ตอนนี้พวกปีศาจชั้นบนดูสีหน้าเจ็บปวดเล็กน้อย
พวกเขายังบอกว่าหลังจากฉากวุ่นวายสุดขีดจบลงแล้วทั้งสี่คนที่ต่อสู้อยู่ชั้นล่างยังมีชีวิตอยู่ก็จะรับมาเป็นข้ารับใช้ แต่ผลคือแม้แต่พวกเขาทั้งสี่ร่วมมือกันก็ไม่สามารถทำให้วิหารเชิญเทพพังเสียหายได้ขนาดนี้
การโจมตีของพวกเขาสามารถหลบหลีกกำแพงป้องกันและโจมตีวิหารได้ ตอนนี้ประตูห้องด้านหลังล้มบ้างพังบ้าง บางส่วนแตกเป็นผุยผง ราวกับถูกพายุพัดผ่าน เครื่องประดับและเตียงชั้นสูงพังหมด รวมถึงคนหนังกระดาษที่เปราะบางก็กลายเป็นพลังแห่งความตายทันที
คนหนังกระดาษของเผ่าปีศาจเข้าใจผิดเกี่ยวกับร่างแยกของเทพปีศาจ ผู้ที่ก่อเรื่องทั้งหมดนี้คือเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ที่บ้าคลั่ง พวกเขา… ยังไม่มีความสามารถที่จะหลบหลีกกำแพงป้องกันและทำลายวิหารเชิญเทพได้
แต่ต้นไม้ยักษ์สีเทาขาวครึ่งต้นที่ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน มันสามารถเดินออกจากวิหารใหญ่และเติบโตภายนอกได้ ช่างเหลือเชื่อเหลือเกิน!
“หากเป็นเช่นนี้ต่อไป พวกเจ้าคิดว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ที่วิหารเชิญเทพจะพังทลายลงมา แล้วพวกเรา…”
“ตายตามไปด้วย”
หนึ่งในผู้นำปีศาจที่ถูกขัดจังหวะสีหน้าบึ้งตึง จ้องมองร่างกระดาษที่มีแขนขายาวเรียว ลำตัวเล็กเท่ากำปั้น ไร้ศีรษะที่อยู่ข้างกายด้วยสายตาเย็นชา
ร่างไร้ศีรษะไม่ได้หวั่นเกรงต่อสายตาอันเยือกเย็นของปีศาจตรงหน้า กลับกล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นมิตรว่า “หรือเจ้าจะคิดอย่างไร้เดียงสาว่าหากวิหารพังทลาย พวกเราจะได้อิสรภาพกลับคืนมา?”
ผู้นำปีศาจอีกสองคนที่ไม่ได้พูดอะไรหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้
“หัวเราะอะไรกัน ข้าต้องกลายเป็นพลังแห่งความตาย พวกเจ้าคิดว่าจะหนีพ้นหรือ?” ร่างไร้เดียงสาตอบกลับอย่างเย็นชา แน่นอนว่าคำพูดนี้มีพลังทำลายล้างมหาศาล พวกเขาล้วนอยู่ในระดับเดียวกัน หากผู้ใดที่ต้องกลายเป็นพลังแห่งความตาย พวกเขาคงยากจะหลีกหนี
เพียงแต่จะดิ้นรนได้นานกว่าพวกสัตว์ประหลาดชั้นล่างเท่านั้น ผลลัพธ์สุดท้ายคงไม่แตกต่างกัน
ครึ่งหนึ่งของต้นไม้ที่คลุ้มคลั่งไม่หยุดแทรกกิ่งก้านเข้าไปในวิหาร ทุกที่ที่กิ่งและใบสีเทาขาวไปถึง ทั้งสิ่งก่อสร้างและ ‘ร่างกระดาษ’ ต่างละลาย พวกเขาที่ตายอย่างไม่เต็มใจยังต้องกลายเป็นอาหารให้ต้นไม้แห่งความแค้น ช่างโหดร้ายเหลือเกิน!
