ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 495 มีความแตกต่างกันหรือไม่?
บทที่ 495 มีความแตกต่างกันหรือไม่?
เมื่อวิหารทำลายเทพสูญสลายไป ต้นไม้สีเขียวครึ่งต้นปรากฏขึ้น นางแผ่กิ่งก้านสาขาอย่างสง่างาม รากที่หยั่งลึกลงไปในพื้นดินแผ่ขยายออกไปอย่างรวดเร็ว แม้จะเจอกับรากสีเทาเข้มที่พันกันยุ่งเหยิงก็ไม่ลังเลที่จะแทรกตัวผ่านไป การเคลื่อนไหวเหล่านั้นราบรื่นดั่งสายน้ำ
ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์มีแสงสีทองอ่อนล้อมรอบ พลังชีวิตค่อย ๆ แผ่ขยายออกไป ราวกับเทพเจ้าที่จู่ ๆ ก็ปรากฏขึ้นในโลกผู้บำเพ็ญเซียน
พลังแห่งความตายที่แผ่ไปทั่วฟ้าถูกชำระล้างด้วยพลังชีวิต ท้องฟ้าที่มืดมัวกลับสว่างขึ้นเพราะการปรากฏตัวของนาง
แม้ว่าตอนนี้ต้นไม้สีเขียวจะยังไม่เติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่ยักษ์ ต้นไม้ครึ่งปีศาจที่กำลังแผ่กิ่งก้านอย่างดุร้ายก็ไม่กล้าเคลื่อนไหวอย่างรีบร้อน แม้แต่รากของตัวเองที่ถูกชำระล้างและดูดซึมไปเป็นจำนวนมากก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไร
ต้นไม้ครึ่งปีศาจหยุดการแผ่กิ่งก้าน และเฝ้ามองต้นไม้สีเขียวครึ่งต้นที่กำลังเติบโตอย่างเงียบ ๆ
ต้นไม้ทั้งสองต่างครอบครองคนละด้านของโลกผู้บำเพ็ญเซียน ดูเหมือนว่าพวกนางยังไม่หยุดการเติบโต และโลกนี้ไม่สามารถบรรจุพวกนางที่เติบโตเต็มที่ได้!
บางทีอาจต้องใช้ถึงสามโลก ถึงจะสามารถบรรจุพวกนางได้อย่างสมบูรณ์
“ต้นไม้สองต้นนี้ ที่จริงแล้วเป็นต้นเดียวกันใช่ไหม?”
“แน่นอนว่าต้องถูกแยกออกมาจากต้นเดียวกัน”
ครึ่งหนึ่งเปี่ยมด้วยกลิ่นอายเซียน เพียงแค่มอง หัวใจที่บาดเจ็บก็ได้รับการเยียวยา แม้แต่บาดแผลบนร่างยังดูเหมือนจะไม่เจ็บปวดเท่าไหร่
แต่อีกครึ่งหนึ่งเต็มไปด้วยพลังปีศาจ เพียงแค่มอง หัวใจกลับแทบฉีก ถึงจะได้รับการเยียวยาด้วยกลิ่นอายสังหารที่แผ่ออกมา แต่บาดแผลบนร่างก็เริ่มเจ็บปวดอีกครั้ง
“ในที่สุดเจ้าก็กล้าออกมาแล้ว”
เพราะการปรากฏตัวของหลิงเยว่ ต้นไม้ครึ่งปีศาจที่คลุ้มคลั่งมานานถึงฟื้นคืนสติบ้าง
หลิงเยว่ที่รู้ว่าตัวเองแปดเปื้อนไปครึ่งหนึ่งไม่รู้สึกโกรธ แต่นางไม่ใช่คนโง่ที่รู้ว่าตัวเองสู้ไม่ได้แล้วยังจะดื้อด้านออกมาหาที่ตาย
แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน แม้แต่วิถีสวรรค์ก็ออกมาแล้ว ถ้านางยังไม่ออกมาคงไม่ได้จริง ๆ
“อืม”
หลิงเยว่ตอบอย่างเย็นชา
นางดูถูกที่จะพูดคุยกับข้าหรือ?!
“ถูกชำระล้างหรือสูญสลายกลับคืนสู่ผืนดิน?”
