ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 524 เขามีความพิเศษอะไร
บทที่ 524 เขามีความพิเศษอะไร?
“มนุษย์จากโลกเบื้องล่างมีความพิเศษอะไรหรือ?” กุ่ยอีอดไม่ได้ที่จะถามออกมา
คราวนี้พี่ชายวิญญาณร้ายไม่พูดอะไร เพียงแต่จ้องมองไปที่โต๊ะอาหารอย่างชัดเจน
“กินตามสบายเถอะ” กุ่ยอีกล่าว ดวงตาที่เต็มไปด้วยความตายของอีกฝ่ายพลันสว่างวาบ
“เรื่องนี้แพร่สะพัดไปทั่วโลกวิญญาณแห่งความตายที่สี่แล้ว เจ้าไม่รู้เรื่องหรือ?” วิญญาณหญิงสาวข้าง ๆ ทนไม่ได้ที่เห็นพี่ชายวิญญาณตนนั้นได้รับความสนใจอยู่ตนเดียว จึงรีบออกมาเปิดโปง
“ใช่แล้ว ดูเจ้าก็ไม่เหมือนคนมาใหม่นี่”
“หรือว่าเจ้าไม่ได้รับคำสั่งจากเจ้าแห่งเขตแดนหรือ?”
วิญญาณรอบข้างต่างมุงเข้ามา พวกเขามองกุ่ยอีด้วยสายตาสงสัย จู่ ๆ เขาก็รู้สึกหนาวขึ้นมา ไม่น่าแปลกใจที่วันนี้เขารู้สึกว่ามีผู้คนในเขตวิญญาณมากกว่าปกติ แม้ว่าก่อนหน้านี้ก็จะมีมาก แต่ก็ไม่มากเท่าวันนี้
“ชิ พวกเจ้ากำลังทำอะไรกัน ไม่ใช่ว่าทุกคนในโลกนี้จะได้รับมันนะ ยังมีกว่าครึ่งที่ยังไม่ได้รับเลย!”
“ก็จริง…”
แม้จะพูดเช่นนั้นแต่วิญญาณอื่น ๆ ยังคงมองกุ่ยอีด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย
หากวิญญาณที่มีพลังต่ำต้อยไม่ได้รับคำสั่งจากเจ้าแห่งเขตแดนคงไม่เป็นไร แต่ผู้ที่อยู่ตรงหน้า พวกเขาไม่สามารถมองเห็นพลังของอีกฝ่ายได้เลย แน่นอนว่าจะต้องถูกจัดให้ออกรบในศึกแรกแน่ แต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้รับคำสั่ง? นั่นเป็นไปไม่ได้กระมัง?
“มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้เล่า ศึกแรกส่งยอดฝีมือทั้งหมดออกไปแล้ว แล้วศึกที่สองจะทำอย่างไร? นี่แหละคือความชาญฉลาดของเจ้าแห่งเขตแดนที่เก็บไพ่เด็ดไว้ในมือ!”
กุ่ยอีมองดูพี่ชายวิญญาณที่อธิบายให้เขาฟัง โดยไม่รู้สึกซาบซึ้งใจแม้แต่น้อย เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝงอยู่
“แล้วมนุษย์ผู้นั้นมีความพิเศษอย่างไรหรือ?”
พวกวิญญาณทั้งหลายส่ายหัว เรื่องนี้พวกเขาไม่รู้จริง ๆ
“ข้าได้ยินมาว่าเขาหน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตร!”
“ใช่ ๆ ยังมีข่าวลือว่าวิชาเสน่ห์ของเขาร้ายกาจ ถึงขนาดทำให้เจ้าแห่งเขตสองคนหลงใหลจนมึนงง”
“ไม่ ข้าคิดว่ามีข่าวลือหนึ่งที่น่าเชื่อถือกว่า คือว่าร่างกายของมนุษย์ผู้นั้นแปลกประหลาด หากกินเขาเข้าไปจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อพวกวิญญาณ!”
…
กุ่ยอีฟังเงียบ ๆ แล้วเมื่อรู้สึกว่าถึงเวลาเหมาะสม เขาก็เอ่ยปากอีกครั้ง “แล้วตอนนี้มนุษย์ผู้นั้นอยู่ในมือของใคร?”
“อยู่ในมือของเจ้าแห่งความตายแห่งโลกวิญญาณที่หนึ่ง!”
