ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 496 มาขัดขวางข้าอีกแล้ว!
บทที่ 496 มาขัดขวางข้าอีกแล้ว!
เหล่าผู้คนในโลกแห่งการบำเพ็ญมองดูร่างเล็ก ๆ ที่มุ่งหน้าสู่ท้องฟ้า โดยมีดอกบัวรองรับทุกย่างก้าว
ทุกก้าวที่นางเหยียบ แสงทองแห่งบุญกุศลรอบกายยิ่งเจิดจ้า ไอแห่งความตายที่ลอยลงมาจากรอยแยก ถูกชำระล้างในทันทีที่สัมผัสกับแสงทองนั้น
“หลิงเยว่/พุทธบุตร…”
การปรากฏตัวของหลิงเยว่ศีรษะโล้น ปลุกเหล่าผู้บำเพ็ญที่กำลังถูกความสิ้นหวังห้อมล้อม และรอคอยความตายอย่างเงียบงัน
เมื่อฟ้ากำลังถล่ม ไหนเลยจะมีเหตุผลให้ผู้ที่ต่ำสุดต้องยืนอยู่แถวหน้า?
เพียงแต่พวกเขาควรทำเช่นไร จึงจะช่วยเหลือวิถีสวรรค์และหลิงเยว่ผู้นี้ได้?
ผู่ตานและเล่อเหอขยับตัวพร้อมกัน คนแรกแปลงร่างเป็นร่างดั้งเดิม คนหลังถือกระบี่คมกริบแล้วเหาะสู่ท้องฟ้า
“ข้าจะไปด้วย!”
อีกาสุริยันใช้กรงเล็บคว้าผู้อาวุโสมู่ ซูซวงและคนอื่น ๆ ขึ้นไปด้วย
ราชสีห์เก้าหางสีขาวบริสุทธิ์และกิเลนเพลิงพร้อมใจกระโจนขึ้นสู่ท้องฟ้า ตามหลังพวกเขาคือปลาหนามปีศาจและมหาปุโรหิต
เบื้องหลังมหาปุโรหิตคือฝูงตะขาบมรกตสี่ปีกที่แผ่คลุมท้องฟ้า ราชาแมลงผู้ไม่ยอมแพ้ตนนี้ เร่งความเร็วแซงหน้าปลาสองตัวที่อยู่ข้างหน้า ทำให้ปลาสีรุ้งสองตัวถูกฝูงแมลงเหยียบหัวแล้วบินจากไป
ปลาสองตัว “…”
เวลาเช่นนี้แล้วทำตัวเป็นเด็กอีกหรือ!
ผู้อาวุโสกระทิงที่มีปีกไม่จำเป็นต้องอาศัยใคร เพียงกระพือปีกเล็ก ๆ ของเขาบินข้ามปลาสองตัวไปทันที
ทุกคนที่อยู่ฝ่ายเดียวกับหลิงเยว่ต่างเคลื่อนไหว
ผู้ที่ยังอยู่บนพื้นดินคือ… เหล่าสนมปีศาจ แม่ทัพปีศาจ ทหารปีศาจ และเหล่าสัตว์อสูรของเทพปีศาจ
“สนมปีศาจที่สาม พวกเราจะไปหรือไม่?”
“พวกเจ้าไม่ได้กลิ่นพลังของเทพปีศาจหรือ?”
สนมปีศาจที่สามได้ยืนยันแล้วว่า ผู้ที่ทำวีรกรรมอันยิ่งใหญ่เช่นนี้คือบุคคลที่นางหลงรัก
“ท่านหมายความว่า รากไม้เหล่านี้เป็นฝีมือของท่านราชาใช่หรือไม่?” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของเหล่าแม่ทัพปีศาจก็เปล่งประกายขึ้นมา
“หากเป็นเช่นนั้น พวกเราจำเป็นต้องช่วยเหลือท่านราชาอีกแรง ด้วยการสังหารพวกที่น่ารำคาญเหล่านี้ให้หมด?” รอยยิ้มบนใบหน้าของแม่ทัพปีศาจเผยให้เห็นถึงความโหดเหี้ยมและกระหายเลือด
“ความคิดนี้ไม่เลวเลย” สนมปีศาจที่ห้าถือหอกด้ามยาว แปลงกายเป็นลำแสงสีดำ พุ่งไปยังพวกพระหัวโล้นจากพุทธวิหารที่บินอยู่ท้ายแถว
ยังไม่ทันที่นางจะได้ฟาดหอก พระหัวโล้นที่ยืนอยู่ด้านหลังก็ส่องประกายลูกประคำสว่างจ้า หันกลับมาและจู่โจมสนมปีศาจที่ห้าด้วยท่าไม้ตายเสียก่อน
“พฤติกรรมของพวกคนต่ำช้า!”
