ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 527 เป็นวิญญาณผีต้องมีเงื่อนไขอะไรบ้าง?
บทที่ 527 เป็นวิญญาณผีต้องมีเงื่อนไขอะไรบ้าง?
วิญญาณผีสามตนและหุ่นไม้สองตัวที่ยังไม่ได้เดินไปไกลนัก บังเอิญได้ยินการสนทนาของเจ้าแห่งความตายทั้งสี่จึงกลับมาอีกครั้ง
“หมอนี่ยังคงเจ้าเล่ห์เหมือนเดิม!”
“เกือบถูกมันหลอกเอาแล้ว”
“คงเรียนรู้มาจากมนุษย์สินะ?”
หลิงเยว่ที่รู้สึกว่าสามวิญญาณกำลังด่านาง “?”
โอ้! นางก็ไม่ใช่มนุษย์นี่นา ดังนั้นพวกมันคงไม่ได้กำลังด่านางหรอก!
“นั่นหมายความว่าโม่จวินเจ๋ออาจจะยังอยู่ในโลกวิญญาณแห่งความตายที่หนึ่งหรือ?”
“ใครจะรู้ล่ะ? บางทีเขาอาจจะแอบซ่อนคนไว้ในโลกวิญญาณแห่งความตายที่สามก็ได้”
ผู้คนในดินแดนว่างเปล่าต่างรู้กันดีว่า เจ้าแห่งความตายที่หนึ่งและสามเคยเป็นเพื่อนสนิทกันตอนมีชีวิต หลังจากนั้นยิ่งสนิทกันมากจนเหมือนใส่กางเกงตัวเดียวกัน บางทีทั้งสองอาจจะร่วมมือกันหลอกเจ้าแห่งความตายที่สองและสี่ แล้วแบ่งปันร่างศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นได้!
ร่างวิญญาณศักดิ์สิทธิ์สำหรับวิญญาณร้ายแล้วเป็นเหมือนยาบำรุงชั้นเลิศ เพียงแค่อยู่ข้างกายร่างวิญญาณศักดิ์สิทธิ์โดยไม่ต้องทำอะไรเลย วิชาก็สามารถเพิ่มพูนได้อย่างช้า ๆ ถ้าได้กินคง…
คิดไปคิดมา กุ่ยซานก็กลืนน้ำลาย
กุ่ยซื่อที่คลุ้มคลั่งดูเหมือนจะนึกถึงประโยชน์ของร่างวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน ดวงตาเหม่อลอยคู่นั้นถึงกับเบิกกว้าง มันอยากกิน…
หลิงเยว่ส่ายหัว แล้วเอ่ยปากถาม “ร่างวิญญาณศักดิ์สิทธิ์คืออะไร?”
นางเพิ่งเคยได้ยินเกี่ยวกับร่างกายประเภทนี้เป็นครั้งแรก
กุ่ยเอ้อร์เห็นว่าหลิงเยว่ไม่รู้เรื่องจริง ๆ จึงต้องอธิบายให้ฟัง “มันคือ…”
การกินเข้าไปไม่เพียงแต่จะชำระล้างสิ่งสกปรกในร่างของวิญญาณร้ายเท่านั้น แต่ยังสามารถรักษาร่างของวิญญาณร้ายไม่ให้เน่าเปื่อยได้เป็นเวลานาน การฝึกฝนยังเร็วกว่าคนทั่วไปร้อยเท่า แม้ร่างกายจะถูกทุบจนพังหรือแตกละเอียดก็สามารถฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็ว
เรียกได้ว่าครอบครองร่างอมตะ!
วิญญาณร้ายจำเป็นต้องกินเนื้อสดเป็นประจำ เพื่อไม่ให้ร่างกายเน่าเปื่อย
ไม่น่าเชื่อว่าจะมีร่างกายแบบนี้ด้วย!
เมื่อเทียบกับกายาต้านหายนะระดับสูงของนาง มันยิ่งกว่านั้นมากนัก หลิงเยว่ฟังไปพลางน้ำลายไหลด้วยความอิจฉา
ดังนั้นเจ้าแห่งความตายที่สี่ จริง ๆ แล้วไม่ได้มาเพื่อต้นไม้แห่งชีวิตของนาง แต่มาเพื่อร่างวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของโม่จวินเจ๋อ?
แต่ก็ไม่ถูกนะ…
สมองของหลิงเยว่เริ่มสับสนแล้ว เจ้าแห่งความตายที่สี่รู้ได้อย่างไรว่าโม่จวินเจ๋อเป็นร่างวิญญาณศักดิ์สิทธิ์?
คาดว่าโม่จวินเจ๋อเองก็คงไม่รู้ว่าตัวเองมีร่างวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่มีวันตายสินะ?
“ระบบเจ้ากำลังหลบใครอยู่? เป็นเจ้าแห่งความตายที่สี่ใช่หรือไม่?”
หลังจากถามจบ หลิงเยว่ก็นึกขึ้นได้ว่าระบบเคยบอกว่าจะหลับไปสักพัก จะตอบคำถามของนางได้อย่างไร?