“???” กุ่ยอีถึงกับพูดไม่ออก
“พวกเขาบอกว่าจะรอให้เจ้าแห่งความตายของพวกเราและเจ้าแห่งความตายที่สองตัดสินแพ้ชนะกันก่อน แล้วค่อยส่งมนุษย์ผู้นั้นให้ผู้ชนะ”
“…”
กุ่ยอีไม่ได้ฟังต่อแล้ว แต่ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนและเดินจากไป
มีข้อมูลมากพอแล้ว แต่เขายังแยกแยะไม่ออกว่าอะไรจริงอะไรเท็จ กลับไปบอกหลิงเยว่ก่อนดีกว่า
หลังจากได้ฟังข่าวทั้งหมด หลิงเยว่ไม่รู้ว่าควรจะแสดงสีหน้าอย่างไรดี? แต่สิ่งที่น่ายินดีคือโม่จวินเจ๋อยังมีชีวิตอยู่ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว!
“มนุษย์ผู้นั้นมีอะไรพิเศษกันแน่? หรือว่าเขามีร่างกายที่วิเศษสุดยอด?” กุ่ยอีคิดมาตลอดทางแต่ก็คิดไม่ออก
หรือว่าเป็นสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นในภายหลัง? “ข้า… ไม่รู้”
“เขาเป็นคนรักของเจ้า แต่เจ้ากลับไม่รู้หรือ?” กุ่ยซานพูดด้วยน้ำเสียงตกใจ
หลิงเยว่รู้สึกหงุดหงิด
“หรือว่าเขามีร่างวิญญาณศักดิ์สิทธิ์?” กุ่ยเอ้อร์จินตนาการไปไกล พูดจบก็สูดลมหายใจเย็นเฉียบเข้าปอด หากเป็นเช่นนั้นจริง การที่เจ้าแห่งความตายทั้งสองภพทำสงครามเพราะเขาถือเป็นเรื่องปกติ
บางทีทั้งหกภพในโลกวิญญาณอาจเข้าร่วมสงครามด้วย “ร่างวิญญาณศักดิ์สิทธิ์หรือ?”
หุ่นไม้อ้วนน้ำลายหยดติ๋ง ๆ “พี่ใหญ่ พวกเราไปปล้นกันเถอะ!”
จู่ ๆ ได้ยินกุ่ยซื่อเรียกเขาว่าพี่ใหญ่ กุ่ยอีก็แทบจะร้องไห้ เขาจึงทำตามทุกอย่างที่กุ่ยซื่อพูด
“ดี! พวกเราจะฉวยโอกาสตอนวุ่นวายไปลักพาตัวเขา!”
“ร่างวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ทำเป็นอาหารคงจะอร่อยมากแน่ ๆ!” กุ่ยซานรู้สึกทันทีว่าน้ำข้าวโพดที่ดื่มเข้าปากไม่ค่อยหวานเท่าไหร่แล้ว
“พวกเจ้ามาพูดคุยกันต่อหน้าข้าว่าจะกินคนรักของข้าอย่างไร?”
ถึงแม้ว่าเขาอยากลองชิมร่างวิญญาณศักดิ์สิทธิ์จริง ๆ แต่หากไม่ใช่คนตรงหน้านี้ทำ รสชาติคงไม่อร่อยแน่
“อืม พอดีเลย ถือโอกาสตอนที่หกภพวุ่นวายไปช่วยโม่จวินเจ๋อออกมากัน” กุ่ยอีพูดอย่างจริงจัง
หลิงเยว่รู้สึกไม่ค่อยเชื่อถือนัก แต่ตอนนี้นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเชื่อพวกเขา หวังว่าวิญญาณทั้งสี่ตนนี้จะน่าเชื่อถือสักหน่อย
“เมื่อไหร่จะเริ่มทำสงคราม?”
“อีกสามเดือนข้างหน้า” เขาลูบคางที่ไม่มีอยู่จริงแล้วจมดิ่งลงสู่ห้วงความคิด
“เช่นนั้นข้าจะขอไปด้วย…”
“ไม่ได้!” สามวิญญาณปฏิเสธพร้อมกัน
พวกวิญญาณร้ายนั้นไวต่อกลิ่นของมนุษย์ผู้บำเพ็ญมาก
“ข้ารู้วิชาพรางตัว” เมื่อหลิงเยว่พูดจบ ตุ๊กตาไม้อ้วนอีกตัวหนึ่งก็ปรากฏขึ้น
กุ่ยซื่อ “!!!”
หลิงเยว่ในร่างตุ๊กตาไม้อ้วนยังคงหดตัวลงเรื่อย ๆ จากนั้นก็แขวนตัวเองลงบนเข็มขัดไม้ของกุ่ยซื่อ
“!!!”
