ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 508 หัวใจแตกสลายในทันที
บทที่ 508 หัวใจแตกสลายในทันที
เมื่อได้รับรางวัลมา ภูตผมสั้นก็สูดดมอย่างเคลิบเคลิ้มแล้วกลืนลงท้องในคำเดียว
“ตามข้ามา”
“ข้าก็…” เมื่อเล่อเหอกำลังจะตามไป ภูตผมสั้นกลับหันมาจ้องเขม็ง “เจ้าอ่อนแอเกินไป กลับไปฝึกฝนอีกหมื่นปีแล้วค่อยมาใหม่เถอะ”
หัวใจเล่อเหอแตกสลายในทันที ถึงเขาจะอ่อนแอ แต่ไม่ถึงกับต้องฝึกฝนอีกหมื่นปีกระมัง?
“แล้วข้าล่ะ? คงมีคุณสมบัติเป็นพาหนะได้ใช่ไหม?” ชิงหลงพูดเสียงเบา
“เจ้าน่ะหรือ?” สายตาประหลาดใจของภูตผมสั้นทำลายความหวังของสัตว์เทพตัวอื่น ๆ ที่กำลังจะเอ่ยปากอย่างราบคาบ
“ให้ข้าไปด้วย!” ผู่ตานเอ่ยอย่างมั่นใจ เขาเป็นหงส์ทองคำตัวเดียวในโลก ทั้งยังพ้นโลกีย์แล้วด้วย คงพอได้กระมัง?
ภูตผมสั้นลังเลครู่หนึ่ง สุดท้ายก็พยักหน้าอย่างฝืน ๆ
“ยังมีพวกข้าอีก”
“เจ้าปล่อยพวกเขาออกมาหรือ?”
หลิงเยว่หัวโล้นที่ถูกถามพยักหน้า “หากเจ้าไปเอง ข้าคงไม่สบายใจ อีกอย่างตอนพวกเขามีชีวิตอยู่ ยกเว้นพี่สาวแบนศพที่ไม่ใช่เทพแล้ว พวกเขาล้วนเก่งกาจ และพวกเขาก็เป็นวิญญาณ น่าจะช่วยได้บ้าง”
“เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ?!” พี่สาวแบนศพชี้ที่ตัวเองด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ
“บรรพจารย์เล่อเหอก็เรียกแบบนี้…”
เล่อเหอรีบปิดปากหลิงเยว่ตัวน้อย แล้ววิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
“เด็กน้อยพูดจาไม่รู้เรื่อง!”
“เจ้าอยากให้บรรพจารย์ของเจ้าตายใช่ไหม…”
เสียงบ่นของเล่อเหอยังลอยมาตามสายลมอย่างแผ่วเบา
หลิงเยว่กระตุกมุมปากอย่างควบคุมไม่ได้ แต่บรรพจารย์ก็ตั้งชื่อเก่งอยู่ ชื่อพี่สาวแบนศพนี่ช่างเห็นภาพได้ชัดเจนจริง ๆ
“ข้าก็จะ…”
พูดแบบนี้เรียกชื่อเขาตรง ๆ เลยเถอะ!?
ผู่ตานจ้องภูตผมสั้นด้วยสายตาดุดัน
ก่อนจะจากไป หลิงเยว่เรียกเหล่าศิษย์ของตนมาสั่งงานมากมายก่อนที่จะออกเดินทาง
“ข้ามีเพียงลมหายใจแห่งชีวิตที่สามารถแลกเปลี่ยนได้ คงจะพอใช้ได้กระมัง?”
หลิงเยว่มาถึงหน้าวังดอกไม้สีม่วงพร้อมกับภูตผมสั้นด้วยความรู้สึกกังวล
“เพียงพอแล้ว”
ภูตผมสั้นเคาะประตู
“เปิดประตู มีการค้ามาเยือนแล้ว!”
