ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 506 ต่อรองแบบนี้ก็ได้หรือ?
บทที่ 506 ต่อรองแบบนี้ก็ได้หรือ?
วิญญาณร้ายนั้นไวต่อกลิ่นพลังชีวิตเป็นพิเศษ แม้ระบบพยายามซ่อนตัวอย่างสุดความสามารถในตอนที่เข้าสู่โลกเบื้องล่าง แต่พวกมันยังคงได้กลิ่นอยู่ดี
หากเทพองค์นั้นสร้างค่ายกลให้ใหญ่กว่านี้อีกหน่อยก็คงดี…
ระบบรู้ว่านี่เป็นการบังคับโม่จวินเจ๋อมากเกินไป เพราะตอนนั้นเขาใช้ลมหายใจสุดท้ายในการสร้างค่ายกล การที่สามารถถ่วงเวลาให้เพียงเล็กน้อยก็แทบจะต้องแลกด้วยชีวิตแล้ว
แต่เขายังบ่นว่าค่ายกลเล็กเกินไป!
ต้นไม้สีเขียวมรกตที่เข้าสู่โลกเบื้องล่างแผ่ขยายปกคลุมท้องฟ้าทั้งหมดอย่างรวดเร็ว
“เจ้าจะทำอย่างไร?”
หลิงเยว่ผู้เป็นเพียงคนดู ไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าระบบจะพาโลกแห่งการบำเพ็ญทั้งหมดไปได้อย่างไร
[ดูให้ดี ต่อไปเจ้าจะสามารถใช้มันได้]
ด้วยการใช้ ‘เสาหยก’ เป็นศูนย์กลาง รากและกิ่งก้านที่งอกออกมาได้แผ่ขยายออกไปอย่างต่อเนื่อง พันเกี่ยวและถักทอเข้าด้วยกัน จนกระทั่งถักตัวเองเป็นลูกกลม ๆ ขนาดมหึมา
ในสิ่งที่ถักทอนั้น นอกจากกิ่งก้านและรากแล้ว ยังได้ถักเอาสวรรค์และพื้นพิภพของโลกผู้บำเพ็ญเข้าไปด้วย
โลกผู้บำเพ็ญกลายเป็นลูกกลมขนาดมหึมา!
ลูกกลมแยกตัวออกจากโลกผู้บำเพ็ญและตกลงมาอย่างรวดเร็ว
ผู้คนในโลกต่างรู้สึกไร้น้ำหนัก ล้มกันระเนระนาดไปทั่ว
แต่พอพวกเขาเพิ่งทรงตัวได้ก็ต้องลอยขึ้นไปอีกครั้ง!
ลอยขึ้นไปหรือ?!
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
“ทำไมจู่ ๆ ถึงเป็นเช่นนี้?”
“โลกผู้บำเพ็ญของพวกเรา… ดูเหมือนมีขาวิ่งหนีไปแล้ว?”
นี่คือความรู้สึกของผู้อาวุโสมู่ในขณะนี้ เขาไม่คิดว่าโลกผู้บำเพ็ญจะหนีไปได้
“เป็นไปได้อย่างไร?” อดีตผู้นำเผ่ากระทิงปีศาจซึ่งเป็นผู้อาวุโสที่สุดในกลุ่ม ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าจะมีโลกใดที่สามารถหนีไปได้
“เช่นนั้นเจ้าลองบอกข้าสิว่าตอนนี้พวกเราอยู่ในสถานการณ์อะไร?”
“ที่นี่คือที่ไหนกัน? ช่างงดงามเหลือเกิน…”
ดวงตาของหลิงเยว่หัวโล้นมีแสงสีรุ้งวาบผ่านไปมาไม่หยุด เมื่อคนอื่น ๆ มองดูอย่างถี่ถ้วนต่างตกตะลึงไปตาม ๆ กัน!
นี่คือโลกนอกเหนือจากสามภพหรือ!?
ที่แท้นอกจากสามภพแล้วยังมีโลกอื่นอีก!
“การก้าวข้ามความว่างเปล่าที่กล่าวถึงหลังจากกลายเป็นเทพ คือที่นี่ใช่หรือไม่?” ร่างแยกของผู่ตานเกาะตาข่ายสีเขียวมรกต ดวงตาจ้องมองไปยังลูกกลมสีรุ้งที่หมุนวนผ่านไปอย่างรวดเร็ว
“น่าจะใช่กระมัง?”
