ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 494 ตอนนี้ก็ยังไม่สายเกินไป!
บทที่ 494 ตอนนี้ก็ยังไม่สายเกินไป!
ผู่ตานเห็นโม่จวินเจ๋อก็ชักเท้ากลับ แล้วรีบเร่งเร้า “ออกมาเร็ว ๆ สิ!”
เห็นได้ชัดว่าเขากระวนกระวายใจมาก
โม่จวินเจ๋อจึงยกเท้าขึ้นก้าวบนบันได
“ออกมาได้จริง ๆ ด้วย!”
แม้จะเป็นเพียงเท้าข้างเดียว แต่เพียงพอที่จะทำให้พี่ชายศพปากเย็บรู้สึกยินดีแล้ว
แล้ว… รอยยิ้มบนใบหน้าของพี่ชายศพปากเย็บก็แข็งค้าง โม่จวินเจ๋อถูกกำแพงผลักออกไป!
แม้จะเบามาก แต่อีกฝ่ายไม่สามารถก้าวขึ้นขั้นแรกได้สำเร็จ
“กายาต้านหายนะของข้าใช้ไม่ได้อีกแล้วหรือ!?”
ก่อนหน้านี้ในค่ายกลศพลอยน้ำก็ใช้ไม่ได้!
“ไม่ถึงกับใช้ไม่ได้ เพียงแต่ผลลัพธ์ไม่ชัดเจนเท่านั้นเอง”
อย่างน้อยก็สามารถก้าวเท้าออกไปได้หนึ่งข้าง
คำปลอบโยนของโม่จวินเจ๋อไม่ได้ทำให้หลิงเยว่รู้สึกดีขึ้นแต่อย่างใด ทำไมถึงออกไปได้แค่นั้นเล่า?
ในขณะที่ทั้งสองกำลังสงสัย วิหารที่กำลังวิ่งหนีกลับหยุดลงกะทันหัน จากนั้นประตูใหญ่ที่ปิดสนิทก็เปิดออกเป็นครั้งที่สาม
วัตถุขนาดมหึมาพุ่งเข้าหาโม่จวินเจ๋ออย่างรวดเร็ว ตามมาด้วยเสียงดังสนั่น ประตูปิดลงอีกครั้ง แล้ววิหารทำลายเทพก็ดำเนินการหลบหนีต่อไป
กิ่งไม้สีเทาเข้มขนาดใหญ่ที่ถูกตัดอย่างเรียบร้อยปักลงบนพื้น มีความสูงเกือบเท่ากับวิหารต้อนรับเทพ รอบ ๆ มีพลังแห่งความตายเข้มข้นลอยวนเวียนอยู่
โม่จวินเจ๋อที่คิดว่าเป็น ‘อีกครึ่ง’ ของหลิงเยว่ที่ไล่ตามเข้ามา รีบถอยหลังอย่างรวดเร็ว จากนั้นเงยหน้ามองกิ่งไม้
“วิหารทำลายเทพหมายความว่าอย่างไร?”
“อาจจะ… ต้องการให้เจ้าดูดซับกิ่งไม้เพื่อเติบโตได้เร็วขึ้น แล้วออกไปต่อสู้กับอีกครึ่งจนตาย?”
หลิงเยว่รู้สึกเป็นครั้งแรกว่าโม่จวินเจ๋อมีอารมณ์ขันอยู่บ้าง
ทั้งสองฝ่ายถูกมลทินกลายเป็นปีศาจ สูญเสียสติสัมปชัญญะแต่กลับเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลัง มีประโยชน์ยิ่งกว่าเครื่องจักรสังหารทั้งปวง!
อีกทั้งยังสามารถดูดซับบาปทั้งหมดได้ ใครบ้างจะไม่ชอบ?
“ข้าจะช่วยเจ้าเอง”
โม่จวินเจ๋อรู้ดีว่าตอนนี้มีเพียงหลิงเยว่เท่านั้นที่จะหยุดยั้งต้นไม้บ้าคลั่งด้านนอกได้ แม้แต่เทพปีศาจยังต้องหลบซ่อนอยู่ในวิหาร ส่วนตัวเขาที่ยังไม่ได้หลอมรวมกับร่างที่หลับใหลและสืบทอดสถานะเทพคงไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ได้
แม้จะมีคนช่วย หลิงเยว่ก็ไม่ได้เลือกที่จะดูดซับกิ่งไม้ที่ดูไม่ปกตินี้ในทันที เพราะรู้สึกว่าเหตุการณ์นี้ช่างประหลาดใจนัก
คนหนังกระดาษชั้นบนตกใจกับกิ่งไม้ที่ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน แม้แต่หนังที่หลุดร่วงก็ไม่มีเวลาไปเก็บ พวกเขาต่างจ้องมองกิ่งไม้ด้วยดวงตาเหม่อลอย
เพียงกิ่งไม้เดียวยังแข็งแรงถึงเพียงนี้ หากเป็นทั้งต้นจะไม่เต็มโลกผู้บำเพ็ญเซียนหรอกหรือ?