เจ้าอาวาสใหม่กล่าวตำหนิสนมปีศาจที่โจมตีแบบไม่ให้ตั้งตัวด้วยรอยยิ้ม แต่เมื่อลงมือต่อสู้กลับใช้ท่าทางที่โหดเหี้ยมทุกกระบวนท่า ไม่เหมือนกับผู้บำเพ็ญพุทธที่มุ่งเน้นสร้างบุญกุศลเลยแม้แต่น้อย
“นั่นเป็นเพราะพวกเจ้าโง่เขลา ไม่รู้ว่าข้าเน้นฝึกฝนวิถีแห่งการสังหาร!”
สนมปีศาจที่ห้าถูกฝ่ามือซัดกระเด็นไปในอากาศ จนพ่นเลือดออกมาคำหนึ่ง และเลือดนั้นก็ราวกับเป็นสัญญาณโจมตี ทำให้ฝ่ายของเทพปีศาจเคลื่อนไหวทั้งหมด
แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะไล่ตามไปก็ถูกเผ่าอสรพิษเก้าเศียรขวางเอาไว้ บนหัวอันใหญ่โตของอสรพิษมีผู้บำเพ็ญจากโลกวิญญาณยืนอยู่ด้วย
ในนั้นยังมีสองร่างที่กลับมาอีกครั้ง เสวียนอู่ใช้วิชาภูผาพุ่งเข้าใส่แม่ทัพปีศาจ!
เสียงหงส์ดังก้อง พร้อมเปลวไฟลุกโชน!
เพลิงแท้ของฟีนิกซ์ที่แฝงแก่นปราณแสงเผาไหม้เหล่าทหารและแม่ทัพปีศาจ
การโจมตีแบบไม่ทันตั้งตัว?
ไม่มีทาง!
การต่อสู้ครั้งใหญ่ได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง ภาพเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นมาหลายครั้งแล้ว
หลิงเยว่ เด็กหัวโล้นพลันหันกลับมา เมื่อสบตากับร่างแยกของเล่อเหอ นางก็ยิ้มทักทาย แต่ในวินาถัดมาสีหน้าของนางกลับเคร่งเครียด มือป้อม ๆ รวบรวมแสงสีทองก้อนหนึ่ง แล้วซัดออกไปอย่างรุนแรง
แสงทองแห่งบุญกุศลก่อตัวเป็นกำแพงมหึมา ครอบคลุมสนมปีศาจและคนอื่น ๆ เอาไว้
“รอให้จัดการกับรากไม้เสร็จก่อน แล้วค่อยมาเก็บพวกเจ้าทีหลัง!”
สงครามใหญ่ที่เพิ่งเริ่มต้น ต้องยุติลงกะทันหันเพราะการลงมือของเด็กหัวโล้น
“เจ้าควรภาวนาว่าอย่าให้มีโอกาสเช่นนั้นเลยจะดีกว่า”
เสวียนอู่แปลงร่างเป็นมนุษย์ มองผู่ตานด้วยสายตาราวกับกำลังมองเด็กที่ไม่รู้เดียงสา
“เพราะ… เหตุใดหรือ?” ผู่ตานเร่งฝีเท้าตามเสวียนอู่ไป
“หากถึงวันที่ต้นไม้แห่งชีวิตต้องการให้พวกเราปกป้อง นั่นหมายความว่าวันที่สามภพจะพินาศคงอยู่ไม่ไกลแล้ว” เสวียนอู่เหม่อมองรากที่ยังคงแผ่ขยายอยู่บนท้องฟ้า รู้สึกว่ารากไม้เหล่านั้นต้องเกี่ยวข้องกับหลิงเยว่แน่นอน
มีเพียงต้นไม้แห่งชีวิตเท่านั้นที่มีพลังทะลุผ่านระหว่างภพได้โดยไม่ถูกพลังย้อนทำร้าย
“แต่รากไม้ใต้สนามรบโบราณเฉียนซีตายไปแล้ว สามภพก็ไม่ได้พินาศนี่…”
เสวียนอู่ที่เดินนำหน้าหยุดฝีเท้า หันกลับมามองร่างแยกของผู่ตาน “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าสามภพไม่ได้พินาศ?”
