ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 491 จำเป็นขนาดนั้นเลยหรือ?
บทที่ 491 จำเป็นขนาดนั้นเลยหรือ?
ไม่มีผู้ใดอธิบายให้พี่สาวศพแบนฟัง ทุกคนต่างงุนงงสับสน รวมถึงสามผู้ยิ่งใหญ่แห่งวิหารทำลายเทพด้วย พวกเขาเพิ่งเคยเจอสถานการณ์เช่นนี้เป็นครั้งแรก
“พวกเจ้าไม่รู้เรื่องด้วยหรือ?” ผู่ตานที่ถูกพี่ชายศพปากเย็บเหยียบอยู่ใต้เท้าถามด้วยความตกใจ ขณะกระอักเลือดออกมาเป็นระยะ
“ไม่รู้แล้วแปลกหรือ?” พี่ชายศพร่างผอมเอียงศีรษะน้อย ๆ
“พวกท่านอยู่ในวิหารทำลายเทพมาแล้วอย่างน้อยหนึ่งแสนปีใช่หรือไม่? ในช่วงหนึ่งแสนปีนี้ไม่เคยมีการเปลี่ยนแปลงแปลก ๆ เกิดขึ้นเลยหรือ?”
“ก็มีอยู่ แต่ว่า… มันไม่เหมือนกับสถานการณ์ตอนนี้”
พี่ชายศพร่างกลมพูดจบ วิหารที่กำลังหนีอยู่พลันสั่นสะเทือนขึ้นมาทันที พี่ชายศพร่างผอมก็สั่นตามไปด้วยราวกับถูกใครตบหน้าอย่างไรอย่างนั้น
แต่ก็ถูกตบจริง ๆ นั่นแหละ รากของต้นไม้สีเทาขาวครึ่งต้นไล่ตามวิหารทำลายเทพไม่ลดละ พอมีโอกาสก็ใช้รากหนา ๆ ฟาดจนเกิดรอยสีเทาขาวเป็นทางยาว หากมองดี ๆ จะเห็นรอยแตกร้าวเล็ก ๆ ปรากฏขึ้น และรอยแตกร้าวนี้ก็ปรากฏบนตัวพี่ชายศพร่างผอมด้วย แน่นอนว่าไม่ใช่แค่เขาคนเดียว…
ผ่านรูใหญ่นี้ไป พวกคนหนังกระดาษสามารถมองเห็นท้องฟ้าภายนอกได้อย่างชัดเจน พวกเขาไม่ได้เห็นท้องฟ้ามานานมากแล้ว ความรู้สึกที่ได้เห็นโลกภายนอกช่างดีเหลือเกิน
พวกคนหนังกระดาษเพิ่งจะรู้สึกซาบซึ้งใจก็มีรากสีเทาขาวที่กว้างกว่ารูใหญ่แทรกลงมา ทำให้รูใหญ่ยิ่งกว้างขึ้นไปอีก…
รากที่เข้าสู่วิหารสำเร็จแยกออกเป็นรากนับพัน พวกมันแผ่ขยายอย่างรวดเร็ว พวกคนหนังกระดาษที่ตอบสนองช้าถูกรากแทงทะลุร่างทันที ร่างกายที่แบนราบอยู่แล้วยิ่งแบนราบลงไปอีก พร้อมกับประกายในดวงตาที่ดับลง…
แผ่นหนังคนบาง ๆ หมุนวนในอากาศ แล้วค่อย ๆ ตกลงบนพื้น โดยไม่มีเสียงแม้แต่น้อย
เมื่อมีกระดาษหนังคนแผ่นแรก ก็จะมีแผ่นที่สอง ที่สาม… มากมายจนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น
รากสีเทาขาวดูเหมือนจะยึดครองวิหารเชิญเทพทั้งหมดในพริบตา พวกมันปรากฏอยู่ทุกหนแห่ง ไม่ว่าพวกกระดาษหนังคนจะหลบไปที่ใด ก็ถูกค้นพบและถูกกลืนกินอย่างแม่นยำ!
สถานการณ์เช่นนี้ช่างน่ากลัวและทำให้พวกคนหนังกระดาษรู้สึกสิ้นหวังยิ่งกว่าสนามรบนรกที่เปิดทุกสองหมื่นปีเสียอีก นี่คือการปิดโอกาสรอดตายของพวกเขาใช่ไหม?