ดีมาก! เมื่อหลิงเยว่เอ่ยวาจานี้ออกมา ต้นไม้กึ่งปีศาจก็เข้าสู่ภาวะคลุ้มคลั่งในทันที กิ่งก้านใบและรากทั้งหมดพุ่งเข้าโจมตีหลิงเยว่
ในความเข้าใจของต้นไม้กึ่งปีศาจ ทั้งสองอย่างล้วนเป็นความตาย ไม่มีความแตกต่างใด ๆ!
น่าเสียดายที่… การโจมตีอันทรงพลังของต้นไม้กึ่งปีศาจถูกสกัดกั้นไว้นอกแสงสีทอง จากนั้นค่อย ๆ ถูกกลืนกินแล้วหลอมรวมเข้าไปในร่างของหลิงเยว่อย่างง่ายดาย
การกระทำของต้นไม้กึ่งปีศาจไม่ต่างอะไรกับการใช้ตัวเองเลี้ยงดูหลิงเยว่เลย
“เจ้าทำเช่นนี้แล้วต่างอะไรกับข้า?!”
ต้นไม้กึ่งปีศาจแค่นหัวเราะด้วยความโกรธ นางยอมเป็นคนเลว แต่หลิงเยว่กลับสามารถเอา ‘ผลงาน’ ของนางไปได้ตามใจชอบ
“แน่นอนว่าต่างกัน ข้าไม่เพียงแต่จะชำระล้างความแค้นของวิญญาณที่ตายด้วยน้ำมือเจ้า แต่ยังจะเปลี่ยนพลังแห่งความตายให้เป็นพลังเซียนและพลังปีศาจกลับคืนสู่ผืนดิน แล้วมอบชีวิตใหม่ให้พวกเขา!”
เมื่อคำว่า ‘ชีวิต’ ถูกเอ่ยออกมา พลังชีวิตที่แผ่ออกมาจากต้นไม้สีเขียวยิ่งเข้มข้นขึ้น วิญญาณที่ล่องลอยอยู่ในอากาศราวกับได้ยินคำสัญญาของหลิงเยว่ ต่างพากันหลั่งไหลมาหานาง
แต่หัวใจกลับล่องลอยไปหาหลิงเยว่เสียแล้ว
“เจ้าช่างเรียนรู้วิถีของมนุษย์ได้ดีนัก ดูพวกคนโง่ที่ตายไปแล้วสิ ยังหวังจะฟื้นคืนชีพอีก”
“พวกเจ้าไม่รู้หรอกว่า หากไม่มีข้าอีกครึ่งหนึ่ง แม้แต่มดตัวเดียวก็ฟื้นคืนชีพไม่ได้!”
“กล้าดีอย่างไรถึงให้คำมั่นเช่นนี้ ใครกันหนอที่ให้ความกล้าแก่เจ้า ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ!”
เสียงหัวเราะอันบ้าคลั่งของต้นไม้ครึ่งปีศาจดังก้องไปทั่วโลกผู้บำเพ็ญเซียน พร้อมกับกิ่งก้านใบและรากที่หยุดนิ่งก็เริ่มขยับไหวอย่างน่าสะพรึงกลัว เมื่อนางไม่อาจทำร้ายหลิงเยว่ได้ นางก็จะฆ่าสิ่งมีชีวิตที่ซ่อนอยู่ทั้งหมดเสีย แล้วนางจะรอดูว่าอีกครึ่งหนึ่งจะชดใช้บาปกรรมแทนนางได้อย่างไร!
หลิงเยว่ล่วงรู้เจตนาของต้นไม้ครึ่งปีศาจล่วงหน้า จึงแอบส่งรากไปยังด้านนอกวิหารที่พังยับเยิน แล้วม้วนเอาปีศาจหนังกระดาษที่รอดชีวิตทั้งหมดออกมา
นางรู้ดีว่าปีศาจบางส่วนมีวิธีการโหดร้ายทารุณ ไม่ควรช่วยเหลือ แต่ปีศาจส่วนใหญ่ก็ดีพอสมควร เช่น เผ่าปลาหมัวอิน เผ่ากระทิง เผ่าสิงโตเก้าหางที่นางรู้จัก
ตอนนี้เวลาเร่งรีบนัก ช่วยออกมาก่อนแล้วค่อยว่ากัน!
