ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 513 น่าจะตัดได้ใช่ไหม?
บทที่ 513 น่าจะตัดได้ใช่ไหม?
“ข้าเกรงว่าเจ้าจะจ่ายค่าตอบแทนไม่ไหว”
ชายชุดดำหมายเลข 2 พูดด้วยน้ำเสียงประหลาด
แม้ชายทั้งสามจะไร้ใบหน้า แต่หลิงเยว่กลับรู้สึกได้ถึงความ… ดูแคลน? ที่แผ่ออกมาจากทั่วร่างของพวกมัน
“พวกเจ้าบอกมาเลยว่าต้องการเท่าไหร่?”
ขาไปนางถูกเยาะเย้ยตลอดทาง พอขากลับยังถูกเยาะเย้ยอีก และตอนนี้ผู่ตานก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว!
รอดูเถอะ!
ชายร่างวิญญาณทั้งสามไม่พูดอะไร เห็นได้ชัดว่าพวกมันคิดว่าหลิงเยว่และผู่ตานไม่มีทางจ่ายค่าตอบแทนที่พวกมันต้องการได้
จนกระทั่งกลับถึงทะเลม่วง หลังจากมอบพลังชีวิตที่เหลือให้พวกมัน พวกมันก็ยังคงเงียบ
“พวกเจ้ากลับมาเร็วจังนะ?” ภูตผมสั้นนำบรรดาน้องชายน้องสาวมาต้อนรับ ดวงตาสีม่วงสวยมองไปทางโน้นทีทางนี้ที แต่ไม่พบใครเพิ่มเติมจึงจับจ้องไปที่ลูกกลมสีดำบนไหล่ของผู่ตาน
เพียงแค่เห็นท่าทางหดหู่ของทั้งสองก็รู้ได้ทันทีว่าพวกเขาถูกสามวิญญาณนั่นทำร้ายจิตใจไม่น้อย
“พวกเขาเป็นอะไรไป?” ภูตผมสั้นลอยอยู่หน้าเสื้อคลุมสีดำหมายเลข 1 ดวงตาเป็นประกายวาววับ ความอยากรู้อยากเห็นถูกปลุกขึ้นมาอย่างเต็มที่
“คนที่จะไปช่วยกลายเป็นวิญญาณไปแล้วหรือ? หรือว่าแม้แต่ศพก็หาไม่เจอ?”
“อย่าสอดรู้สอดเห็นไปหน่อยเลย”
วิญญาณทั้งสามทิ้งคำพูดไว้แล้วหายตัวไปทันที พวกเขาต้องไปวางแผนดูว่าจะเดินทางไปยังโลกวิญญาณที่สี่อย่างปลอดภัยได้อย่างไร
ภูตผมสั้นกลอกตาไปมาแล้ววิ่งตามหลิงเยว่ไป
ทั้งสองเพิ่งก้าวเข้าสู่โลกแห่งการบำเพ็ญขนาดย่อส่วน กลิ่นหอมของอาหารนานาชนิดก็โชยมา
เล่อเหอรีบโยนกระบี่ที่เชือดสัตว์อสูรทิ้ง แล้ววิ่งมาหาหลิงเยว่
“ไม่สำเร็จหรือ?”
