ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 525 ฉีกพวกมันให้เป็นชิ้น ๆ
บทที่ 525 ฉีกพวกมันให้เป็นชิ้น ๆ
เมื่อสามวิญญาณและสองหุ่นมาถึงจุดบรรจบของสองโลก ผู้คนจากโลกวิญญาณแห่งความตายที่สองและที่สี่ก็ได้มาถึงสนามรบแล้ว เรียกได้ว่ามีผู้คนแน่นขนัด
วิญญาณเหล่านั้นดูเหมือนจะมีระดับสูงกว่าพวกที่หลิงเยว่เคยพบในแดนเทพอย่างเห็นได้ชัด ยกเว้นแต่… หน้าอกของพวกเขาไม่มีการเคลื่อนไหว และผิวพรรณค่อนข้างซีดขาว นอกนั้นแทบไม่มีอะไรแตกต่างจากมนุษย์ปกติเลย
พวกเขายังกระซิบกระซาบ ถกเถียงว่าฝ่ายไหนจะเป็นผู้ชนะ โลกวิญญาณแห่งความตายอีกสี่แห่งถึงกับเปิดการพนันขึ้นมา
สิ่งนี้แตกต่างจากที่หลิงเยว่จินตนาการไว้ว่าจะต้องเงียบเหงาและไร้ชีวิตชีวาโดยสิ้นเชิง นกขนาดมหึมาตัวหนึ่งมีเปลวไฟสีดำลุกโชนไปทั่วร่างบินผ่านเหนือศีรษะของพวกเขาไป พลังงานแห่งความตายตามเส้นทางที่มันบินผ่านบิดเบี้ยวผิดปกติ แม้แต่เสื้อคลุมสีดำของสามปีศาจก็บิดเบี้ยวผิดรูปไปด้วย
“เจ้าแห่งความตายมาแล้ว!”
“บดขยี้โลกที่สี่ซะ!”
“โลกที่สองต้องชนะ!”
“ฆ่าเลย!” การมาถึงของเขาได้ปลุกเร้าความกระตือรือร้นและจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของพวกวิญญาณร้าย พลังแห่งความตายบริสุทธิ์และเข้มข้นในอากาศรวมตัวกันเหนือศีรษะ
“อ้าว! เจ้าแห่งความตายที่สี่ไม่มารึ? หรือว่าหนีไปเสียแล้ว?”
ผู้พูดคือเจ้าแห่งความตายของโลกที่สอง นางสวมชุดเกราะสีดำ ผมยาวมัดรวบ ร่างกายสง่างาม พลังแผ่ซ่าน!
“เฮอะ เจ้าก็ได้แต่พูดเท่านั้นแหละ”
เสียงหัวเราะเยาะดังมาจากทุกทิศทาง หญิงสาวในชุดแดง รูปร่างอ้อนแอ้นฉีกมิติเดินออกมา “เจ้าแห่งความตายที่สอง!”
“เจ้าแห่งความตายผู้ยิ่งใหญ่!”
“ฉีกทำลายโลกที่สองเลย!”
สองสตรีสบตากัน ราวกับมีประกายไฟออกมาจากดวงตา
จิตสังหารของหลิงเยว่ก็ไม่อาจซ่อนเร้นได้ เพราะหญิงผู้นี้นี่เองที่ทำลายสามภพของพวกนางจนเป็นเช่นนี้ แถมยังจับตัวโม่จวินเจ๋อและต้นไม้ครึ่งปีศาจไปอีก! ช่างน่าสาปแช่งนัก!
น่ารังเกียจยิ่งกว่าเทพปีศาจเสียอีก!
เอ๊ะ แล้วเทพปีศาจเล่า?
“เจ้ารู้สึกถึงกลิ่นอายของคนรักเจ้าบ้างหรือไม่?”
“ไม่…”
หลิงเยว่ตอบโดยไม่ทันคิด จากนั้นจ้องมองกุ่ยซานด้วยสายตาดุดัน คู่รักบ้าอะไรกัน? นางกับโม่จวินเจ๋อยังไม่ถึงขั้นนั้น ครั้งก่อนที่ยอมรับก็เพราะถูกบีบให้พูดเท่านั้นแหละ!
แปลกจริง หลิงเยว่ไม่เพียงแต่ไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของโม่จวินเจ๋อ แม้แต่พลังของต้นไม้กึ่งปีศาจที่เชื่อมโยงกับนางก็ยังไม่สามารถรับรู้ได้
หรือว่าเจ้าแห่งความตายโลกที่หนึ่งไม่ได้พาเขามาด้วย?