“รีบดูดซับเร็วเข้า!”
ครั้งนี้ศพปากเย็บรู้สึกร้อนใจ นิ้วมือที่เน่าเปื่อยชี้ไปที่กิ่งไม้ไม่หยุด ดวงตาเต็มไปด้วยความกังวล
มือของโม่จวินเจ๋อลูบกิ่งไม้ หลิงเยว่ที่อยู่ในร่างของเขาก็ทำท่าเดียวกัน ทั้งสองรวมเป็นหนึ่ง ดูดซับพลังแห่งความตายและ… พลังของต้นไม้เอง
เส้นสีทองเข้มกะพริบบนมือและใบหน้าของโม่จวินเจ๋อ สิ่งสกปรกและอารมณ์ด้านลบทั้งหมดในพลังแห่งความตายกำลังถูกชำระล้าง
เพราะการดูดซับของทั้งสอง พลังแห่งความตายสีเทาที่ล้อมรอบกิ่งไม้เลยจางลง
การดูดซับกิ่งไม้นี้ให้หมด ด้วยความเร็วของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ อาจต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือนกว่า!
ศพปากเย็บเลยไม่กลับไปชั้น 144 แล้วพาผู่ตานมารอที่บันไดเลย
ศพกลมและศพร่างไม้ไผ่ที่ได้ยินข่าว แม้จะมองไม่เห็นว่ามีอะไรที่ชั้นล่างสุด แต่ดูจากพฤติกรรมแปลก ๆ ของศพปากเย็บแล้วคงเดาได้ไม่ยาก
เมื่อเห็นทั้งสอง ศพปากเย็บสื่อสารกับพวกเขาว่า ตอนนี้เป็นช่วงสำคัญที่ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์กำลังเติบโต พวกเขาต้องทนรับความเจ็บปวดไว้ เพื่อคุ้มครองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์
ดูเหมือนวิหารทำลายเทพจะได้ยินเสียงวิงวอนของสามยอดฝีมือ จึงตอบสนองให้ทันที
ผู่ตานจึงได้เห็นพี่ชายศพที่ปากฉีกขาดเป็นรูมากมายจนเย็บไม่ทัน พี่ชายศพร่างผอมที่พยายามกินหนังตัวเองจนปากจะระเบิด และพี่ชายศพร่างกลมที่เก็บหนังที่ร่วงจากชั้นบนมาอุดรูและรอยแยกบนร่างกาย
แต่ความเสียหายที่ถูกถ่ายโอนไปยังคนหนังกระดาษคนอื่น ๆ ไม่ได้ลดลง กลับเพิ่มขึ้นกว่าเดิมเสียอีก
มือทั้งสองข้างของอดีตเจ้าอาวาสและเล่อเหอที่คอยเก็บและติดหนังคนจนตัวชาไปหมดแล้ว สายตายิ่งเหม่อลอยมากขึ้น
ต้นไม้สีเทาเข้มที่สูญเสียกิ่งไม้ไปหนึ่งกิ่งและรู้สึกได้ว่ากิ่งไม้กำลังถูกดูดซับ ยิ่งคลุ้มคลั่งมากขึ้น เพราะสิ่งเดียวในโลกนี้ที่สามารถดูดซับมันได้ก็มีเพียงอีกครึ่งหนึ่งของร่างกายเท่านั้น!
วิหารบ้านี่!
ต้นไม้สีเทาเข้มดึงกิ่งและรากทั้งหมดที่บุกรุกวิหารเชิญปีศาจกลับมา แล้วโจมตีวิหารทำลายเทพพร้อมกัน
รากที่แผ่ขยายไปทั่วพื้นดินผุดขึ้นมา กิ่งไม้แข็งแรงที่ยื่นออกมาเหมือนกรงเล็บล้อมรอบวิหารทำลายเทพไว้
ทั้งบนฟ้าและใต้ดิน รวมถึงอากาศ ถูกต้นไม้สีเทาเข้มยึดครองทั้งหมด กิ่งไม้พุ่งเข้าใส่วิหารทำลายเทพ ขณะที่รากก็ผุดขึ้นมาจากใต้ดินและแทงเข้าไปพร้อมกัน
ยังไม่ทันที่กิ่งไม้และหยั่งรากลึก ท้องฟ้ามืดครึ้มพลันฟาดสายฟ้าฝนลงมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย แต่ละสายหนาเท่ากับกิ่งไม้ อานุภาพรุนแรงยิ่งกว่าที่เคยมีมา!
