ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 501 ทำไมพอออกมาก็ด่าคนเลย?
บทที่ 501 ทำไมพอออกมาก็ด่าคนเลย?
แต่เดิมแผ่นดินเต็มไปด้วยแสงสว่าง แดนเทพที่เคยเต็มไปด้วยเสียงนกร้องและดอกไม้บานถูกปกคลุมด้วยเงามืด สิ่งมีชีวิตที่เคยเพิ่มความมีชีวิตชีวาให้กับทัศนียภาพอันงดงาม รวมถึงเหล่าเทพ… ล้วนหายไปหมดสิ้น
แดนเทพกลายเป็นโลกแห่งความตายอย่างแท้จริง
โม่จวินเจ๋อชะงักงัน ไม่รู้ว่าควรไปที่ใด
บางทีร่างที่หลับใหลของเขาคงกลายเป็นโครงกระดูกแห้งไปแล้วกระมัง?
“ไปเถิด รีบไปเสีย…”
เสียงเร่งเร้ายังดังก้องอยู่ข้างหูของโม่จวินเจ๋อ
“ทำไมไม่ไป ถ้าไม่ไปตอนนี้จะไม่มีโอกาสไปแล้ว…”
“ไปที่ไหน?” โม่จวินเจ๋อพยายามสนทนากับเจ้าของเสียง
น่าเสียดายที่คำตอบที่ได้รับมีเพียงประโยคเดิม ๆ ที่ดังซ้ำไปซ้ำมาเท่านั้น
ไปข้างล่างไม่ได้ จึงต้องไปข้างบน ทะลุท้องฟ้าแห่งแดนเทพ ออกจากสามภพโดยสิ้นเชิง
โม่จวินเจ๋อปฏิเสธความคิดนี้ในทันที เขาไม่อาจทิ้งหลิงเยว่ไปตามลำพังได้ อีกทั้งตอนนี้เขาก็ไม่มีพลังที่จะฉีกมิติออกไปได้เช่นกัน
แน่นอนว่าถึงทำได้ เขาก็จะไม่ทิ้งหลิงเยว่เด็ดขาด
เมื่อเข้ามาในแดนเทพแล้ว ก็ควรไปดูสถานที่หลับใหลของตัวเขาเอง หรือบางทีอาจเรียกว่าสุสานจะเหมาะสมกว่า
โม่จวินเจ๋อมาหน้าตำหนักเหมันต์อีกครั้ง คราวนี้เขาไม่ลังเลแม้แต่น้อย วางมือลงบนประตูผลึกน้ำแข็งที่เต็มไปด้วยฝุ่น
“อย่าเปิด! ถ้าเปิดแล้วเจ้าจะต้องเสียใจ!”
“ต้องเสียใจแน่นอน!”
เสียงที่เร่งเร้าอยู่ตลอดเวลาพลันเปลี่ยนเป็นบ้าคลั่ง น้ำเสียงยิ่งแหบแห้งราวกับว่าการเปิดตำหนักเหมันต์จะทำให้เกิดเรื่องน่ากลัวบางอย่าง…
โม่จวินเจ๋อรู้สึกปวดหัวทันที เขารู้ว่าคนพูดไม่มีเจตนาร้าย แต่เพราะไม่มีเจตนาร้ายนั่นแหละ จึงส่งผลต่อการตัดสินใจของเขาอย่างมาก จะเปิดหรือไม่เปิด ถ้าเปิดแล้วจะเกิดอะไรขึ้น?
