ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 521 จริง ๆ แล้วก็ยากอยู่บ้าง
บทที่ 521 จริง ๆ แล้วก็ยากอยู่บ้าง
แม้ว่าจะไม่รู้ว่ามาตรฐานคำว่า ‘รอให้กุ่ยซื่อดีขึ้นสักหน่อย’ ที่กุ่ยอีพูดถึงนั้นเป็นอย่างไร แต่หลิงเยว่รู้สึกถึงแรงผลักดันอันไร้ขีดจำกัดที่พลุ่งพล่านขึ้นมาในใจ แม้แต่การมองซากสัตว์อสูรแห่งความว่างเปล่าที่มีสภาพน่าเกลียดน่ากลัวตรงหน้า นางยังรู้สึกว่าน่ามองเป็นพิเศษ
กุ่ยเอ้อร์ทนไม่ไหวกับสายตาเต็มไปด้วยความรักที่หลิงเยว่มองซากสัตว์แห่งความว่างเปล่า จนเขารู้สึกขนลุกขึ้นมาทันที…
หลิงเยว่ไม่รีรอที่จะยัดภูเขาซากสัตว์แห่งความว่างเปล่าเข้าไปในแหวนมิติของตน จากนั้นหยิบเนื้องูที่ยังกินไม่หมดออกมา
เมื่อครู่นางเห็นว่าในกองนั่นยังมีอีกสองตัว ดังนั้นจัดการส่วนที่เหลือก่อนดีกว่า!
วิญญาณสองตนเมื่อเห็นซากงูที่ถูกฉีกขาดก็เงียบลงอย่างผิดปกติ มันเป็นแค่วัตถุดิบจากสัตว์แห่งความว่างเปล่าเท่านั้น หากหลิงเยว่เอ่ยปากพวกเขาก็สามารถหามาให้ได้
“อ้อ แล้วพวกทหารวิญญาณผีนั่นกำลังทำอะไรกันอยู่?”
“คงไม่ใช่กำลังซ่อมแซมบ้านหรอกนะ?”
สีหน้าของหลิงเยว่บ่งบอกว่าพูดยากเหลือเกิน หากไม่ซ่อมยังเสียดีกว่า เพราะตอนนี้มันดูแย่กว่าวันแรกที่มาถึงเสียอีก
การเรียกทหารวิญญาณผีมา ดูเหมือนจะเป็นการบังคับเกินไปสักหน่อย
“เอ่อ… พื้นที่ของพวกเจ้านี่… ข้าสามารถนำมาปลูกพืชได้หรือไม่?”
หลิงเยว่เพิ่งเปิดดูระบบแลกเปลี่ยนเมื่อครู่นี้ ในนั้นมีเมล็ดพันธุ์จำนวนไม่น้อยที่สามารถเติบโตในพลังหยินและใช้ทำอาหารได้อีกด้วย
ส่วนจะมหัศจรรย์อย่างไรนั้น คำอธิบายบอกว่าแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล
“เจ้าพูดว่าอะไรนะ?!” กุ่ยซานที่จับตัวกุ่ยซื่อกลับมาด้วย ถึงกับตกตะลึง
นางกล้าพูดว่าจะปลูกพืชในเมืองของดินแดนเงาทมิฬหรือ?
นางไม่เห็นหรือว่าอาคารที่สร้างจากไม้ หิน และโลหะที่มีแก่นปราณรัตติกาลในเมืองผีนั้น กำลังถูกพลังหยินกัดกร่อนจนเกือบหมดแล้ว?
แม้แต่สิ่งไร้ชีวิตยังไม่สามารถอยู่ในเมืองผีได้นาน แล้วพืชจะเหลือรึ?
ช่างเป็นความคิดที่เพ้อฝันเสียจริง!
“พวกเจ้าบอกมาเถิดว่าจะใช้พื้นที่เหล่านี้ได้หรือไม่?” หลิงเยว่ไม่อยากอธิบายมากนัก แต่มองตรงไปที่กุ่ยอี
“ได้”
การปรากฏของเมล็ดข้าวสีสดใส ช่วยเพิ่มสีสันให้บรรยากาศมืดหม่นและอบอวลไปด้วยพลังวิญญาณของเหล่าผีได้บ้าง
นางล้างเมล็ดข้าวแล้วเทลงในหม้อดินขนาดใหญ่ จากนั้นก็เริ่มต้มด้วยเพลิงพิสดาร นางได้กินงูต้มและงูย่างไปแล้ว วันนี้ทำโจ๊กเนื้องูดีกว่า!