พอเห็นเงาร่างเพียงสองคน หากเล่อเหอไม่ผิดหวังคงเป็นเรื่องโกหก รวมถึงแววตาที่เปล่งประกายของคนในสำนักหลานเทียนที่วิ่งมาอย่างกระตือรือร้นพลอยหม่นหมองลงด้วย
“พวกเราไม่เจอเขา แต่ว่า… เขายังมีชีวิตอยู่”
“เขาถูกเจ้าแห่งโลกวิญญาณที่สี่จับตัวไป”
หลิงเยว่เริ่มพูด ผู่ตานรีบเสริมต่อ…
“อาจารย์หลิง อาหารวิญญาณและอาหารปีศาจของพวกข้าขายไม่ออกเลย…” เซี่ยซิ่นรุ่ยที่รอโอกาสมานานก็ดึงตัวหลิงเยว่ไป ด้วยสีหน้าละอายใจ
ก่อนที่หลิงเยว่จะจากไป เขาได้ให้นักเรียนกลุ่มหนึ่งทำอาหารไปขายที่ตลาดทะเลม่วง ดังนั้นพวกเขาจึงสลับกันไปตั้งแผงขายทุกวัน กลิ่นหอมลอยไปทั่วทั้งตลาด แต่ผลลัพธ์ที่ได้คือมีแต่คนมามุงดู ไม่มีใครกล้าลองชิมสักคน
ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังกระซิบกระซาบกันอยู่นั้น กองทัพใหญ่นำโดยจื่อเฉาอวี่ที่ไปตั้งแผงขายก็กลับมา ทุกคนดูห่อเหี่ยวเหลือเกิน
เมื่อเหล่านักเรียนเห็นหลิงเยว่ราวกับเห็นดาวแห่งความหวัง พวกเขาวิ่งกรูกันมาแล้วแย่งกันพูด
“อาจารย์หลิง พวกข้าทำให้ท่านผิดหวัง…”
“ใช่แล้ว ไม่เพียงแต่ขายอาหารไม่ได้สักอย่าง ยังติดหนี้ค่าแผงขายของอีกหมื่นกว่า”
“ทั้งที่อาหารก็อร่อยและยังมีสรรพคุณรักษา เหตุใดพวกเขาจึงไม่ยอมซื้อเล่า?”
ทั้งที่ในโลกผู้บำเพ็ญ เพียงแค่พวกเขาลงมือเล็กน้อยอาหารก็จะถูกแย่งซื้อในทันที
“แหวะ! นี่มันอะไรกันเนี่ย? รสชาติแย่มาก!”
ลูกกลมสีดำไม่รู้ว่ามาอยู่บนเตาย่างตั้งแต่เมื่อไหร่ มันส่งเสียงร้องที่ทำให้คนรู้สึกแย่ยิ่งขึ้น
“เจ้ากินได้ด้วยหรือ?” หลิงเยว่ตบลูกกลมสีดำลงมาด้วยฝ่ามือเดียว แล้วคว้าเนื้อสัตว์อสูรย่างมากินทันที
กรอบนอกนุ่มใน น้ำมันหอมแผ่ซ่านในปาก ยิ่งกินยิ่งทำให้คนรู้สึกมึนเมา นี่มันจะเรียกว่าไม่อร่อยได้อย่างไร?!
“ไม่อร่อย ไม่อร่อย ไม่อร่อย!”
ลูกกลมสีดำไม่ยอมแพ้ ขณะลุกขึ้นมามันยังอาเจียนออกมาหลายครั้ง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
ผู้ที่สวมหน้ากากแห่งความทุกข์ทรมานเช่นเดียวกับเขาคือภูตผมสั้น ก่อนหน้านี้เขาได้ลิ้มลองชา เหล้าสมุนไพรวิญญาณและสมุนไพรปีศาจ ขนมเค้กชิ้นเล็ก ๆ รวมถึงขนมหวานสวยงามนานาชนิด
แม้จะดูสวยงามและกลิ่นหอม แต่รสชาติช่างยากจะบรรยายเหลือเกิน!
“เจ้ามาทวงหนี้หรือ?” จื่อเฉาอวี่มองเห็นภูตผมสั้นแล้วคิดว่าเขามาเก็บค่าเช่าแผง
ซีหลินรู้สึกอับอายยิ่งนัก เขาเป็นคุณชายที่มีชื่อเสียงในเมืองฝู่ซาง มีเมื่อไหร่กันที่ถูกคนไล่ตามทวงหนี้เช่นนี้?
ประสบการณ์นี้ทั้งแปลกใหม่และน่าอับอายนัก!
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก พวกเจ้าวางใจเถิด สักวันต้องมีคนที่ลิ้นพิการมาหลงกลแน่” ภูตผมสั้นกล่าวพลางมองไปทางหลิงเยว่
สีหน้าของเขายากจะบรรยาย อาหารที่รสชาติแย่ขนาดนี้ นางกลับกินอย่างเอร็ดอร่อย? พวกมนุษย์ลิ้นพิการกันหมดแล้วหรือ?