สิ่งที่โม่จวินเจ๋อไม่รู้คือ ชั่วขณะที่ตำหนักเหมันต์ถูกเปิดออก วิญญาณที่หลับใหลทั้งหมดพลันลืมตาขึ้น
เสียงที่คอยเรียกให้เขาจากไปก็หายวับไปพร้อมกัน
แดนเทพดูเงียบเหงาและสงบยิ่งขึ้น
ตำหนักเหมันต์และหิมะสูญเสียความเปล่งประกายและชีวิตชีวาที่เคยมี กลายเป็นสีเทาหม่นไปทั่ว
เมื่อโม่จวินเจ๋อก้าวเข้าสู่ด้านใน ประตูใหญ่ของวิหารทั่วทั้งโลกที่ปิดสนิทถูกเปิดออกพร้อมกัน มี ‘ผู้คน’ เดินออกมา
พืชพรรณ ดอกไม้ และนกที่ ‘หายไป’ กลับมามี ‘ชีวิตชีวา’ อีกครั้ง
เพียงแต่สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นล้วนมีสีดำและเทา
โม่จวินเจ๋อที่เพิ่งก้าวผ่านประตูใหญ่ได้ยินเสียงเคลื่อนไหว แต่เขาไม่ได้เลือกที่จะออกไป กลับเดินตรงไปยังสวนที่แกะสลักจากผลึกน้ำแข็ง
ตำหนักเหมันต์มีสวนผลึกน้ำแข็งหกแห่ง พืชพรรณและสัตว์ทั้งหลายล้วนเป็นรูปแกะสลักน้ำแข็ง ดูสมจริงราวกับมีชีวิต
ทุกครั้งที่โม่จวินเจ๋อหรือลูกแก้ววิญญาณมาเยือน รูปแกะสลักน้ำแข็งเหล่านี้จะ ‘มีชีวิต’ ขึ้นมา แต่น่าเสียดายที่ครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อน ๆ พวกมันไม่ขยับเขยื้อน…
“เมื่อแดนเทพกลายเป็นดินแดนแห่งความตาย พวกมันจะหนีพ้นไปได้อย่างไร?” สถานการณ์นี้อยู่ในการคาดการณ์ของโม่จวินเจ๋อ
“ก็จริง” ลูกแก้ววิญญาณกล่าวด้วยน้ำเสียงหม่นหมอง
โม่จวินเจ๋อกระโดดขึ้นไปบนตำหนัก จารึกที่อาศัยอยู่มานานนับหมื่นปีลงในความทรงจำ จากนั้นสีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนไป มือทั้งสองประสานกันอย่างรวดเร็ว
เมื่อการเคลื่อนไหวของเขาเร็วขึ้น สวนน้ำแข็งแกะสลักทั้งหกแห่งที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกสีเทาทึมพลันเปล่งแสงสีขาวจ้า จนร่างของโม่จวินเจ๋อถูกกลืนหายไป
ในดินแดนแห่งความตาย ท่ามกลางความมืดมิดสีเทาดำ จู่ ๆ ก็มีลำแสงสีขาวหกสายพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ดึงดูดความสนใจของ ‘วิญญาณ’
พวกมันมุ่งหน้าไปยังตำหนักเหมันต์ทันที
ลำแสงสีขาวทั้งหกรวมตัวกันบนท้องฟ้า ตรงกลางมีลูกกลมเล็ก ๆ เจ็ดสีปรากฏขึ้นมาอย่างเลือนราง
กุญแจยังคงอยู่…
โม่จวินเจ๋อเร่งความเร็วขึ้น ในขณะเดียวกันร่างของเขาก็วาบออกมาจากแสงสีขาว พุ่งไปยังจุดศูนย์กลางอย่างรวดเร็ว
แต่เมื่อเขาเหลือบมองไปนอกตำหนัก ร่างกายทั้งหมดของเขาพลันแข็งค้าง
ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เขาถูกล้อมรอบไปด้วย ‘กลุ่มคนตาย’ ที่ไร้อารมณ์ พวกมันจ้องมองเขา ในดวงตาสีเทาดำดูเหมือนกำลังก่อตัวเป็นพายุบ้าคลั่ง
โม่จวินเจ๋อยังเห็นสหายเก่า สัตว์เทพที่มักมาเยี่ยมเยียนตำหนักเหมันต์บ่อย ๆ รวมถึงใบหน้าคุ้นตาที่เคยพบกันหนึ่งหรือสองครั้ง
พวกเขาล้วนตกเป็นเหยื่อของผู้ร้ายทั้งสิ้น!