เพื่อให้ตุ๊กตาอ้วนฟื้นตัวเร็วขึ้น หลิงเยว่จึงทำอาหารเสริมอีกจานหนึ่ง นั่นคือลูกชิ้นเนื้องู ซึ่งใส่สมุนไพรดินแดนว่างเปล่าลงไปมากมาย รสชาติน่าจะไม่เลวทีเดียว
ส่วนพิษงูที่ขับออกมานั้นหลิงเยว่ไม่ได้ทิ้งไป แต่เก็บรักษาไว้ รอให้มีเวลาแล้วค่อยศึกษาวิธีเปลี่ยนพิษให้เป็นยาบำรุง
ปุด ๆ ๆ…
ไอน้ำดันฝาหม้อพร้อมส่งกลิ่นหอมสดชื่น ข้าวสีสันสดใสเริ่มอวบอิ่มแล้ว นางใส่เนื้องูที่หมักไว้ลงไปเล็กน้อย คนให้เบา ๆ รอกระทั่งชิ้นเนื้อเปลี่ยนสีแล้วจึงดับเพลิงพิสดาร
เพราะหากต้มนานเกินไปชิ้นเนื้อจะแตกกระจาย
ตุ๊กตาไม้อ้วนเตี้ยไม่รู้ว่ามายืนอยู่ที่ขอบหม้อดินตั้งแต่เมื่อไหร่ ดวงตาไร้วิญญาณของมันมีแสงสลัวแวบผ่าน ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่
หลิงเยว่ไม่ได้สนใจตุ๊กตาไม้อ้วนที่สมองสับสนผู้นี้ กลับตักโจ๊กเนื้องูใส่ชามใหญ่สี่ชาม
น้ำมันในกระทะเริ่มเดือด ลูกชิ้นงูลอยขึ้นมาจากก้นกระทะ หลิงเยว่เร่งไฟให้แรงขึ้น รอจนกระทั่งผิวด้านนอกของลูกชิ้นเป็นสีทองแล้วจึงตักขึ้นมา
วิญญาณสามตนแบ่งกันได้เพียงคนละสี่ห้าลูก ที่เหลือทั้งหมดหลิงเยว่จึงวางไว้ตรงหน้าตุ๊กตาไม้อ้วน
“กินเถิด ข้าจะไม่ทำร้ายเจ้าหรอก” หลิงเยว่กล่าวแล้วยังยื่นทัพพีไม้ที่ใหญ่กว่าตัวให้ตุ๊กตาอ้วน
ตุ๊กตาอ้วนจ้องมองหลิงเยว่นิ่ง จากนั้น… เหล่าทหารวิญญาณผีที่กำลังทำงานหนักอย่างขยันขันแข็งก็ล้อมเข้ามาอีกครั้ง
สามวิญญาณเห็นสถานการณ์เช่นนั้นรู้สึกเหนื่อยใจยิ่งนัก
กุ่ยซื่อไม่สามารถนั่งกินข้าวอย่างสงบได้เลยหรือ?
“จงฆ่าพวกผู้บุกรุกเหล่านี้ให้ข้า!” ตุ๊กตาอ้วนลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า ใช้ทัพพีไม้ขนาดใหญ่ชี้ไปที่ผีสามตนและหลิงเยว่
“และอย่าทำให้หม้อของข้าหกด้วย!”
หลิงเยว่ “…”
นางสงสัยว่าเมื่อไหร่ที่หม้อดินของนางกลายเป็นของเขาไปได้
เมื่อได้รับคำสั่ง กองทัพวิญญาณผีกำลังจะเข้าโจมตี แต่ร่างกายของพวกมันกลับถูกตรึงไว้ จากนั้นก็กลายเป็นคลื่นพลังถูกสามผีเก็บเข้าไปในแขนเสื้อ
กองทัพวิญญาณ “…”
พวกมันยังไม่ทันได้ทำอะไรเลย!
ตุ๊กตาไม้อ้วน “…”
ช่างเป็นพวกไร้ประโยชน์จริง ๆ! กุ่ยซื่อสีหน้าเคร่งเครียด ขณะที่หลิงเยว่คิดว่าเขากำลังจะเกิดอาการคลุ้มคลั่ง ตุ๊กตาไม้อ้วนก็นั่งลงข้างหม้อดินอย่างว่าง่าย กอดช้อนไว้แน่น แล้วตักลูกชิ้นลูกหนึ่งที่มีขนาดใหญ่เท่าหัวของมันยัดเข้าปาก…
ทำไมไม่ทำตัวว่าง่ายแบบนี้ตั้งแต่แรกล่ะ?