ช่างน่าสงสารเหลือเกิน
คำพูดและสีหน้าของภูตผมสั้นแทบทำให้หลิงเยว่สำลัก
ความหมายของเขาคือ พวกเขาในโลกผู้บำเพ็ญทั้งหมดสูญเสียประสาทรับรสไปแล้วหรือ?
หรือว่าโครงสร้างร่างกายของมนุษย์ในโลกผู้บำเพ็ญต่างจากสิ่งมีชีวิตในดินแดนว่างเปล่า?
หลิงเยว่หิ้วลูกกลมสีดำที่ยังคงอาเจียนอยู่ “ข้าจะเก็บตัวบำเพ็ญสักหน่อย พวกเจ้าพักผ่อนกันสักสองสามเถอะ ส่วนเรื่องออกร้านก็หยุดไว้ก่อน”
“ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!”
หากมันไม่ได้ถูกทำร้ายจนบาดเจ็บ มันจามแค่ครั้งเดียวก็ทำให้นางตายได้แล้ว!
“พวกข้าช่วยชีวิตเจ้าด้วยความหวังดี ตอนนี้เป็นเวลาที่เจ้าต้องตอบแทนแล้ว” หลิงเยว่เดินทางไปยังยอดเขาโอสถอย่างคุ้นเคย จนมาถึง… ห้องกลั่นโอสถของติงหลิวหลิ่ว
ศิษย์พี่สาม…
แววตาของหลิงเยว่เต็มไปด้วยความรู้สึกอบอุ่น
ห้องกลั่นโอสถที่ปิดสนิทถูกรุกล้ำด้วยกิ่งไม้หนึ่งกิ่ง มันนำพาแสงเล็ก ๆ สี่ดวงมาด้วย
“หลิงเยว่ ข้าพยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว…”
เสียงเล็ก ๆ ของหลิงเยว่หัวโล้นดังมาจากกิ่งไม้สีเขียว “ข้าตามหามานานมาก แต่ไม่สามารถรวบรวมเศษวิญญาณทั้งหมดของพวกเขาได้”
หลิงเยว่ได้กลิ่นของชิงยวน หลงหว่านโหรว ว่านอวี้เฟิง และติงหลิวหลิ่วจากดวงแสงเล็กๆ ทั้งสี่ดวง
“เท่านี้ก็พอแล้ว!”
หลิงเยว่นำดวงแสงเล็ก ๆ ทั้งสี่ใส่ลงในตันเถียนของตนอย่างระมัดระวังราวกับพวกมันเป็นของล้ำค่า
“ขอบคุณเจ้ามาก”
“ไม่… ไม่เป็นไร เช่นนั้นก็ทำธุระของเจ้าเถิด ข้าจะไปนอนแล้ว!” กิ่งไม้สีเขียวราวกับอายขึ้นมา รีบหดกลับไปอย่างรวดเร็ว
พวกเขาคืออาจารย์และศิษย์พี่ร่วมสำนักของนาง
“เจ้ามันบ้า”
เมื่อเผชิญหน้ากับหลิงเยว่ที่ร้องไห้และหัวเราะไปพร้อม ๆ กัน ลูกกลมสีดำจึงอ้าปากวิจารณ์
หลิงเยว่หายใจเข้าออกหลายครั้ง เพื่อสงบสติอารมณ์ แล้วพูดกับลูกกลมดำด้วยถ้อยคำชวนขนลุก
“ขอยืมเนื้อของเจ้าหน่อย”
“เจ้าพูดว่าอะไรนะ!?”
“ข้าบอกว่า ขอยืมเนื้อของเจ้าหน่อย”
หลิงเยว่พูดซ้ำอีกครั้ง นางไม่รอให้ลูกกลมดำตอบสนอง แล้วหยิบมีดที่ทำจากกิ่งไม้ร่างแท้ของตัวเองออกมาฟันลงไปที่อีกฝ่ายทันที
หลิงเยว่รู้ว่าของวิเศษอะไรพวกนั้นใช้ไม่ได้กับอสูรหมอกว่างเปล่า นางเลยคิดแผลง ๆ ว่าจะใช้ ‘ตัวเอง’ เฉือนร่างอีกฝ่าย
น่าจะได้ผลนะ?