ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 514 ช่างน่าหดหู่เหลือเกิน!
บทที่ 514 ช่างน่าหดหู่เหลือเกิน!
เสียงร้องโหยหวนดังก้องไปทั่วยอดเขาโอสถ เหมือนตอนที่หลิงเยว่ถูกป้อนโอสถหล่อกระดูกไม่มีผิด ไม่สิ… นี่มันน่าสยดสยองกว่าเสียอีก
เสียงร้องอันน่าสะพรึงกลัวแผ่ขยายจากยอดเขาโอสถไปทั่วสำนักหลานเทียน และจากสำนักหลานเทียนไปทั่วทั้งโลกผู้บำเพ็ญ
ผู้คนที่ได้ยิน รวมถึงสัตว์และพืชต่างสั่นสะท้านโดยไม่รู้ตัว
“ศิษย์น้อง เจ้ากำลังทำอะไรอยู่?” ผู่ตานเพิ่งเล่าเรื่องราวที่ได้พบเห็นมาตลอดทางให้เล่อเหอและคนอื่น ๆ ฟังอย่างออกรสหดคอลงทันที
ในขณะเดียวกันเขาจำได้ว่าเสียงร้องนั้นเป็นของลูกกลมสีดำ
เขาอดรู้สึกสงสารมันไม่ได้
ก่อนหน้านี้มันถูกทุบตีอย่างไม่มีสาเหตุ ไม่เพียงแต่บาดเจ็บสาหัส บ้านก็หายไปด้วย พอรอดชีวิตมาได้ ตอนนี้กลับต้องมาเจอกับการทรมานจากศิษย์น้องห้าอีก ช่างน่าสงสารเหลือเกิน
แม้ผู่ตานจะรู้สึกสงสาร แต่เขาไม่มีความคิดที่จะไปช่วยมัน ศิษย์น้องของเขาใจดีจะตาย อย่างมากก็แค่ทรมานมันเล็กน้อยเท่านั้น คงไม่ถึงกับเอาชีวิตมันหรอก
ลูกกลมสีดำถูกปล่อยออกมา ขาข้างซ้ายที่บางราวกับขนหมูถูกพันด้วยเส้นไหมสีเขียวที่บางยิ่งกว่า ดวงตาคู่โตมีน้ำตาไหลเป็นทางยาว มันบินโซเซไปมา ดูน่าสงสารยิ่งนัก
เมื่อเห็นผู่ตานมันก็ร้องไห้โฮทันที
มันเป็นเพียงทารกน้อย แต่กลับถูกมนุษย์ทรมานเช่นนี้ อุแว้!
ผู่ตาน “…”
ก็แค่ถูกเฉือนเนื้อไปนิดเดียวเอง
เมื่อมหาปุโรหิตเห็นบาดแผลที่ขาของลูกกลมสีดำ พลันนึกถึงภาพตอนที่ตนเองถูกเฉือนเนื้อ ความรู้สึกเจ็บปวดแล่นขึ้นมาทันที
เผ่าปลาหมัวอิน รวมถึงสัตว์ในป่าปีศาจที่ตกเป็นเหยื่อของหลิงเยว่ต่างรู้สึกเจ็บปวดไปทั้งร่าง
“นาง… ยังชอบเฉือนเนื้อเช่นเคย” ราชสีห์เก้าหางที่เคยถูกตัดเนื้อพูดพลางกระตุกมุมปาก
“พวกเจ้าก็เคยถูกนางเฉือนเนื้อหรือ?” ลูกกลมสีดำราวกับพบพวกพ้อง รีบออกจากตัวผู่ตานแล้วเกาะแขนราชสีห์เก้าหาง ถามด้วยน้ำเสียงสะอื้นและน้ำตาเอ่อคลอ
อีกฝ่ายพยักหน้า “แต่เจ้าวางใจได้ หลิงเยว่จะไม่เฉือนเนื้อไปโดยเปล่าประโยชน์หรอก”
ลูกกลมดำตัวน้อย “…”
มันคิดว่าเจอพรรคพวกแล้วเสียอีก ที่แท้ก็เป็นคนบ้าเหมือนหญิงผู้นั้น!
พวกคนบ้า! ข้าต้องออกไปจากที่นี่ ต้องหนีให้ไกลที่สุด!