ประตูวังเปิดออกทันที ‘คน’ สามคนสวมเสื้อคลุมสีดำ เท้าลอยอยู่เหนือพื้น ปรากฏสู่สายตาของหลิงเยว่
ภูตผมสั้นผลักหลิงเยว่ที่จ้องมองชายเสื้อคลุมสีดำไม่วางตา แล้วพูดตรง ๆ ว่า “นี่คือผู้ว่าจ้าง จะจ้างพวกเจ้าไปช่วยคนในโลกวิญญาณ ค่าจ้างคือพลังชีวิต”
“แค่สามคนเองหรือ?” ผู่ตานแอบบ่น ยังไม่มากเท่าพวกเขาด้วยซ้ำ
“ขอเพียงให้ค่าจ้างมากพอ เจ้าอยากให้ทั้งตระกูลวิญญาณรับใช้พวกเจ้าก็ได้” เสื้อคลุมหมายเลขหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าสุดเอ่ยปาก อากาศเย็นเยียบขึ้นมาทันที พร้อมดอกไม้บนกำแพงที่เหี่ยวเฉาเป็นจำนวนมาก
หลังจากพลังแห่งความตายแล้วยังมีพลังความมืดด้วย…
หลิงเยว่กลืนน้ำลายเงียบ ๆ พวกเขาน่าจะเป็นตระกูลวิญญาณสินะ? หรือจะเป็นพวกนักพรตวิญญาณ?
ร่างกายของผู่ตานสั่นโดยไม่รู้ตัว พอคนผู้นี้เอ่ยปาก เขารู้สึกว่าแก่นปราณแสงในร่างกายกระสับกระส่าย ทั้งที่แก่นปราณแสงควรจะเป็นจุดอ่อนของคนตายพวกนี้นี่นา!
“แค่ช่วยคนเท่านั้น คงไม่ต้องใช้ทั้งตระกูลหรอกนะ?” หลิงเยว่ถามกลับเสียงอ่อย
ผู้ฝึกวิญญาณทั้งสามไม่พูดอะไร แม้เสื้อคลุมสีดำจะปกปิดทั้งร่าง แม้แต่ดวงตาก็ไม่เผยออกมา แต่หลิงเยว่ยังรู้สึกได้ว่าพวกเขากำลังสังเกตนางอยู่
“ไม่จำเป็น”
หลังจากผ่านไปนาน ผู้สวมเสื้อคลุมหมายเลข 1 ค่อย ๆ เอ่ยปาก อากาศกลับเย็นเยียบขึ้นอีกครั้ง ผู่ตานเริ่มตาเหลือก
ช่างน่าหดหู่จริง ๆ!
“พอหรือไม่?” หลิงเยว่ไม่พูดพร่ำทำเพลง ล้วงลูกแก้วพลังชีวิตที่มีขนาดใหญ่เท่าหัวของผู่ตานออกมาทันที ภูตผมสั้นที่อยู่ข้าง ๆ น้ำลายไหลหยดติ๋ง ๆ แทบอยากตายแล้วขอเข้าร่วมเผ่าวิญญาณด้วยทันที
“หลังจากงานสำเร็จ ข้าจะเพิ่มให้อีกหนึ่งลูก”
หลิงเยว่ทุ่มเทเพื่อช่วยโม่จวินเจ๋อจริง ๆ
ตอนนี้นางไม่สนใจอะไรแล้ว หากปล่อยไว้นานกว่านี้ นางกลัวว่าโม่จวินเจ๋อจะกลายเป็นราชาวิญญาณเสียก่อน
เมื่อลูกแก้วพลังชีวิตบริสุทธิ์ปรากฏขึ้น ดอกไม้ที่เหี่ยวเฉาพลันฟื้นคืนชีพ บานสะพรั่งยิ่งกว่าเดิม!
