ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 499 อนาคตช่างน่าตื่นเต้น
บทที่ 499 อนาคตช่างน่าตื่นเต้น
สามีภรรยาตระกูลเซี่ยมองไปยัง ‘เสาหยก’ ที่ค้ำจุนโลกใบนี้ไว้ด้วยพลังของตนเองด้วยความรักเต็มเปี่ยม พวกเขาอยากจะวิ่งเข้าไปกอดจูบรากไม้นั่นเพื่อแสดงความกตัญญูเสียจริง!
ลูกทั้งสองของพวกเขาได้รับการสั่งสอนจากต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์โดยตรง อนาคตจะต้องมีโชคลาภอันยิ่งใหญ่แน่นอน!
นี่เป็นเรื่องใหญ่ที่ทำให้ผู้คนอยากจัดงานเลี้ยงสามเดือนสามปีและเชิญคนทั้งเมืองมาร่วมงานยิ่งนัก!
ไม่เพียงแต่สามีภรรยาคู่นี้เท่านั้นที่เดาได้ว่าหลิงเยว่คือ ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ แต่ยังมีปีศาจแก่ ๆ บางส่วนที่มีชีวิตอยู่มานานและมีประสบการณ์มากก็เดาได้เช่นกัน พวกเขาไม่คิดว่าในโลกแห่งการบำเพ็ญของพวกเขาจะมีต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์อยู่ด้วย!
“มันคือต้นไม้อะไร ท่านต้องรู้แน่นอน!” เจ้าอาวาสคนใหม่ไม่ได้คำตอบจากหลิงเยว่หัวโล้น จึงหันไปมองร่างแยกของบรรพจารย์เล่อเหอ
“ข้าไม่รู้”
ร่างแยกของเล่อเหอรู้ แต่นั่นเป็นเพียงการคาดเดาของเจ้าอาวาสคนก่อน ว่ามันเป็น ‘ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชีวิตหรือต้นไม้แห่งการสร้างโลก’ จริงหรือไม่ยังไม่แน่ชัด
มันเป็นต้นไม้อะไรไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือ… หลิงเยว่จะสามารถค้ำจุนโลกแห่งการบำเพ็ญนี้ด้วยพลังของตนเอง และยังต้องแบ่งสมาธิไปขัดขวางรากสีเทาเข้มที่ก่อกวนได้จริงหรือ?
“ไม่จำเป็น เพียงแค่มีชีวิตอยู่อย่างดี อย่าเพิ่มภาระให้หลิงเยว่…” พูดมาครึ่งทาง เจ้าหัวโล้นตัวน้อยก็นึกคำไม่ออก คำนั้นพูดว่าอย่างไรนะ?
โอ้! ใช่แล้ว ภาระงาน!
การชำระล้างและดูดซับพลังแห่งความตายได้ทำให้หลิงเยว่เป็นหนี้ก้อนใหญ่แล้ว ตัวเองเป็นหนี้ก็แล้วไป แต่ยังต้องชดใช้หนี้ให้กับ ‘อีกครึ่งหนึ่ง’ ของตัวเองอีก
ตอนนี้ท้องฟ้าในโลกแห่งการบำเพ็ญค่อย ๆ พังทลายลงมา ฝนฟ้าผ่าที่ไม่มีใครควบคุมได้ก็ตกลงมาไม่หยุด สัตว์และพืชถูกนับรวมอยู่ในความรับผิดชอบของหลิงเยว่ด้วย หากพวกผู้บำเพ็ญโชคร้ายถูกทับตายก็จะเป็นหนี้ก้อนใหญ่อีก ไม่รู้ว่าหลิงเยว่จะสามารถใช้หนี้ได้หมดในชาตินี้หรือไม่
หลิงเยว่หัวโล้นถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่าย แต่เดิมทั้งหมดนี้ไม่ควรถูกนับเป็นความรับผิดชอบของหลิงเยว่ แต่ใครจะไปรู้ว่าต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดคือ ‘อีกครึ่งหนึ่ง’ ของนางล่ะ?
ก่อนหน้านี้เป็นหนี้หินวิญญาณมหาศาล ตอนนี้หนี้สินกลายเป็นชีวิตไปแล้ว
หลิงเยว่ช่างน่าสงสารเหลือเกิน…
หลิงเยว่ตัวน้อยถอนหายใจอีกครั้ง รู้สึกกังวลใจกับอนาคตของหลิงเยว่
“อายุยังน้อย ทำไมถึงถอนหายใจบ่อยนักเล่า?”