แม้ในใจจะคิดเช่นนั้น แต่สุดท้ายลูกกลมดำก็ไม่ได้หนีไป ส่วนใหญ่เป็นเพราะบรรยากาศของโลกนี้ทำให้มันรู้สึกอยากตั้งรกรากอยู่ที่นี่
มันคืออะไรกันแน่?
ทำไมถึงหอมขนาดนี้ ยิ่งดมยิ่งรู้สึกว่าบาดแผลไม่ค่อยเจ็บแล้ว…
หลิงเยว่กำลังจ้องมองขาที่เต็มไปด้วยเมฆและหมอกจนแทบจะเต็มห้องกลั่นโอสถ นางตัดมาเพียงชิ้นเล็ก ๆ เท่านั้น ไม่คิดว่าเนื้อที่แยกออกจากร่างของลูกกลมดำน้อยจะใหญ่โตขนาดนี้
ใหญ่ขนาดนี้ก็แย่แล้ว แถมบางครั้งยังกลายเป็นหมอกด้วย… นางควรทำอาหารอะไรดีเนี่ย?
อาหารจากอากาศหรือ?
หลิงเยว่มีสูตรอาหารผุดขึ้นในหัวไม่หยุด แต่ต้องตัดออกไปทีละอย่าง เมื่อใกล้จะได้บทสรุปแล้ว นางกลับทำหน้าเหมือนพร้อมตาย แล้วคว้าหมอกนั่นยัดเข้าปากทันที
อืม… จะบรรยายรสชาติของหมอกนี้อย่างไรดีนะ?
มีรสขมนิด ๆ ผสมกับกลิ่นคาวเล็กน้อย หมอกแค่ก้อนเดียวก็รู้สึกอิ่มท้องแล้ว พละกำลังและพลังเซียนกำลังฟื้นคืนอย่างรวดเร็ว
หลิงเยว่เหมือนลูกโป่งที่ถูกเป่าลม ตัวพองขึ้นเรื่อย ๆ ในวินาทีที่ใกล้จะระเบิด ร่างจริงก็มาช่วยได้ทันเวลา นางจึงกลับคืนสู่ร่างปกติอย่างรวดเร็ว
แค่ก้อนเล็ก ๆ พลังงานยังมากมายขนาดนี้เชียว…
หลิงเยว่เช็ดเหงื่อบนหน้าผาก แล้วจมดิ่งในความคิดเกี่ยวกับเนื้อของอสูรหมอกว่างเปล่าอีกครั้ง
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร นางก็ลุกพรวดขึ้นจากพื้น บินออกจากโลกผู้บำเพ็ญไปราวกับสายลม จากนั้นก็แอบเด็ดดอกม่วงที่ไม่สามารถกลายเป็นวิญญาณได้มาส่วนหนึ่ง แล้วรีบกลับห้องกลั่นโอสถทันที
บรรดาลูกศิษย์ที่กำลังศึกษาสินค้าใหม่ของหลิงเยว่พากันนั่งยอง ๆ อยู่นอกห้องกลั่นโอสถ
“ทำไมผ่านไปสามวันแล้ว ยังไม่มีกลิ่นหอมลอยออกมาเลย?”
“แค่สามวันเอง จำได้ไหมตอนที่นางทำชาสืบทอดวิญญาณ ยังใช้เวลาตั้งหลายเดือนกว่าจะเสร็จ”
“ใช่แล้ว ตอนนี้นางกำลังศึกษาเนื้อที่ซับซ้อนกว่า ย่อมต้องใช้เวลานานกว่าแน่นอน”
ขณะที่เหล่านักเรียนกำลังซุบซิบกันอยู่นั้น กลิ่นหอมประหลาดก็ลอยออกมา
ทำไมได้กลิ่นคล้ายดอกไม้ในทะเลสีม่วงเล่า?
เซี่ยซิ่นรุ่ยสูดหายใจเฮือกใหญ่ อาจารย์หลิงคงไม่ได้แอบไปจับวิญญาณดอกไม้สีม่วงมาทำอาหารหรอกนะ?
ตอนนี้พวกเขายังอยู่ในดินแดนของพวกมันนะ!
กลิ่นหอมประหลาดมีกลิ่นขมหวานเจือปนอยู่ คล้ายกลิ่นดอกไม้แต่ก็ไม่ใช่ ช่างแปลกประหลาดเหลือเกิน…
หลังจากกลิ่นขมหวาน กลิ่นหอมของเนื้อหวานเผ็ดก็ลอยมา ผสมกับกลิ่นหอมสดชื่นของสมุนไพรเล็กน้อย
ลูกศิษย์ที่ถูกดึงดูดด้วยกลิ่นแปลกประหลาดมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนแทบล้นสำนักหลานเทียนแล้ว
“พวกนี้… ล้วนเป็นศิษย์ของศิษย์น้องหลิงหรือ?”