ร่างแยกผู่ตานตกใจจนอ้าปากค้าง
สามภพเคยล่มสลายมาก่อนหรือ?
เสวียนอู่ที่ทำให้ผู่ตานหุบปากได้สำเร็จหันกลับไปอีกครั้ง แต่คราวนี้เขารีบไล่ตามเด็กหัวโล้นที่ใกล้จะถึงรากไม้แล้ว
หากผู้บุกรุกในตอนนี้เป็นหลิงเยว่จริง เขาต้องปกป้องเด็กหัวโล้นให้ดีก่อนที่สามภพจะตกอยู่ในความวุ่นวาย เพราะนางจะเป็นผู้สืบทอดคนต่อไปของต้นไม้แห่งชีวิต!
“มันไม่ใช่หลิงเยว่ มันเป็นเพียงต้นไม้ปีศาจ” เด็กหัวโล้นเอียงศีรษะ พูดอย่างจริงจังกับสัตว์เทพที่คุ้มครองอยู่ข้างกาย
“เช่นนั้นรู้หรือไม่ว่าจะจัดการกับมันอย่างไร?” อิงหลงถามอย่างถ่อมตัว
“ไม่รู้”
พวกสัตว์เทพ “?”
แล้วนางวิ่งขึ้นมาทำไม?
“แต่หลิงเยว่รู้ และนางก็มาแล้ว”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ เจ้าหัวโล้นก็ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ
ราวกับตอบสนองคำพูดของเจ้าหัวโล้น รากสีเขียวมรกตบริสุทธิ์เส้นหนึ่งก็พันรัดรากสีเทาเข้มที่อยู่ตรงกลาง จากนั้นภาพที่ทุกคนเห็นก่อนหน้านี้พลันปรากฏขึ้นอีกครั้ง แต่แตกต่างตรงที่ว่า ทุกที่ที่รากสีเขียวมรกตผ่านไป รอยแยกเหล่านั้นค่อย ๆ ได้รับการซ่อมแซม
“เจ้ามาขัดขวางข้าอีกแล้ว!”
“จงสกัดพวกมันไว้!”
เจ้าหัวโล้นชี้ไปทางหนึ่ง แล้วพุ่งออกไปเหมือนลูกปืนใหญ่ แสงทองแห่งบุญกุศลบนร่างราวกับไม่ต้องเสียเงินซื้อ ยิงถล่มใส่รากสีเทาเข้มที่กำลังรุกรานท้องฟ้าอย่างรวดเร็วไม่หยุดหย่อน
รากที่ถูกแสงทองแห่งบุญกุศลยิงโดนก็เหี่ยวแห้งลงอย่างรวดเร็ว
แสงทองแห่งบุญกุศลเป็นสิ่งที่ต่อต้านพลังแห่งความตายและพลังปีศาจได้ดีที่สุด แม้แต่แก่นปราณแสงยังต้องหลีกทางให้
ผู่ตานผู้มีแก่นปราณแสงไม่ได้เลือกที่จะถอย แต่กลับใช้เพลิงหงส์แห่งแก่นปราณแสงเผาไหม้รากเหล่านั้น แม้ประสิทธิภาพจะไม่รวดเร็วเท่าแสงทองแห่งบุญกุศล แต่ถือว่าช่วยหยุดยั้งได้เช่นกัน
“ฮึ! พวกตัวตลกทั้งหลาย ไสหัวไป!”
ต้นไม้กึ่งปีศาจที่ถูกลวกดึงรากข้างหนึ่งออกมาฟาดใส่ผู่ตานและคนอื่น ๆ
“เจ้าต่างหากที่เป็นตัวตลก!”
รากสีเขียวมรกตปรากฏขึ้นทันเวลา แล้วรัดรากสีเทาเข้มเอาไว้
ทุกครั้งที่ต้นไม้กึ่งปีศาจจะทำร้ายผู้คน หลิงเยว่จะปรากฏตัวขึ้นมาขัดขวางเสมอ
รากสีเขียวมรกตและรากสีเทาเข้มพันกันไปมา สุดท้ายรากสีเทาเข้มก็พ่ายแพ้ มันถูกชำระล้างและดูดซึมอย่างราบรื่น
“ไม่ นี่มันไม่ยุติธรรม!”
ต้นไม้กึ่งปีศาจตะโกนอย่างคลุ้มคลั่ง ซึ่งถ้อยคำเหล่านั้นมีเพียงหลิงเยว่ที่ได้ยิน
……….