อวี้เจินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หลิงเยว่หัวโล้น แม้จะรู้ว่าตอนนี้ไม่ควรหัวเราะ แต่เมื่อเห็นเจ้าตัวน้อยถอนหายใจไม่หยุด ทั้งยังมีใบหน้าเหมือนกับหลิงเยว่ย่อส่วนก็รู้สึกว่าช่างน่ารัก อยากจะอุ้มขึ้นมากอดให้แน่น ๆ เหลือเกิน!
“พวกเจ้าไม่เข้าใจหรอก” หลิงเยว่หัวโล้นส่ายหน้าพลางเอามือไพล่หลัง แล้วหายวับไปต่อหน้าต่อตา เมื่อปรากฏตัวอีกครั้ง สองมือก็จับหนุ่มสาวที่ตัวสูงใหญ่กว่านางมาด้วย
ร่างของทั้งสองคนอยู่ในสภาพเละเทะ หลังจากได้รับการช่วยเหลือ พวกเขายังคงตกใจไม่หาย มองไปยังบริเวณที่มีฝนฟ้าผ่าด้วยสายตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ทำไมพอพวกเขาออกมาจากพื้นที่ลับ ท้องฟ้าถึงได้เปลี่ยนไปเช่นนี้?
“ยังมีผู้คนอีกมากมายที่ติด ติด ติดอยู่ในพื้นที่ลับ” หญิงสาวสงบสติอารมณ์ได้เร็วกว่าชายหนุ่ม แม้จะพูดติดอ่าง ร่างกายสั่นเทา แขนขายังอ่อนแรง แต่นางยังเอ่ยปากขอความช่วยเหลือให้กับเพื่อนร่วมทางและ… ผู้คนจากสำนักอื่นได้
ทุกคนรู้สึกใจหายวาบ สงครามระหว่างโลกวิญญาณและโลกปีศาจมีกฎข้อหนึ่งที่ทั้งสองฝ่ายยอมรับโดยปริยาย นั่นคือผู้บำเพ็ญที่อยู่ในระดับต่ำกว่าขอบเขตสร้างรากฐานจะไม่เข้าร่วมสงคราม เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้บำเพ็ญขอบเขตปฐมวิญญาณขึ้นไปของทั้งสองโลกต้องพินาศไปพร้อมกัน จะได้เหลือ ‘ทายาท’ ไว้สืบทอด เพื่อที่จะได้สู้รบกันต่อไปในอนาคต…
แต่การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันนี้ ทำให้พวกเขาลืมไปเลยว่า ‘ดอกไม้ในอนาคต’ ของวงการบำเพ็ญเซียนกำลังตกอยู่ในอันตราย
“พื้นที่ลับใด?” สยงฉีเลวี่ยมองไปยังบริเวณที่ฝนฟ้าผ่ากำลังขยายวงกว้างขึ้น เหงื่อผุดซึมที่หน้าผาก หากอยู่ในบริเวณนั้นคงไม่มีทางช่วยออกมาได้
ปัญหาหลักคือรากสีเทาเข้มบุกรุกมาอย่างกะทันหัน แม้แต่เทพสวรรค์ก็ไม่ได้ส่งสัญญาณเตือนล่วงหน้า ดังนั้นใครที่ควรต่อสู้ก็ต่อสู้ ใครที่ควรไปฝึกฝนในพื้นที่ลับก็ไป
หลิงเยว่หัวโล้นกำลังจะถามว่า หลิงเยว่สามารถแบ่งพลังไปช่วยคนได้หรือไม่ ทันใดนั้นรากสีเทาเข้มที่ใหญ่กว่า ‘เสาหยก’ ก็ทะลุท้องฟ้าอีกด้านเข้ามา
สถานที่ที่ยังไม่ได้รับผลกระทบ บัดนี้กลับมีฝนห่าใหญ่ของสายฟ้าตกลงมาอีกแล้ว!
“ดินแดนทางตอนเหนือหรือ?!” ซูซวงรู้สึกชาไปทั้งตัว ที่นั่นเพิ่งจะเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาได้ไม่นาน แต่ตอนนี้กลับถูกทำลายลง ความพยายามหลายปีสูญเปล่าหมดแล้ว!
รองเจ้าเมืองอี้เหิงถึงกับเป็นลมล้มพับไปต่อหน้าต่อตา เมืองถูกทำลายไม่เป็นไร แต่ถ้าผู้คนหายไปหมดคงจบเห่แน่!