เทพปีศาจที่เฝ้ามองเหตุการณ์นี้ม่านตาพลันหดลง พยายามย่อร่างให้เล็กที่สุด เกือบจะฝังตัวเองเข้าไปในมุมห้องอยู่แล้ว
เขารู้ว่าต้นไม้แห่งความตายนี้กำลังพยายามหาตัวเขา ฮึ… แม้จะไม่สามารถใช้พลังได้ แต่เทพปีศาจย่อมมีเคล็ดลับในการซ่อนตัวเอาชีวิตรอดเป็นของตัวเอง หากไม่มีความสามารถเพียงเท่านี้ จะปกครองปีศาจทั้งสามภพได้อย่างไร?
เมื่อค้นหาร่างแท้ของเทพปีศาจไม่พบ ต้นไม้สีเทาขาวยิ่งคลุ้มคลั่ง ลำต้นของมันเริ่มเปล่งแสงสีแดง เห็นได้ชัดว่าถูกครอบงำด้วยพลังแห่งความตายแล้ว
เทพปีศาจหัวเราะเยาะในใจ มันมีสิทธิ์อะไรมาคลุ้มคลั่ง?
ผู้ที่ควรคลุ้มคลั่งคือเขาต่างหาก หัวใจของเขาถูกชิง ร่างกายถูกกลืนกิน แถมร่างแยกอีกสี่ร่างก็ตกอยู่ในอันตราย
หากสถานการณ์เอื้ออำนวย เทพปีศาจอยากจะคลุ้มคลั่งให้ต้นไม้ตายนั่นดูเดี๋ยวนี้ แต่เขายังรู้ดีว่า แม้ร่างทั้งห้าจะรวมกัน เมื่อสูญเสียหัวใจไปแล้วก็ไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของต้นไม้บ้าคลั่งนั่นได้
ตอนนี้โอกาสเดียวคือ ดูว่าต้นไม้ตายนั่นจะสามารถใช้ร่างแท้ของมันทะลุท้องฟ้า เปิดเส้นทางเทพสายที่สามได้หรือไม่ เพียงแค่เส้นทางที่สามปรากฏ เขาก็จะสามารถรวมร่างกับร่างทั้งหกในแดนเทพได้
เขาไม่เชื่อหรอกว่าพลังของร่างทั้งสิบเอ็ดร่างจะไม่สามารถฆ่าต้นไม้ที่ถูกครอบงำด้วยพลังแห่งความตายได้
เทพปีศาจที่ขดตัวเป็นก้อนรู้สึกว่าแท้จริงแล้วพวกเขาเป็นพวกเดียวกัน แต่ทำไมจู่ ๆ เขาถึงรู้สึกดูถูกต้นไม้ต้นนี้ขึ้นมา?
ต้องเป็นเพราะอิทธิพลของเมล็ดอีกครึ่งหนึ่งแน่ ๆ!
ต้องเป็นอย่างนั้นแน่นอน!
วิหารเชิญเทพกำลังพังทลาย การถล่มของสิ่งก่อสร้างมหึมานี้ทำให้พื้นดินสั่นสะเทือนรุนแรงขึ้น แล้วส่งผ่านมายังวิหารทำลายเทพ จากนั้นทั้งโลกผู้บำเพ็ญเซียนพลอยสั่นสะเทือนไปด้วย
พวกคนตายบางส่วนถูกสั่นสะเทือนจนกลายเป็นของเหลวสีน้ำตาลเข้ม คราวนี้ของเหลวนั้นไม่ได้ไหลออกมาช้า ๆ แต่กลับกลายเป็นพลังแห่งความตาย ถูกดูดกลืนโดยสีเทาขาวที่กำลังจะทะลุสู่ท้องฟ้า แม้แต่ส่วนของพลังแห่งความตายที่เป็นของหลิงเยว่ก็ถูกฉกชิงไปด้วย
ครึ่งหนึ่งกำลังจะครอบครองโลกผู้บำเพ็ญเซียนแล้ว ส่วนอีกครึ่งกลับมีพลังไม่เพียงพอ
โม่จวินเจ๋อเฝ้ามองปฐมวิญญาณในร่างอย่างเงียบ ๆ พลังแห่งความตายปกคลุมแน่นหนา ผิวกายเป็นสีเทาซีด หากไม่ใช่เพราะแก่นปราณแสงและการปกป้องจากร่างแท้ของหลิงเยว่ บางทีตอนนี้…
โม่จวินเจ๋อละสายตาแล้วมองไปยังประตูใหญ่ที่เปิดออก กิ่งก้านสีเทาขาวกำลังจะแผ่มาถึงที่นี่แล้ว ทันใดนั้นรากใหญ่ก็ผุดขึ้นมาจากพื้นดิน ในขณะที่มันกำลังจะฟาดใส่วิหารทำลายเทพ ประตูใหญ่ก็ปิดลงอย่างรวดเร็ว จากนั้นราวกับมีขาขึ้นมาจากด้านล่างนับไม่ถ้วน…
โม่จวินเจ๋อรู้สึกได้ว่าวิหารทำลายเทพกำลัง ‘หนี’ ช่างเป็นประสบการณ์ที่น่าอัศจรรย์นัก!