วิถีสวรรค์ที่เงียบกริบ แกล้งทำเป็นหูหนวกตาบอดมาตลอด ในที่สุดก็ลงมือเสียที!
สายฟ้าไร้ความปรานีฟาดใส่ลำต้น ควันหนาทึบพวยพุ่ง แสงสายฟ้าวาบวับไม่หยุดก่อนจะถูกกลืนหายไป…
“ทนไม่ไหวแล้วหรือ?” ต้นไม้ปีศาจที่ถูกฟ้าผ่าดูเหมือนจะไม่แปลกใจกับการลงมือของวิถีสวรรค์ เพราะมันไม่ใช่ต้นไม้ที่แสนดีอีกต่อไป…
กิ่งไม้ที่แทงทะลุเมฆหมอก เกือบจะทะลวงฟ้าไปถึงแดนเทพงอกงามขึ้นอีกครั้ง แม้สายฟ้าจะพยายามขัดขวางสุดกำลัง แต่ยังไม่อาจหยุดยั้งต้นไม้ปีศาจที่ดูดซับพลังจากพื้นดินได้!
ท่านควรลงมือแต่เนิ่น ๆ…
ไม่! ถึงตอนนี้ก็ยังไม่สาย!
สายฟ้าอันทรงพลังที่เดิมฟาดใส่ต้นไม้ปีศาจกลับเปลี่ยนเป้าหมาย พลังทำลายล้างในนั้นแปรเปลี่ยนเป็นเจตจำนงของวิถีสวรรค์แล้วไหลบ่าเข้าสู่วิหารทำลายเทพ… ลงสู่ร่างของโม่จวินเจ๋อ
พลังอันบริสุทธิ์ส่วนหนึ่งห่อหุ้มดวงวิญญาณของหลิงเยว่ไว้ อีกส่วนหนึ่งเข้าสู่ร่างขนาดย่อของโม่จวินเจ๋อที่กำลังชำระล้างพลังแห่งความตาย
เมื่อกิ่งไม้ที่แห้งเหี่ยวสัมผัสกับพลังบริสุทธิ์ก็แตกสลายไปทันที!
ต้นไม้ครึ่งต้นสีทองอร่ามพุ่งออกมาจากร่างของโม่จวินเจ๋อ เดิมทีมันเป็นเพียงต้นไม้เล็ก ๆ แต่บัดนี้กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ในระหว่างการเจริญเติบโต ลำต้นค่อย ๆ เปลี่ยนจากสีทองเป็นสีเขียวมรกต กิ่งก้านที่แตกยอดออกมาเป็นใบไม้สีทองค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีเขียวใสทันที
กลิ่นอายแห่งชีวิตอันทรงพลังและเข้มข้นแผ่ซ่านไปทั่วทั้งวิหารทำลายเทพ คนหนังกระดาษที่แตกหักถูกห่อหุ้มด้วยกลิ่นอายแห่งการเยียวยาอันอ่อนโยน ใบหน้าของพวกมันแสดงออกถึงความสงบและผ่อนคลาย
กิ่งไม้กิ่งหนึ่งยื่นไปหาผู่ตาน ยังไม่ทันที่เขาจะรู้ตัว ร่างของเขาก็ถูกห่อหุ้มด้วยใบไม้สีเขียวมรกตอย่างนุ่มนวล รวมถึงคนหนังกระดาษทั้งหมดในวิหารแห่งนี้ด้วย
การเติบโตอย่างรวดเร็วของต้นไม้แห่งชีวิต วิหารทำลายเทพก็ค่อย ๆ เสื่อมสลายลง
ส่วนวิหารที่เรียกว่าต้อนรับเทพนั้น ได้หายวับไปในชั่วขณะที่พลังแห่งเจตจำนงของสวรรค์มาถึง
ปล่อยให้มันหนีไปได้อีกแล้ว!
หลิงเยว่คับแค้นใจนัก!
แต่มันจะหนีไปได้ถึงไหนกัน!
……….