ลู่เป่ยเหยียนรู้ว่าหลิงเยว่มีศิษย์มากมาย แต่ข้าไม่คิดว่าจะมีมากมายถึงเพียงนี้!
“ใช่แล้ว…” ผู่ตานก็ตกตะลึงเช่นกัน
คงจะมีจำนวนถึงหนึ่งในสามของประชากรในโลกผู้บำเพ็ญแล้วกระมัง!
“ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่นางจะออกมา?” สือเชี่ยนรู้สึกว่าตนถูกดึงดูดด้วยกลิ่นแปลกประหลาดที่ลอยอบอวลไปทั่วทั้งสำนัก
ฉีซิวซีถึงกับน้ำลายไหลออกมาทันที
แม้จะมีกลิ่นแปลกประหลาด แต่กลับทำให้ผู้คนเกิดแรงกระตุ้นอยากลิ้มลองเป็นอย่างยิ่ง
“หญิงชั่วคนนั้นกล้าเอาเนื้อของข้าไปทำเป็นอาหารหรือ!”
ดวงตากลมโตของลูกกลมดำตัวน้อยยิ่งเบิกกว้างขึ้น มันเกิดจากหมอกแห่งความว่างเปล่า ร่างแท้จริงของมันคือไอหมอก จะกลายเป็นอาหารได้อย่างไร!
มันกลับกลายเป็นวัตถุดิบอาหารไปแล้วหรือ!?
ยอมรับไม่ได้เด็ดขาด!
ประตูห้องกลั่นโอสถถูกเปิดออก เนื้อจากต้นขาของลูกกลมสีดำที่เกือบเต็มห้องได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย
แล้วหลิงเยว่ก็ต้องตกใจกับฝูงชนที่ปรากฏตรงหน้า “พวกเจ้ามานั่งอยู่ที่นี่ทำไมกัน?”
“อาจารย์หลิง ท่านทำสำเร็จแล้วหรือ?” เซี่ยซิ่นรุ่ยรีบเข้าไปใกล้
การทำอาหารวิญญาณและอาหารปีศาจนั้นต้องมีพลังระดับหนึ่ง ตอนนี้การทำอาหารจากความว่างเปล่ายิ่งมีขีดจำกัดที่สูงกว่า
“งั้นขอข้าลองชิมได้ไหม?”
เล่อเหอโผล่ออกมาจากที่ไหนไม่รู้ พอหลิงเยว่เห็นเขาน้ำลายไหลก็ไม่รู้จะเอ่ยปากอย่างไร แต่นางไม่อยากทำร้ายจิตใจอันบอบบางของบรรพจารย์เล่อเหอเลย
“หากพวกไก่อ่อนแออย่างพวกเจ้าไม่กลัวร่างกายจะระเบิด ก็รีบกินเข้าไปเถอะ!”
ลูกกลมดำปรี่เข้ามาด้วยสีหน้าโกรธเกรี้ยว แล้วยื่นมือเล็ก ๆ ที่บางเหมือนเส้นผมออกมา “คืนเนื้อให้ข้า!”
ราวกับสายฟ้าฟาดกลางวันแสก ๆ!
เหล่าลูกศิษย์ รวมถึงผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลายต่างถูกโจมตีจนหมดสภาพ
พวกเขาไม่มีคุณสมบัติแม้แต่จะได้ลิ้มลองเลยหรือ?
ช่าง… เจ็บปวดยิ่งนัก
พวกเขาลากจิตใจที่บอบช้ำแยกย้ายไปเก็บตัวบำเพ็ญ! เขาจะไม่ออกมาจนกว่าจะมีพลังถึงขั้นที่ลิ้มลองสัตว์อสูรแห่งความว่างเปล่าได้…
แต่คงต้องออกมาเป็นครั้งคราว ไม่เช่นนั้นคงจะอดตายแน่
สำนักหลานเทียนรวมถึงยอดเขาโอสถที่เดิมเคยแออัดไปด้วยผู้คน ไม่นานก็กลายเป็นที่โล่งขึ้นมาทันที
หลิงเยว่ “?”
นางยังไม่ได้เอ่ยอะไรเลยนะ…