พวกที่ถูกพาวิ่งไปด้วยแทบจะรักษารูปร่างไว้ไม่ได้ คนหนังกระดาษส่วนใหญ่ล้มลุกคลุกคลาน พวกเขาที่แต่เดิมก็น่าเกลียดอยู่แล้ว ยิ่งดูน่าเกลียดมากขึ้นไปอีก
ส่วนเล่อเหอ ผู่ตาน และคนอื่น ๆ ที่มาใหม่ยิ่งน่าสงสารกว่า พวกเขาลอยไป แล้วถูกเหวี่ยงกลับมากลางอากาศ บ้างถูกเหวี่ยงใส่ประตู แล้วถูกแรงผลักออกมาอย่างแรง
สมแล้วที่เป็น… สนามรบนรก
เดิมทีผู่ตานที่บาดเจ็บจากพลังแห่งสังหารแล้วได้ประสบกับเหตุการณ์น่าอัศจรรย์เช่นนี้อีกครั้ง ด้วยความอ่อนแอของเขาจึงไม่อาจทนรับได้อีกต่อไป
พี่ชายศพปากเย็บเกิดความเมตตา คว้าตัว ‘ข้ารับใช้’ ที่บินผ่านหน้าไว้ แล้วโยนลงเหยียบร่างอีกฝ่ายไว้ แม้จะพยายามเบามือแล้ว แต่ผู่ตานที่สลบไสลยังต้องกระอักเลือดออกมา
พี่ชายศพปากเย็บยังอยากจะบ่นอีกครั้ง แต่ถึงเขาจะพูดอย่างไร เจ้านกตัวนี้ก็คงไม่ได้ยินอยู่ดี
ต้นไม้สีเทาครึ่งหนึ่งข้างนอกนั่นเป็นเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์หรือไม่?
มันถูกมลพิษเข้าครอบงำเสียแล้ว…
เมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ถูกตัดเป็นสองซีกหรือ?!
พี่ชายศพปากเย็บแน่ใจว่าชายหญิงที่อยู่ชั้นล่างของตึกเป็นเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ไม่ผิดแน่ แต่ไม่คาดคิดว่านางจะเป็นเพียงครึ่งเดียว
หากเป็นเพียงครึ่งเดียว จะช่วยเหลือพวกเขาได้อย่างไร?
สิ่งเดียวที่น่ายินดีคือ ต้นไม้ในวิหารของพวกเขายังไม่ถูกพลังแห่งความตายเข้าครอบงำ บางทีพวกเขาอาจจะช่วยกู้สถานการณ์ได้อีกสักครั้ง…
“ให้ตายเถอะ! นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมถึงแตกต่างจากก่อนหน้านี้เล่า?”
มือหนึ่งจับเล่อเหอ อีกมือหนึ่งคว้าศีรษะโล้น ๆ ของพี่สาวศพแบนไว้
ที่ว่ากันว่าจะเป็นฉากอันน่าสยดสยองในนรก เหตุใดจึงกลับกลายเป็นหนีเอาตัวรอดเล่า?
ใครสักคนช่วยอธิบายให้นางเข้าใจด้วย…
……….