แน่นอนว่าพวกคนหนังกระดาษต่างต่อต้าน แต่การต่อต้านของพวกเขาไม่เพียงแต่ไม่ทำให้พวกมันบาดเจ็บ ซ้ำร้ายพลังของพวกเขายังถูกดูดซับแล้วดีดกลับเข้าหาตัวอีก
การตายด้วยการโจมตีของตัวเอง แล้วถูกรากแทงทะลุร่างเป็นวิธีการตายที่พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อน
ในวิหาร คนหนังกระดาษมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนตัวต้นเหตุนั้นค่อย ๆ วิวัฒนาการจากสีเทาขาวกลายเป็นสีเทาเข้ม มันแข็งแกร่งขึ้น ใหญ่โตขึ้น และสูงขึ้น…
ร่างแยกของเทพปีศาจที่ถูกกิ่งไม้พันธนาการและโบยตีไม่หยุด รู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย ก่อนหน้านี้ยังพอทนได้ แต่ตอนนี้แค่โดนตีเพียงครั้งเดียว วิญญาณก็แทบจะหลุดออกจากร่างแล้ว ช่างเจ็บปวดเหลือเกิน…
ร่างแยกทั้งสี่พร้อมใจกันส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือไปยังร่างหลัก
หากอีกฝ่ายไม่รีบเรียกพวกเขากลับไปรวมร่าง อีกไม่นานร่างหลักก็จะไม่มีร่างกายให้ใช้แล้ว!
พูดถึงเรื่องประหลาด นับตั้งแต่ถูกต้นไม้ครึ่งต้นนี้พันธนาการ พวกเขาได้ลองทุกวิธีเพื่อหลบหนี แต่ไม่มีวิธีใดใช้ได้ผล ต้องบอกว่าสมกับเป็นสิ่งที่วิวัฒนาการมาจากเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ มันช่าง… รับมือยากจริง ๆ!
เทพปีศาจที่ซ่อนตัวอยู่ในมุมได้ยินสัญญาณขอความช่วยเหลือจากร่างแยก แต่ตอนนี้เขายังแทบจะช่วยตัวเองไม่ได้แล้ว เพียงแค่หายใจ รากเหล่านั้นก็พร้อมจะพุ่งเข้ามาทะลวงร่างเขาทันที
แต่เขาไม่อาจทิ้งร่างแยกได้ ทุกครั้งที่สูญเสียร่างแยกไป พลังของเขาจะลดลงไปส่วนหนึ่ง แต่หากร่างแยกพิเศษตาย พลังของเทพปีศาจจะลดลงมากกว่าเดิมด้วย
ต้นไม้นั่นทำให้เขาสูญเสียร่างแยกพิเศษไปหนึ่งร่างและหัวใจที่สำคัญที่สุด ตอนนี้พลังของเขาได้ตกลงมาจากสถานะเทพแล้ว…
ไม่ได้! แม้จะรวมร่างกับสี่ร่างแยกก็ยังไม่เพียงพอ แถมมันอาจเป็นการเปิดเผยตัวตนของเขาอีกด้วย
เทพปีศาจกำลังลำบากใจ หากสูญเสียสี่ร่างแยกไป พลังของเขาคงจะตกจากขอบเขตเซียนสวรรค์ขั้นปลายลงมาเป็นมนุษย์เซียน ซึ่งนั่นคือพลังต่ำสุดของโลกผู้บำเพ็ญเซียน!
“รอให้นางดูดซับพลังแห่งความตายอีกสักหน่อย พอเปิดเส้นทางเทพเส้นที่สามได้แล้วค่อย…”
“รอไม่ไหว ข้าจะ… แย่แล้ว!”