ขณะที่หลิงเยว่กำลังวุ่นอยู่กับการช่วยคน จู่ ๆ หัวใจก็เต้นรัวอย่างบ้าคลั่ง แม้นางจะเลิกช่วยคน แล้วส่งรากทั้งหมดพุ่งเข้าหาต้นไม้ครึ่งปีศาจก็ยังช้าไปหนึ่งก้าว
ในขณะนี้โลกวิญญาณหรือโลกผู้บำเพ็ญที่ยังจมอยู่ในสงคราม ผู้บำเพ็ญและเผ่าปีศาจต่างหยุดการโจมตีพร้อมกัน และเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า
ท้องฟ้าแยกออกต่อหน้าพวกเขา!
หนึ่งราก ไม่สิ! มันคือรากใหญ่ที่รวมตัวกันจากรากไม้นับไม่ถ้วน แทงลงมาเช่นนี้ และแผ่ขยายออกไปอย่างรวดเร็วโดยมีรากเป็นศูนย์กลาง
รอยแยกขยายตัวอย่างรวดเร็ว รากที่รวมตัวกันแยกออก พวกมันไต่ไปตามรอยแยกบนท้องฟ้า แตกแขนงออกเป็นรากเล็ก ๆ พยายามจะฉีกท้องฟ้าทั้งผืนของโลกผู้บำเพ็ญเซียน!
เสียงฟ้าร้องครืนไปทั่วทุกมุมของโลก สายฟ้าของวิถีสวรรค์พันรัดรากไม้ในชั่วพริบตา เพื่อชะลอความเร็วในการฉีกท้องฟ้าของรากไม้
แค่ชะลอเท่านั้นหรือ!?
“โลกผู้บำเพ็ญเซียนเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” หัวหน้าต้วนปิดแผล แล้วเดินมาข้างร่างแยกของเล่อเหอ
“ข้าไม่รู้ ข้า… ไม่สามารถติดต่อกับร่างหลักได้”
“ท่านบรรพจารย์ถูกขังอยู่หรือ?” สยงฉีเลวี่ยมองท้องฟ้าที่ยังคงแยกออก ม่านตาหดเล็กลง เขาไม่อาจจินตนาการได้ว่าเมื่อท้องฟ้าแตกสลายทั้งหมดแล้ว โลกผู้บำเพ็ญเซียนจะเกิดอะไรขึ้น
แต่ตอนนี้ดูเหมือนพวกเขาจะไม่ปลอดภัยแล้ว…
แม้ว่าการทำสงครามกับเผ่าปีศาจจะไม่ปลอดภัย แต่ไม่อาจเทียบกับสถานการณ์นี้ได้เลย
อวี้เจินเบนสายตาไปที่ลู่เป่ยเหยียน เมื่อเห็นพื้นที่ว่างเปล่าข้างกายเขา ความเศร้าโศกที่บรรยายไม่ถูกก็ท่วมท้นหัวใจ แต่เดิมที่นั่นควรมีว่านอวี้เฟิง หลงหว่านโหรว ติงหลิวหลิ่ว และชิงยวนยืนอยู่ แต่ตอนนี้กลับไร้เงาของพวกเขา
ยอดเขาโอสถหลักเหลือเพียงสองคน หนึ่งในนั้นยืนอยู่ด้านหน้าด้วยเส้นผมสีทองเปล่งประกาย อีกคนไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร…
“หลิวหลิ่ว ศิษย์พี่หลง… พวกเราคงจะได้พบกันแล้ว…” ดวงตาของอวี้เจินแดงก่ำ นางรีบเงยหน้าขึ้นทันทีก่อนที่น้ำตาจะไหล
รอยแยกบนท้องฟ้ากว้างขึ้นเรื่อย ๆ วันตายของพวกเขาใกล้เข้ามาแล้ว
ทุกคนล้วนยอมแพ้ เพราะ… มันไร้ประโยชน์!
แม้แต่เทพสวรรค์ยังไม่อาจรับมือกับรากที่ปรากฏขึ้นอย่างฉับพลันได้ พวกเขาเหล่าผู้ต่ำต้อยถึงจะรวมพลังกันทั้งหมดก็ไม่อาจหยุดยั้งการรุกรานนี้ได้เช่นกัน
โลกแห่งการบำเพ็ญจมสู่ความสงบที่หาได้ยาก พวกเขาทั้งหมดต่างรอคอยความตายที่จะมาเยือนอย่างเงียบงัน
ทันใดนั้นร่างเล็ก ๆ ร่างหนึ่งเคลื่อนผ่านสายตาของทุกคนไปอย่างรวดเร็ว
……….