[ไม่ใช่ กำลังหลบสัตว์ประหลาดจากวิหารต้อนรับเทพ]
“!!!”
“เจ้าตื่นเร็วเช่นนี้เชียวรึ!?” หลิงเยว่แสดงสีหน้าประหลาดใจ
[ข้าคือระบบย่อยเองจ้า~]
“…”
ที่แท้ก็มีระบบย่อยจริง ๆ กล้ามเนื้อบนใบหน้าหลิงเยว่พลันกระตุก
“ตามที่เจ้าว่า เจ้าแห่งความตายที่สี่ไม่ใช่ผู้อยู่เบื้องหลังหรือ?”
[ไม่ใช่ นาง… ถือว่าเป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิตของโลกผู้บำเพ็ญ นางได้ยับยั้งวิหารต้อนรับเทพไว้ ส่วนคนรักของเจ้าก็ฉลาดมาก ช่วยให้พวกเราได้มีเวลาหลบหนี]
หลิงเยว่รู้สึกชาไปทั้งตัว
นางเข้าใจทุกคำที่ได้ยิน แต่เมื่อเชื่อมโยงกันแล้วกลับไม่ค่อยเข้าใจนัก ศัตรูคนที่สองกลายเป็นศพที่มีบุญคุณ ส่วนศัตรูคนแรก เทพปีศาจกลายเป็นร่างอวตารของวิหารต้อนรับเทพ ไม่เพียงแต่ทำให้ระบบหวาดกลัวอย่างยิ่ง แต่ยังรู้ว่าโม่จวินเจ๋อมีร่างวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ และถึงขั้นพยายามเปลี่ยนแปลงต้นไม้แห่งชีวิต…
สมองของหลิงเยว่สับสนไปหมดแล้ว!
[ไม่เป็นไรถ้าคิดไม่ออก ตอนนี้ภารกิจหลักของเจ้าคือการมีชีวิตอยู่ ส่วนอย่างอื่นไม่ต้องสนใจ]
“แล้วโม่จวินเจ๋อจะทำอย่างไร?”
ข้อสมมติฐานคือ เขาสามารถหลบหนีการไล่ล่าจากวิหารต้อนรับเทพได้
หลิงเยว่ตกอยู่ในความเงียบ เหตุใดระบบและระบบย่อยจึงเน้นย้ำให้นางมีชีวิตรอดอยู่เสมอ หรือว่าสถานการณ์ของนางในภายภาคหน้าจะย่ำแย่มาก?
คงเป็นไปไม่ได้กระมัง?
รอบตัวนางมีเผ่าวิญญาณผีซึ่งเป็นหนึ่งในสี่เผ่าพันธุ์ที่ยากจะสังหารที่สุดในดินแดนว่างเปล่า ผู้ใดเล่าจะมีผู้พิทักษ์แข็งแกร่งเท่านาง?
สี่วิญญาณผีที่ยังไม่รู้ตัวว่าได้เลื่อนขั้นเป็นผู้พิทักษ์ของหลิงเยว่ กำลังจ้องมองด้วยดวงตาที่ไม่มีอยู่จริงไปยังเจ้าแห่งความตายที่หนึ่ง
เจ้าแห่งความตายที่กำลังพยายามอธิบายอย่างหนัก รู้สึกถึงสายตาเร่าร้อนสี่คู่ที่จ้องมอง จึงชำเลืองมองด้วยหางตา
พวกผีสี่ตนนี้มาทำไมอีกเล่า?
“กุ่ยซื่อ ฉวยโอกาสนี้ไปค้นตัวเขาเสีย”
กุ่ยเอ้อร์ปล่อยกุ่ยซื่อออกมา
หุ่นไม้อ้วนที่ได้อิสรภาพอีกครั้งกะพริบตาแล้วหายไป
“โม่จวินเจ๋อ… เป็นคนที่มีชีวิต จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะถูกซ่อนอยู่บนตัวเจ้าแห่งความตายที่หนึ่ง?” หลิงเยว่พูดด้วยน้ำเสียงที่ยากลำบาก เป็นไปได้หรือว่าดินแดนว่างเปล่ายังมีแหวนมิติที่สามารถเก็บคนที่มีชีวิตได้?
“แน่นอนว่าเป็นแค่คนที่มาจากโลกเบื้องล่าง แม้แต่พื้นที่เล็ก ๆ ก็ยังไม่มี” กุ่ยซานเริ่มโจมตีหลิงเยว่
“พื้นที่… เล็ก?” หลิงเยว่ถามอย่างงุนงง
“พื้นที่ถูกสร้างขึ้นจากการหลอมรวมโลกเล็ก ๆ เอาไว้ สามารถเก็บคนที่มีชีวิตได้”
นั่นไม่ต่างจากท้องของหัวหน้าตะขาบมรกตสินะ?