ในบรรดาร่างแยกพิเศษที่ส่งเสียงมา ลมหายใจของเขาค่อย ๆ อ่อนแรงลง ดูเหมือนจะไม่ไหวแล้วจริง ๆ
เทพปีศาจกัดฟันรีบเรียกร่างแยกพิเศษกลับมาอย่างรวดเร็ว
สี่ร่างที่ถูกกิ่งไม้พันธนาการหายไป ในขณะเดียวกันกลิ่นอายร่างแท้ของปีศาจก็ถูกรากที่แผ่ไปทั่ววิหารเชิญเทพจับได้
พวกมันตัดสินใจทิ้งหุ่นกระดาษหนังคนตรงหน้า แล้วพุ่งไปยังชั้นล่างสุดทันที
หุ่นกระดาษหนังคนที่รอดพ้นจากหายนะแทบคุกเข่าบูชาผู้มีพระคุณที่ชั้นล่างสุดแล้ว แต่ตอนนี้คงไม่เหมาะเท่าไหร่นัก
พลังลึกลับที่ขัดขวางไม่ให้คนหนังกระดาษออกจากวิหารถูกทำลายโดยรากของต้นไม้สีเทาขาวแล้ว ประตูใหญ่ก็หายวับไปด้วย หากพวกเขาออกจากวิหารเชิญเทพหรือวิหารเชิญปีศาจได้ พวกเขายังมีความหวังที่จะรอดชีวิตบ้าง!
ใกล้แล้ว ใกล้แล้ว… อีกนิดเดียวก็จะออกไปได้แล้ว!
พวกคนหนังกระดาษวิ่งด้วยความเร็วสูงสุดในชีวิต แต่แล้วกลับมีลมพายุพัดกระหน่ำเข้ามาในวิหาร
คนหนังกระดาษที่อยู่ใกล้ประตูวิหารที่สุดถูกกิ่งไม้ใหญ่แทงทะลุในวินาทีที่ก้าวข้ามธรณีประตู คราวนี้คนหนังกระดาษถูกดูดกลืนจนไม่เหลือแม้แต่หนัง
คนหนังกระดาษคนที่สองที่หยุดไม่ทันก็พุ่งชนกิ่งไม้เข้าอย่างจัง และตายไปเป็นรายถัดมา
กิ่งไม้ที่กั้นประตูวิหารอย่างฉับพลันไม่ได้เพลิดเพลินกับร่างของคนหนังกระดาษ แต่กลับขยายเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว
พวกคนหนังกระดาษพยายามหลบให้กิ่งไม้ผ่านไป ผลคือกิ่งไม้ก็ไม่ได้ทำร้ายพวกเขาจริง ๆ!
แต่โชคร้ายคือ ประตูใหญ่ถูกกิ่งไม้ที่ใหญ่กว่าเติมเต็มไปหมดแล้ว พวกเขา… ออกไปไม่ได้
แต่ถ้ากิ่งไม้จัดการกับสิ่งที่อยู่ชั้นล่างแล้ว ผู้เคราะห์ร้ายต่อไปก็คือพวกเขาแน่นอน!
ประตูใหญ่มีกิ่งไม้ตกลงมา วิหารเชิญปีศาจที่กักขังคนกระดาษหลายแสนคนถูกกิ่งไม้ที่ผุดขึ้นมาอย่างฉับพลันทะลวงร่าง กิ่งไม้ที่แผ่กิ่งก้านสาขาทั้งหมดต่างไปรวมตัวกันที่ชั้นล่างสุด
เทพปีศาจ “…”
ต้นไม้นั่นจำเป็นต้องทำขนาดนี้เลยหรือ?
เดิมทีเทพปีศาจรู้สึกว่าการรับมือกับรากก็ยากลำบากอยู่แล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับกิ่งไม้ที่ล้อมรอบเข้ามาและยังแตกแขนงได้อีก สีหน้าของเขาพลันดำมืดราวกับหมึก ใครจะทนไหวเล่า?
แต่เขาต้องทนให้ได้!
เทพปีศาจที่หลบเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ ตัดสินใจเผชิญหน้ากับต้นไม้ต้นนั้น!
แสงสีดำมืดห่อหุ้มร่างของเทพปีศาจ กิ่งไม้และรากที่สัมผัสกับแสงสีดำหดตัวลงชั่วขณะหนึ่ง
เทพปีศาจฉวยโอกาสนี้กระโจนขึ้นไปบนกิ่งไม้ ก่อนที่กิ่งไม้จะทันตั้งตัว เขาก็เคลื่อนย้ายไปอีกกิ่งหนึ่งอย่างฉับพลัน ท่วงท่าของเขาดูคล่องแคล่วว่องไวยิ่งนัก