ทุกคนต่างตะลึงกับ ‘ความว่างเปล่า’ ตรงหน้า
“พวกเราถูกพาเข้าสู่ความว่างเปล่าเสียแล้ว…” อดีตอาจารย์ใหญ่สำนักเหอตงรู้สึกสับสน ความร้อนรุ่มพลันขึ้นสู่กระหม่อม แม้ต้องตายในตอนนี้ก็คุ้มค่าแล้ว!
หลิงเยว่ผู้สูญเสียการควบคุมร่างกายก็ตกตะลึงกับภาพที่ปรากฏเบื้องหน้า ความว่างเปล่าที่พวกเขาถกเถียงกันกลับเป็นห้วงอวกาศอันกว้างใหญ่ไพศาล!
เพียงแต่ทิศทางของโลกใบนี้ยิ่งทำให้นางรู้สึกประหลาดใจมากขึ้นเรื่อย ๆ
“ระบบ เจ้าจะพาพวกข้าไปที่ใด? ยังสามารถกลับไปโลกผู้บำเพ็ญเซียนได้หรือไม่?” แม้จะตกตะลึงกับความกว้างใหญ่เบื้องหน้า แต่หลิงเยว่ก็ยังคงไม่ลืมโม่จวินเจ๋อและ… ต้นไม้กึ่งปีศาจ
[แน่นอนว่าต้องกลับไป ที่นี่ล้วนเป็นดินแดนที่มีเจ้าของ ไม่มีที่สำหรับพวกเจ้าหรอก แต่มีเพียงที่พักชั่วคราวเท่านั้น]
ระบบที่หลบหนีออกมาพูดเสียงดังขึ้น
“คงไม่ให้อยู่เปล่า ๆ แน่?”
[แน่นอน สิ่งที่เจ้ามีตอนนี้คือลมหายใจเท่านั้น]
“…”
“เหตุใดหินวิญญาณและหินปีศาจจึงไร้ประโยชน์เล่า?” หลิงเยว่รู้สึกชาไปทั้งร่าง หากสิ่งเหล่านี้ไร้ประโยชน์ ชีวิตของนางคงอยู่ได้ไม่นานนัก
เพราะนางต้องใช้ลมหายใจแห่งชีวิตเพื่อรักษาทั้งโลกเอาไว้
ราวกับได้ยินเสียงหัวใจของตนแตกสลาย
“แล้วสมบัติวิเศษเหล่านั้นเล่า…”
[พอมีประโยชน์บ้าง เจ้าคงไม่คิดว่าผู้ที่อาศัยอยู่ในดินแดนว่างเปล่าล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทพหรือพวกนักบวชกระมัง?]
“ไม่ใช่เช่นนั้นหรือ?”
[ไม่ใช่]
ระบบที่อารมณ์ดีพอสมควรอธิบายให้หลิงเยว่ฟังอย่างอดทน
หลิงเยว่ฟังจนสมองเละเป็นโจ๊ก เข้าใจแค่ว่าระบบให้นางพยายามหาแก่นว่างเปล่า เพื่อจ้างกองทัพผู้แข็งแกร่งกลับไปยังโลกผู้บำเพ็ญเซียน
ความเร็วในการบินของต้นไม้มรกตค่อย ๆ ช้าลง ในดวงตาของทุกคนกลายเป็นสีม่วง พวกเขาเข้าสู่ทะเลดอกไม้สีม่วงแล้ว
“ช่าง… งดงามจริง ๆ!”
เมื่อทะเลดอกไม้สีม่วงเห็นลูกเทนนิสสีเขียวนั้น ดอกไม้ทั้งหมดกลายเป็นภูตสีม่วงพากันมารุมล้อม
ลูกแก้วสีเขียวมรกตขนาดเท่ากำปั้นตกลงตรงหน้าราชินีภูตสีม่วง จากนั้นร่างของหลิงเยว่ก็ปรากฏขึ้น
“ศิษย์น้อง!?” ร่างแยกของผู่ตานตื่นเต้นจนอยากจะฉีกตาข่ายสีเขียวออกไป
หลิงเยว่หันกลับมายิ้มให้ทุกคน แต่รอยยิ้มนั้นดูน่าขนลุกยิ่งนัก
นี่ไม่ใช่หลิงเยว่คนเดิม เพราะตัวจริงยังถูกบีบอยู่ในมุมอยู่เลย
“เอ๊ะ กลิ่นอายแห่งชีวิต?”