หลิงเยว่มองไปยังบุรุษที่นั่งอยู่ในตำแหน่งที่เด่นที่สุด มีรูปร่างหน้าตาดีและท่าทางสง่างาม ผู้นี้คือเจ้าแห่งความตายแห่งโลกที่หนึ่งนั่นเอง
ดูเหมือนว่าจะรู้สึกถึงสายตาคู่หนึ่ง เจ้าแห่งความตายที่หนึ่งจึงเอียงศีรษะเล็กน้อย ทำให้หลิงเยว่ตกใจจนรีบเบือนสายตา แล้วนั่งนิ่งเป็นหุ่นไม้เล็ก ๆ
“พวกเจ้ากลับมาแล้วหรือ?”
เจ้าแห่งความตายที่หนึ่งโผล่มาตรงหน้าสามวิญญาณในทันที แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “คิดดีแล้วหรือยัง?”
“น่ารำคาญนัก ไม่ได้บอกแล้วหรือว่าไม่ขาย?” กุ่ยซานพูดด้วยน้ำเสียงเหลืออดเหลือทน
กุ่ยอียิ้มเยาะ
“กุ่ยอี ของเล่นชิ้นเล็กที่เอวของเจ้านั้นโดดเด่นจริง ๆ”
“ของกุ่ยเอ้อร์ก็ไม่เลวเหมือนกัน”
กุ่ยเอ้อร์แค่นเสียงเย็นชา
“ทำไมไม่จัดหาให้กุ่ยซานสักอันล่ะ?”
กุ่ยซานแค่นหัวเราะ
โดยสรุปแล้วไม่มีใครในสามผีที่เกรงกลัวเจ้าแห่งความตายแม้แต่น้อย
เจ้าแห่งความตายของโลกที่หนึ่งดูเหมือนจะคุ้นเคยกับนิสัยของสามผีแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาไม่ได้จางหายไป “หากพวกเจ้าไม่พอใจกับข้อเสนอของข้า เช่นนั้นพวกเจ้าจะเสนอราคาเท่าไหร่?”
“เจ้าสามารถมาแย่งชิงได้ พวกข้าชาววิญญาณผียินดีต้อนรับ”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเจ้าแห่งความตายที่หนึ่งชะงักไปชั่วขณะ เขาอยากจะเปิดศึก แต่กองทัพวิญญาณผีรวมถึงสามวิญญาณผีตรงหน้า ล้วนเป็นพวกที่ยากจะสังหาร ช่างน่ารำคาญจริง ๆ!
ดวงตาเจ้าแห่งความตายที่หนึ่งสว่างวาบ เมื่อพวกมันไม่รู้จักดีชั่วก็อย่าได้โทษเขาเลย
หากเป็นในอดีตเขาคงไม่กล้าแย่งชิงรุนแรง แต่เมื่อสงครามครั้งนี้สิ้นสุดลงก็จะเป็นวันตายของปีศาจทั้งสามแล้ว!
เมื่อเจ้าแห่งความตายจากไป กุ่ยซานรีบเอ่ยปาก “บนร่างของคนตายนั่นมีกลิ่นอายของคนรักเจ้าหรือไม่?”
“ข้า… ไม่รู้” หลิงเยว่ปิดประสาทสัมผัสทั้งหมดทันทีที่เจ้าแห่งความตายเข้ามา นางนิ่งเงียบเสมือนตุ๊กตาไม้แท้ ๆ แม้แต่การสนทนาระหว่างกุ่ยซานกับเขา นางยังไม่ได้ยิน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องกลิ่นอายใด ๆ
กุ่ยซานมองหลิงเยว่อย่างเงียบงัน
“ข้ากลัวว่าตัวตนจะเปิดเผย แล้วทำให้พวกเจ้าพลอยเดือดร้อนไปด้วย” หลิงเยว่ที่ถูกมอง พูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูอึดอัดเล็กน้อย
“เอาลูกแก้วนั่นมาให้ข้า”
หลิงเยว่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ยังคงวางลูกแก้ววิญญาณเล็ก ๆ ลงบนแขนเสื้อสีดำที่กุ่ยซานยื่นออกมา
เมื่อได้รับลูกแก้วแล้ว กุ่ยซานก็ยัดลูกแก้ววิญญาณเล็ก ๆ เข้าไปในปากของตุ๊กตาไม้อ้วนทันที “น้องสี่ เจ้าไปหาดูซิ”
“!!!”