“อร่อยไหม?”
ตุ๊กตาอ้วนชำเลืองมองหลิงเยว่ แล้วรีบคว้าลูกชิ้นทอดที่เหลืออีกสองลูกตรงหน้านางไปกินอย่างรวดเร็ว
จากนั้นก็นั่งรอดูอย่างเงียบ ๆ ว่าหลิงเยว่จะโมโหหรือไม่ผลลัพธ์คือ หลิงเยว่ไม่เพียงแต่ไม่โกรธ ยังพูดด้วยความยินดีอีกว่า “กินไม่พอหรือ? งั้นข้าจะทำให้เจ้าอีก!”
หลิงเยว่อยากป้อนอาหารให้วิญญาณตนที่สี่กินวันละร้อยมื้อ เพื่อให้เขาฟื้นตัวเร็ว ๆ!
“โง่!”
ทันทีที่ตุ๊กตาอ้วนพูดจบ ผีสามตนที่กำลังกินอาหารอยู่ก็ละลายไปต่อหน้าเขาทันที!
ช่างเป็นโอกาสที่ดีจริง ๆ!
วิญญาณตนที่สี่หนีไปโดยไม่ลืมนำหม้อและตะกร้าไปด้วย “ขอบคุณนะเจ้ามนุษย์ หนี้บุญคุณนี้ ข้าผู้เป็นเจ้าเมืองจะต้องตอบแทนอย่างแน่นอน!”
ตุ๊กตาอ้วนที่เพิ่งลอยขึ้นไปเริ่มมีควันออกมา หลิงเยว่รีบวิ่งเข้าไปลากหม้อและตะกร้าที่กำลังตกลงมาทันที
ส่วนตุ๊กตาอ้วนที่ละลายกลางอากาศแล้วหยดลงพื้น หลิงเยว่ไม่สนใจแม้แต่น้อย
กุ่ยซานที่กินอาหารก่อนจึงฟื้นตัวก่อน เขาลากร่างที่เบาหวิวด้วยฝีเท้าที่เบาสบาย เก็บลูกชิ้นงูทอดที่ตกอยู่ยัดเข้าไปในร่างกายที่เต็มไปด้วยปาก “มนุษย์ ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะมีความสามารถเช่นนี้”
ก่อนหน้านี้กุ่ยซานเคยได้ยินจากกุ่ยอีและกุ่ยเอ้อร์เล่าให้ฟัง แม้จะได้เห็นกับตาตัวเองว่ากุ่ยซื่อถูกป้อนเนื้องูย่างแล้วละลาย แต่ไม่เทียบเท่ากับการได้สัมผัสด้วยตัวเองเมื่อครู่
“สิ่งที่ข้าทำได้ยังมีอีกมากนัก!”
หลิงเยว่เชิดคางขึ้นอย่างหยิ่งผยอง พร้อมนำเมล็ดข้าวจากความว่างเปล่าออกมา เตรียมที่จะเร่งการเจริญเติบโต เพราะวัตถุดิบและส่วนผสมจากความว่างเปล่าของระบบแลกเปลี่ยนนั้นแพงเกินไป!
ดูเหมือนว่าหน้าความว่างเปล่าเป็นสิ่งใหม่ที่ระบบเพิ่งเพิ่มเข้ามา ตอนนี้มีเพียงสิบสองหน้า นอกจากเมล็ดพันธุ์สิบกว่าชนิดแล้ว วัตถุดิบที่เหลือล้วนเป็นสิ่งที่นางเคยพบมาก่อน
ตัวอย่างเช่น อสูรหมอกแห่งความว่างเปล่า งูแห่งความว่างเปล่าและภูเขาซากศพที่ผีสองตนเพิ่งนำมาเมื่อครู่
สมุนไพรแห่งความว่างเปล่า มีดอกไม้สีม่วงแห่งความว่างเปล่า หญ้าสีม่วงแห่งความว่างเปล่า ไม้สีม่วงแห่งความว่างเปล่า… ล้วนเป็นผลผลิตจากทะเลสีม่วง
หรือว่าระบบต้องพึ่งนางเพื่อเพิ่มวัตถุดิบใหม่? แต่ระบบจมอยู่ในห้วงนิทราไปแล้ว มันเพิ่มวัตถุดิบได้อย่างไรกัน?
หรือว่า… มันมีระบบย่อยอีกระบบหนึ่งหรือ?
หลิงเยว่คิดใคร่ครวญไปพลางเร่งการเจริญเติบโตไปพลาง