ราชินีภูตสีม่วงสูดดมกลุ่มแสงสีเขียวมรกตเสียเต็มปอด ใบหน้าเต็มไปด้วยความเคลิบเคลิ้ม “จุดนี้อยู่ได้แค่… ครึ่งปีเท่านั้นนะ”
สีหน้าของ ‘หลิงเยว่’ หม่นลงทันที
“ห้าปี ถ้าไม่ได้พวกข้าจะจากไปทันที”
ระบบพูดพลางจะเรียกลมหายใจแห่งชีวิตกลับ ทันใดนั้นราชินีภูตสีม่วงก็ตกใจ “ข้าให้สามปีครึ่ง หากมากกว่านี้คงไม่ได้แล้ว…”
“ได้ ถือว่าเป็นสี่ปี ตกลงตามนี้แล้วกัน!”
ราชินีภูตสีม่วงและหลิงเยว่ตัวจริง “…”
ต่อรองแบบนี้ก็ได้หรือ?
ราชินีภูตสีม่วงทำหน้ามุ่ยไม่พอใจนัก แต่การซื้อขายเสร็จสิ้นแล้ว นางไม่อาจเปลี่ยนใจได้ เลยได้แต่อุ้มกลุ่มแสงลมหายใจแห่งชีวิตที่ใหญ่กว่านางหลายสิบเท่าเดินจากไป
“อ๊ะ รอก่อน…” หลิงเยว่ที่เพิ่งได้รับการควบคุมร่างกายกำลังจะขัดขวางราชินีภูตสีม่วง แต่พอยื่นมือออกไป กลุ่มภูตที่แปลงร่างมาจากดอกไม้สีม่วงก็พุ่งเข้ามาทันที ราวกับว่าถ้านางขยับอีกนิด พวกมันจะซัดทันที
“แล้วจะทำอย่างไรดีเล่า?”
“ข้าให้พวกเจ้าตั้งรกรากชั่วคราวในทะเลสีม่วงแล้ว ยังจะเอาอะไรอีก? หรือว่าพวกเจ้าอยากให้พวกข้าเลี้ยงดูปูเสื่อด้วย?” ภูตหนุ่มรูปงามผมสั้นเดินออกมาจากกลุ่ม
ไม่จำเป็นขนาดนั้นหรอก
หลิงเยว่นิ่งเงียบ
“พวกเจ้าสามารถเข้าออกทะเลสีม่วงนี้ได้อย่างอิสระ หากต้องการออกไปนอกทะเลสีม่วง แต่พลังไม่เพียงพอก็สามารถจ้างพวกข้าได้ ส่วนค่าจ้างนั้นไว้เจรจากัน”
ดวงตาที่หม่นหมองของหลิงเยว่พลันสว่างวาบ
“พวกเจ้าสามารถจัดการกับวิญญาณร้ายได้หรือไม่?”
“แค่วิญญาณร้ายนิด ๆ หน่อย ๆ…”
“อะไรนะ?! มิติที่พวกเจ้าอาศัยอยู่ถูกวิญญาณร้ายบุกรุกหรือ?” ดวงตาสีม่วงของภูตหนุ่มผมสั้นเบิกกว้าง
“เช่นนั้นพวกเจ้าก็จบสิ้นแล้ว”
“…”
“บอกมาเถิดว่าเผ่าของพวกเจ้าสามารถรับมือกับวิญญาณได้หรือไม่?”
“สิ่งมีชีวิตจะไปรับมือกับสิ่งไม่มีชีวิตได้อย่างไรเล่า? แต่หากต้องการรับมือกับวิญญาณ เจ้าสามารถไปหาเจ้าแห่งดินแดนมรณะ ให้กองทัพโครงกระดูกของเขาออกรบ บางทีอาจมีทางรอดก็ได้!”
“เจ้าแห่งดินแดนมรณะหรือ? เขาอยู่ที่ใด?” หลิงเยว่รีบถาม
ผลปรากฏว่าเขาไม่ยอมตอบ บนใบหน้าราวกับเขียนไว้ว่า ‘คิดจะถามฟรี ๆ หรือ? ไม่มีทางหรอก!’
หลิงเยว่รวบรวมพลังชีวิตขนาดเท่าเมล็ดถั่วเหลืองส่งให้อีกฝ่าย
“ตอนนี้พูดได้หรือยัง?”
“ได้” เขาพอใจกับพลังชีวิตก้อนนี้มาก
“เพียงแค่ข้ามทะเลม่วงแล้วผ่านดินแดนสีเขียว จากนั้นบินไปยังดินแดนไร้ขอบเขต แล้ว… ภายในพันปีก็จะถึงดินแดนมรณะแล้ว”
หลิงเยว่ “?”
คืนลมหายใจแห่งชีวิตของนางมาเถอะ!