“เจ้าไม่กลัวว่าเขาจะคลุ้มคลั่งขึ้นมา แล้วเข้าร่วมในสงครามด้วยหรือ?” ขณะนี้เจ้าแห่งความตายที่สองและสี่ได้เข้าร่วมการต่อสู้แล้ว บรรดาวิญญาณใต้บังคับบัญชาต่อสู้กันอย่างดุเดือด สนามรบเต็มไปด้วยไอสังหารและความตายหนาแน่น หลิงเยว่กลัวว่าจะปลุกสัญชาตญาณการฆ่าของกุ่ยซื่อขึ้นมา เพราะเมื่อเขาไม่มีสติ สมองของเขาจะเต็มไปด้วยความคิดที่จะฆ่า ฆ่า และฆ่า…
กุ่ยอีกล่าว “ขอเพียงเขามีความสุขก็พอ”
หลิงเยว่ “…”
ช่างรักน้องเสียจริง!
กุ่ยซื่อที่ได้รับอิสรภาพมีความสุขราวกับคนโง่ เขาบินไปมาอวดอ้างต่อหน้าหุ่นไม้หลิงเยว่ ก่อนจะจากไปอย่างพึงพอใจ มันมุ่งตรงไปยังเจ้าแห่งความตายของโลกที่หนึ่ง
ดวงตาทั้งสองข้างที่เหม่อลอยของหลิงเยว่หดเล็กลง เจ้าหนุ่มคนนี้ช่างไม่กลัวตายจริง ๆ!
“กุ่ยซื่อที่บ้าคลั่งสามารถต่อสู้กับเจ้าแห่งความตายที่หนึ่งได้”
“!!!”
เขาแข็งแกร่งขนาดนั้นเลยหรือ? นางไม่สามารถมองออกได้เลย เพราะกุ่ยซื่อที่ปรากฏตัวมักถูกสามผีกดดัน จนดูเหมือนตัวตลก
“แล้วตอนนี้เขายังมีสติอยู่หรือ…”
“…”
สมกับเป็นพี่ชายแท้ ๆ หลิงเยว่รู้สึกสงสารกุ่ยซื่อขึ้นมาทันที หุ่นไม้อ้วนเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง แทบจะในชั่วพริบตาก็ตกลงบนศีรษะของเจ้าแห่งความตายที่หนึ่ง แน่นอนว่าพลังของเจ้าแห่งความตายก็ไม่ใช่แค่คำอวดอ้าง
เพียงตบมือครั้งเดียวก็ทำให้หุ่นไม้อ้วนแตกเป็นผุยผง
นี่มันข้ามขั้นตอนการถูกตีจนเสียสติจนกลายเป็นแตกเป็นชิ้น ๆไปแล้ว! แล้วจะสู้ต่อได้อย่างไร?
แน่นอนว่ากุ่ยซื่อไม่ได้ตายง่าย ๆ ถึงอย่างไรเผ่าวิญญาณผีก็ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์ที่ยากสังหารที่สุดในดินแดนแห่งความว่างเปล่า “เจ้าทำลายร่างกายที่ข้าชื่นชอบที่สุด เช่นนั้นก็เอาชีวิตมาแลกเถิด!”
ยังคงเป็นคำพูดที่ไร้ชีวิตชีวา สายตาที่มืดมนและหุ่นไม้ตัวใหม่ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
เจ้าแห่งความตายโลกที่หนึ่งสีหน้าไม่สู้ดีนัก เจ้าหมอนี่บ้าคลั่งมานานนับหมื่นปีแล้ว แต่กลับยังไม่ตาย?
ช่างเหมาะกับการเป็นเผ่าวิญญาณผีจริง ๆ!
“หากไม่อยากแลกก็ส่งชายที่เจ้าซ่อนไว้มาให้ข้า แล้วข้าจะไม่เอาความกับเจ้า”
“พวกเจ้าก็มาเพื่อชายคนนั้นเช่นกันหรือ?” เจ้าแห่งความตายเลิกคิ้ว เขารู้อยู่แล้วว่าการปรากฏตัวของสามผีไม่ใช่แค่มาดูเรื่องสนุกอย่างเดียว “ชายผู้นั้นไร้ประโยชน์สำหรับพวกเจ้า”
“เจ้าแค่บอกมาว่าจะให้หรือไม่ให้”
กุ่ยซื่อไม่สนใจว่ามันจะมีประโยชน์หรือไม่ สิ่งที่ทุกคนแย่งชิงกันย่อมต้องเป็นของดีแน่นอน! เขาจะพลาดได้อย่างไร?
“ได้! แต่ต้องเอาตราประทับของดินแดนเงาทมิฬมาแลกเปลี่ยน”
บรรยากาศรอบตัวกุ่ยซื่อเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบในพริบตา เห็นได้ชัดว่าเขาได้รับผลกระทบจากกลิ่นอายสังหารในที่นี้แล้ว กลิ่นอายสังหารและพลังหยินหนาวเหน็บกำลังแผ่ขยายออกไป…
ช่างกล้าหาญเหลือเกินที่คิดจะหมายปองดินแดนเงาทมิฬของเขา!