โม่จวินเจ๋อยื่นมือเข้าไปในแสงสีขาว ในขณะที่เขากำลังจะแตะต้องกุญแจ วิญญาณร้ายที่อยู่ข้างนอกจ้องมองเขาด้วยสายตาอันน่าขนลุกก็ยกมุมปากขึ้นพร้อมกัน ราวกับหวังเป็นอย่างยิ่งว่ากุญแจดอกนั้นจะตกอยู่ในมือของเขาโดยเร็ว
ภาพนี้ทำให้โม่จวินเจ๋ออยากชักมือกลับ แต่น่าเสียดายที่สายเกินไป เขาได้แตะต้องกุญแจเข้าแล้ว
ทันทีที่กุญแจสัมผัสกับนิ้วมือของโม่จวินเจ๋อ มันก็เกาะติด เขารู้สึกได้ถึงความยินดีและความปรารถนาของมัน รวมถึง… ความกระหาย
พลังภายในร่างกายกำลังถูกดูดซับ ดวงตาสีเทาดำของวิญญาณร้ายที่ไร้อารมณ์นอกตำหนักเปลี่ยนเป็นสีดำสนิทในชั่วขณะนี้ มุมปากที่ยกขึ้นเล็กน้อยนั้นแยกยิ้มไปถึงท้ายทอย เผยให้เห็นฟันสีเทาเข้ม ใบหน้าที่ไร้อารมณ์เปลี่ยนเป็นความโลภ ลิ้นสีแดงเลือดเลียขึ้นมาบนใบหน้า…
ราวกับว่ากุญแจได้กระตุ้นความชั่วร้ายในใจของวิญญาณเหล่านั้นขึ้นมา
ประตูน้ำแข็งที่ปิดสนิทถูกเปิดออกอย่างง่ายดาย วิญญาณร้ายหลั่งไหลเข้ามา
โม่จวินเจ๋อตัดสินใจตัดการเชื่อมต่อกับกุญแจ แล้วหันหลังหนีทันที
และเขาก็ยังคงเข้าไปในกับดักที่คนเบื้องหลังวางไว้
วิญญาณร้ายล้อมรอบโม่จวินเจ๋อ เห็นความโลภและกระหายเลือดในดวงตาของพวกมันอย่างชัดเจน ลูกแก้ววิญญาณแปลงร่างเป็นกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ หากต้องการออกไปจำเป็นต้องฆ่าฟันเพื่อเปิดทาง
วิญญาณร้ายไม่ให้เวลาโม่จวินเจ๋อเสียใจ พวกมันพุ่งเข้ามาพร้อมกันทันที
ตอนมีชีวิตล้วนเป็นเทพ แม้จะกลายเป็นวิญญาณร้าย แต่พวกมันยังคงแข็งแกร่ง
ตำหนักเหมันต์พังทลายลงเพราะการโจมตีของพวกมัน พร้อมวิญญาณร้ายจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้
อีกด้านหนึ่ง หลิงเยว่ที่ประสบความสำเร็จในการนำคนเข้าสู่แดนเทพ ยังคงรู้สึกภาคภูมิใจในความฉลาดของตัวเอง นางช่างเป็นอัจฉริยะ ถึงกับคิดได้ว่าจะใช้พลังจากโลกล่างเพื่อเปิดเส้นทางแห่งเทพให้โม่จวินเจ๋อ แม้ว่าเส้นทางนั้นจะคงอยู่ได้เพียงชั่วครู่ แต่ก็เพียงพอแล้ว
ราคาที่ต้องจ่ายก็แค่ติดหนี้เพิ่มอีกนิดเท่านั้น ในเมื่อติดหนี้มามากขนาดนี้แล้ว จะกลัวอะไรอีกเล่า?
“โง่!”
ระบบที่เงียบไปนานดันเอ่ยปากขึ้นมาอย่างกะทันหัน ทำให้หลิงเยว่รู้สึกหงุดหงิดนัก
“เหตุใดเจ้าถึงออกมาด่าข้าเช่นนี้?”
“โง่จริง ๆ!” ระบบกล่าวต่อ
หลิงเยว่ “…”
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
“น่าสงสารโม่จวินเจ๋อเหลือเกิน”
“???”
“เจ้าพูดดี ๆ หน่อยได้ไหม?”
เมื่อเกี่ยวข้องกับโม่จวินเจ๋อ หลิงเยว่รู้สึกเครียดขึ้นมาทันที
………………..