“วิชาพรางตัวของเจ้าช่างร้ายกาจนัก”
“วิชาเร่งการเจริญเติบโตก็แข็งแกร่งเช่นกัน”
“อาหารจากความว่างเปล่าที่เจ้าสร้างขึ้นก็น่าประหลาดใจยิ่งนัก”
“เพียงแต่เหตุใดพลังของเจ้าจึงอ่อนด้อยถึงเพียงนี้?”
หลิงเยว่ “…”
ความจริงแล้วประโยคที่สี่ไม่จำเป็นต้องพูดก็ได้…
“การพรางลมหายใจของเจ้าก็ไม่เลวเลย”
กุ่ยอีรู้สึกลังเล ไม่รู้ว่าควรพานางไปด้วยหรือไม่
บนตัวของโม่จวินเจ๋อไม่เพียงแต่มีเสี่ยวจินเท่านั้น แต่ยังมีลูกแก้ววิญญาณด้วย หลิงเยว่สามารถหาตำแหน่งที่แน่ชัดของเขาได้อย่างง่ายดาย
“เช่นนั้น…”
“นางไปข้าก็จะไป!”
มนุษย์ที่อ่อนแอเช่นนี้ยังสามารถไปได้ ไม่มีเหตุผลที่เขาผู้เป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดจะไม่สามารถออกไปได้!
กุ่ยซื่อคว้าตัวหลิงเยว่เอาไว้ ทำท่าว่าถ้าไม่ให้เขาไป เขาจะบีบร่างของหลิงเยว่ให้แตกคามือทันที
สามวิญญาณ “…”
“อีกสามเดือนข้าจะพยายามทำอาหารแห่งความว่างเปล่าที่มีฤทธิ์แรงกว่าเดิมให้”
สามวิญญาณได้ยินดังนั้นได้แต่พยักหน้า ส่วนกุ่ยซื่อก็ปล่อยมือที่จับหลิงเยว่อยู่
สามเดือนไม่ใช่เวลาที่นานนัก แต่ก็ไม่ใช่เวลาที่สั้นเกินไป แต่เพียงพอให้หลิงเยว่เร่งการเติบโตหนึ่งในสามของเมืองผีให้กลายเป็นป่าได้
แน่นอนว่าป่าแห่งนี้แตกต่างจากป่าปกติ ทั้งหมดล้วนเป็นวัตถุดิบอาหารที่มีพลังหยิน
และหลังจากผ่านไปสามเดือน กุ่ยซื่อก็รู้สึกตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงระดับที่สามารถออกไปปล้น อ้อ! หมายถึงช่วยเหลือผู้คนได้แล้ว
หลิงเยว่รู้สึกตื่นเต้น แปลงร่างเป็นหุ่นกระบอกแขวนอยู่ที่เอวของกุ่ยอี
สามผีสองหุ่นกระบอกออกจากเมืองผี มุ่งหน้าไปยังสนามรบของโลกวิญญาณแห่งความที่สองและสี่
สถานที่ที่สองโลกทำสงครามกันอยู่ที่รอยต่อระหว่างโลกวิญญาณกับโลกแห่งความตาย ที่นั่นเป็นสุสานขนาดมหึมา ซึ่งสงครามขนาดใหญ่มักจะเกิดขึ้นที่นี่
“พวกเจ้าจะไปกันแบบนี้เลยหรือ?”
เสื้อคลุมสีดำอันเป็นเอกลักษณ์ของสามผี ทำให้ใครเห็นก็รู้ว่าเป็นเผ่าวิญญาณผีที่มีชื่อเสียงในทางที่ไม่ดี ยากจะทำให้ผู้คนรู้สึกว่าพวกเขามาเพียงเพื่อดูการแสดงเท่านั้น “มีปัญหาอะไรหรือ?”
สามวิญญาณไม่มีความคิดที่จะปลอมตัวเลยแม้แต่น้อย ด้วยเหตุที่ว่างานรื่นเริงใหญ่โตเช่นนี้ ย่อมไม่ใช่แค่พวกเขาเผ่าวิญญาณผีที่จะไป เผ่าปีศาจอื่น ๆ ต้องมาร่วมงานด้วยอย่างแน่นอน จึงไม่ได้โดดเด่นเป็นพิเศษ
“!!!”
ยังมีเผ่าปีศาจอื่น ๆ อีกหรือ?
หลิงเยว่คิดว่าทั้งดินแดนว่างเปล่า มีแค่พวกเขาเสียอีก หากเป็นเช่นนั้นการไม่ปลอมตัวก็ไม่เป็นไร