พลังมืดที่แผ่ออกมาจากร่างของวิญญาณทั้งสามถูกชำระล้างจนหมดสิ้นในพริบตา
“ไม่เคยเห็นพลังชีวิตที่บริสุทธิ์เช่นนี้มาก่อน…”
การปรากฏของลมหายใจแห่งชีวิต เสื้อคลุมสีดำบนร่างของวิญญาณทั้งสามกลับจางลง
หลิงเยว่เห็นสถานการณ์เช่นนั้น จึงรีบหยิบกล่องไม้ออกมาเก็บลมหายใจแห่งชีวิตเข้าไป
เมื่อพูดว่ารับ พวกเขาก็รับกล่องไม้ที่หลิงเยว่ส่งมาให้ด้วย
ทันทีที่กล่องไม้สัมผัสกับแขนเสื้อคลุมสีดำพลันเกิดเสียงซ่า ๆ ขึ้นทันที ไม่นานแขนเสื้อสีดำของวิญญาณหมายเลข 1 ก็ถูกชำระล้างไปครึ่งหนึ่ง แต่ดูเหมือนเขาจะไม่รู้สึกอะไร แล้วเก็บกล่องไม้เข้าไปในกระเป๋าด้วยท่าทีสงบนิ่ง
แขนเสื้อที่ถูกชำระล้างงอกออกมาใหม่อีกครั้งหลังจากกล่องไม้หายไป
“ศิษย์น้องหลิง ไปแค่สามคนจะพอจริง ๆ หรือ?” ผู่ตานยังคงกังวลกับปัญหานี้ โดยเฉพาะหลังจากเห็นวิญญาณหมายเลข 1 ถูกลมหายใจแห่งชีวิตเผาไหม้ ยิ่งรู้สึกว่าคนทั้งสามนี้ไม่น่าไว้ใจเอาเสียเลย
“น่าจะพอนะ?” หลิงเยว่ไม่แน่ใจเช่นกัน
“ไปเถอะ”
ความจริงแล้วผู้ฝึกวิญญาณทั้งสามได้ยินบทสนทนานั้น แต่เพราะเห็นแก่ลมหายใจแห่งชีวิต จึงไม่ถือสาผู่ตาน และยิ่งไม่อยากถือสาผู้ว่าจ้าง
“จะออกเดินทางทันทีเลยหรือ?”
“การช่วยคนยิ่งเร็วยิ่งดีไม่ใช่หรือ?”
“อืม ไม่ต้องคืนหรอก” หลิงเยว่รีบเดินไปด้านหน้าสุด ส่วนคนกระดาษทั้งสี่ตัวนั้น นางได้เก็บเข้าไปในผมของนางแล้ว ด้วยเหตุที่ว่าในสถานที่อันตรายเช่นนี้ควรเก็บไพ่ตายไว้บ้าง
หากเกิดว่าผู้ฝึกวิญญาณทั้งสามกลับใจระหว่างทาง แล้วจัดการนางกับผู่ตาน พวกมันยังออกมาช่วยได้
“จะไปกันอย่างไรเล่า?” ผู่ตานไม่ค่อยอยากนั่งบนร่างของวิญญาณทั้งสามนัก อีกอย่างเขายังไม่เคยลองบินในความว่างเปล่ามาก่อน หากบินไม่ได้คงน่าอับอายเกินไป
“ไม่ต้องใช้เจ้าหรอก”
ผู้ฝึกวิญญาณหมายเลขสามโบกแขนเสื้อ เงานกขนาดใหญ่พลันปรากฏ
วิญญาณทั้งสามรวมทั้งหลิงเยว่ต่างขึ้นไปนั่งบนนกนั้น มีเพียงผู่ตานที่ถูกทิ้งไว้ที่เดิม
“???”
นี่พวกเขาหมายความว่าอย่างไร?
คิดว่าข้าขึ้นไปไม่ได้หรือ?
เฮอะ!
พอดีที่ผู่ตานกำลังคิดจะเรียกร้องศักดิ์ศรีให้ตัวเอง แต่ไม่คาดคิดว่าหลิงเยว่ที่ร้อนใจจะช่วยคนกลับหิ้วเขาขึ้นมาราวกับหิ้วลูกไก่
ทำให้เหล่าวิญญาณหัวเราะเยาะขึ้นมาทันที
ผู่ตาน “…”
ศิษย์น้องห้า เจ้าจะไม่ให้เกียรติข้าสักหน่อยเลยหรือ?
………………..