ท้องของหัวหน้าตะขาบมรกตเป็นโลกเล็ก ๆ คนที่มีชีวิตสามารถอยู่รอดได้ ทั้งพืชและสัตว์ก็เช่นกัน…
“โลกของพวกเจ้าตอนนี้ก็สามารถถูกหลอมรวมให้เป็นพื้นที่มิตินั้นได้เช่นกัน” เมื่อกุ่ยอีอธิบายเช่นนี้ หลิงเยว่ถึงเข้าใจแล้วและตกตะลึง ที่แท้พื้นที่จิ๋วในดินแดนว่างเปล่าถูกสร้างขึ้นมาเช่นนี้ ช่างโหดร้ายทารุณและไร้มนุษยธรรมเหลือเกิน!
“แล้วสองโลกจะถูกทิ้งไว้ตรงนั้นโดยไม่ถูกหลอมเป็นพื้นที่มิติหรือ?”
หลิงเยว่รู้สึกกังวลอยู่บ้าง “ถ้าหากมีใครสักคนผ่านมาเห็นเข้า หรือพวกเจ้าแห่งความตายเหล่านี้สนใจขึ้นมา แดนเทพและโลกผู้บำเพ็ญเซียนก็จะตกอยู่ในอันตราย!”
“แล้วจะทำอย่างไรดีล่ะ?”
[วางใจเถิด สามภพมีเจ้านาย ไม่อาจหลอมเป็นมิติได้]
มีเพียงการทำลายเทพแห่งฟ้าดินของสามภพทั้งหมดเท่านั้น จึงจะสามารถหลอมแดนเทพและโลกผู้บำเพ็ญเซียนได้
นี่คือเหตุผลที่เจ้าแห่งความตายแห่งโลกวิญญาณที่สี่ไม่ได้หลอมสองภพ เพราะนางหาเทพแห่งฟ้าดินไม่พบ ดังนั้น…
“เจ้านาย… คือผู้ใด?”
“แน่นอนว่าเป็นเทพสวรรค์สิ”
เทพสวรรค์ของแดนเทพและโลกผู้บำเพ็ญเซียนยังไม่ตาย!
หลิงเยว่นึกถึงภารกิจหลักที่ 26 ที่ระบบได้ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ นั่นคือการช่วยเหลือเทพสวรรค์ของทั้งสองโลก
การใช้คำว่าช่วยเหลือแสดงว่ายังไม่ตาย เพียงแต่ถูกกักขังไว้ ไม่ได้กล่าวถึงโลกผู้บำเพ็ญแสดงว่าเทพสวรรค์ของโลกผู้บำเพ็ญยังคงปลอดภัยดี เพียงแต่จมอยู่ในห้วงนิทราเท่านั้น
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง… หลิงเยว่จึงปล่อยวางความกังวลได้ครึ่งหนึ่ง
ส่วนอีกครึ่งหนึ่งนั้น ตราบใดที่ยังไม่พบโม่จวินเจ๋อนางไม่อาจปล่อยวางความกังวลลงได้
หลิงเยว่มองไปยังร่างของเจ้าแห่งความตายที่หนึ่งที่กำลังถูกรุมทำร้าย กุ่ยซื่อตุ๊กตาไม้ร่างอ้วนใช้ความได้เปรียบทางร่างกายคอยหยิบสิ่งของออกมาจากพื้นที่มิติของเจ้าแห่งความตายที่หนึ่งอย่างต่อเนื่อง แล้วโยนไปท่ามกลางฝูงวิญญาณที่บ้าคลั่ง
สิ่งของที่เจ้าแห่งความตายที่หนึ่งเก็บไว้ล้วนเป็นของมีค่า ทำให้เหล่าวิญญาณยิ่งบ้าคลั่งขึ้นไปอีก
“ไอ้ตัวทำลายบ้านทำลายเมืองนี่ มันไม่โยนให้พี่ชายบ้างเลยหรือไร?” กุ่ยซานพูดจาถากถางพลางเข้าร่วมในการแย่งชิงสมบัติอันวุ่นวายนั้นด้วย
การกระทำของกุ่ยซานทำให้หลิงเยว่นิ่งเงียบไป
“ของในพื้นที่มิติขนาดเมล็ดงานี่ เอาออกมาได้ง่ายดายขนาดนี้เลยหรือ?”
“แน่นอนว่าไม่ง่าย แต่พวกข้าเผ่าวิญญาณผีมีเทคนิคพิเศษในการบุกรุกพื้นที่” น้ำเสียงเย็นชาของกุ่ยอีดูเหมือนจะแฝงไว้ด้วยความภาคภูมิใจเล็กน้อย
“…”
พลังที่แข็งแกร่งยากจะสังหาร แล้วยังมีทักษะแบบนี้อีก…
การที่จะกลายเป็นชนเผ่าวิญญาณผีนั้นต้องมีเงื่อนไขอะไรบ้าง?
วิญญาณทั้งสองก้มมองหุ่นไม้หลิงเยว่ที่กำลังทำหน้าอิจฉาพวกเขาอยู่
………………..