ต้องบอกว่าเขาเป็นลมไปไม่ถูกจังหวะเอาเสียเลย เพราะเขาไม่ทันเห็นเสาหยกอีกต้นหนึ่งที่งอกขึ้นมาจากพื้นดิน นางได้พันรัดรากสีเทาเข้มที่กำลังเติบโตลงอย่างรวดเร็วไว้ได้ทันเวลา
ในขณะที่ทั้งสองฝ่ายกำลังพันกันไปมา พยายามสลัดหลุดจากกันอย่างสุดแรง เสาหยกต้นที่สามก็ปรากฏขึ้น!
นางแผ่กระจายรากของตนออกไป ถักทอเป็นตาข่ายหยกขนาดมหึมาอย่างรวดเร็ว รับหินสายฟ้าที่ตกลงมาไว้ได้อย่างยากลำบาก
ตาข่ายที่ถักทอจากรากสีหยกขยายออกไปอย่างต่อเนื่อง ราวกับต้องการถักทอตาข่ายที่ปกป้องทั่วทั้งโลกผู้บำเพ็ญ
ขอเพียงอีกครึ่งหนึ่งตกเป็นปีศาจเหมือนนาง การดูดกลืนอีกฝ่ายก็จะง่ายดายนัก เมื่อถึงตอนนั้นนางจะกลายเป็นต้นไม้ที่สมบูรณ์ ไร้จุดอ่อน และเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในสามภพ!
“หากสามภพไม่มีสรรพชีวิตเหลืออยู่ เจ้าจะไม่รู้สึกเหงาหรอกหรือ?”
คำถามที่ไม่คาดคิดทำให้ต้นไม้กึ่งปีศาจงุนงงไปชั่วครู่ ก่อนจะเยาะเย้ยว่า “การที่ต้นไม้แห่งชีวิตต้องการสิ่งมีชีวิตไม่ใช่เรื่องง่ายดายหรอกหรือ?”
เมื่อถึงเวลาที่รู้สึกเบื่อก็แค่สร้างขึ้นมาใหม่เท่านั้น อยากได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น!
อีกอย่างที่นี่ไม่ได้มีแค่สามภพ เพราะยังมีมิติมากมาย หากรู้สึกเหงายังสามารถไปเที่ยวที่อื่นได้
ต้นไม้กึ่งปีศาจยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่าอนาคตช่างน่าตื่นเต้น จึงพยายามสลัดรากสีเขียวของหลิงเยว่ที่พันแน่นอยู่บนระบบรากของตนออกอย่างสุดกำลัง
พลังแห่งความตายที่เป็นสมุนอกตัญญูแสดงฤทธิ์อีกครั้ง รากสีเทาเข้มเพียงแค่สัมผัสกับรากสีเขียวก็ชำระล้างตัวเองทันทีโดยไม่มีการต่อต้านแม้แต่น้อย ส่วนรากที่ไม่สามารถชำระล้างตัวเองได้ก็ชนเข้ากับพลังชีวิต แล้วถูกบังคับให้ชำระล้างเช่นกัน
สรุปแล้ว หลิงเยว่ไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย กลับยิ่งแข็งแกร่งขึ้น
“แม้ว่าตัวเจ้าจะไม่ชอบข้า แต่ร่างกายของเจ้ากลับชอบข้ามากเลยนะ”
ร่างกายที่ทรยศบวกกับน้ำเสียงประชดประชันของหลิงเยว่ ทำให้ต้นไม้กึ่งปีศาจแทบระเบิด
ดี! ในเมื่อจัดการอีกครึ่งไม่ได้ก็มาจัดการกับสิ่งที่นางสนใจแทนแล้วกัน ถึงแม้รากจะถูกขัดขวางกลางอากาศแล้วจะเป็นไร ปล่อยให้สิ่งมีชีวิตในโลกล่างมีชีวิตอยู่ชั่วคราว แล้วจัดการพวกลูกสมุนในโลกผู้บำเพ็ญเซียนก่อนแล้วกัน!
ช่างน่ารำคาญเหลือเกิน!
หลิงเยว่สัมผัสได้ถึงรากสีเทาเข้มที่หยุดการเติบโตลงล่าง นางเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมา อีกฝ่ายต้องกำลังวางแผนร้ายอะไรสักอย่างแน่!
เป็นดังคาด หลิงเยว่หันไปพบหงส์ทองคำโฉบลงมาพอดี แต่ตอนนี้… ทันกลายเป็นนกไร้ขนไปเสียแล้ว ผิวหนังที่เผยออกมาไม่เพียงถูกห่อหุ้มด้วยพลังแห่งความตาย แต่ยังมีรอยแผลนับไม่ถ้วน
ผู่ตานที่ถูกรับไว้ในยามนี้ไร้ซึ่งความรู้สึกใด ๆ แม้แต่หัวใจก็ดูเหมือนจะหยุดเต้นแล้ว…