ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 533 ปล่อยให้พวกเขากัดกันเอง!
บทที่ 533 ปล่อยให้พวกเขากัดกันเอง!
โม่จวินเจ๋อรู้สึกดีใจยิ่งนัก เมื่อรู้ว่าหลิงเยว่ได้กลับมายังแดนเทพเพื่อตามหาเขา
“มาหาเจ้าแล้วอย่างไร? เจ้ามาช้าเกินไป ถ้าไม่ใช่เพราะข้าผู้เป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ เจ้าคงกลายเป็นเถ้าถ่านไปนานแล้ว!”
แม้แต่โอกาสที่จะเป็นพวกซากศพก็ยังไม่มี!
ต้นไม้ครึ่งปีศาจหน้าด้านอ้างความดีความชอบทั้งหมดเป็นของตัวเอง โม่จวินเจ๋อไม่ได้ถือสาอะไร แต่กลับถามว่า “นางไปที่ใดอีกบ้าง?”
การค้นพบนี้ทำให้โม่จวินเจ๋อเปลี่ยนแผนเดิมที่จะไปยังโลกแห่งความตาย บางทีหลิงเยว่อาจรู้ว่าเขาไม่ได้ตาย และตอนนี้กำลังตามหาเขาอยู่เช่นเดียวกัน เมื่อนึกถึงเรื่องนี้โม่จวินเจ๋อรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง ใบหน้าอันงดงามยิ่งเปล่งประกายเจิดจ้า ใบไม้เล็ก ๆ ของต้นไม้ครึ่งปีศาจใต้ดวงตาของเขาส่องแสงระยิบระยับภายใต้แสงอาทิตย์ ความหม่นหมองที่สะสมมาหลายวันถูกกวาดล้างไปจนหมดสิ้น
“เจ้าไม่เชื่อคำพูดของข้ามิใช่หรือ แล้วตอนนี้เหตุใดจึงถามข้าอีก?”
ต้นไม้ครึ่งปีศาจรู้สึกไม่พอใจ โดยเฉพาะเมื่อเห็นสีหน้าของโม่จวินเจ๋อ มันยิ่งไม่อยากพูดถึงเลย!
“ไม่พูดก็ช่างเถอะ”
“ถ้าเจ้าห้ามไม่ให้ข้าพูด ข้ายิ่งอยากพูด!”
“ตรงนั้น นางยังผ่านไปตรงนั้นด้วย!”
ตำแหน่งที่ต้นไม้ครึ่งปีศาจบอกคือดินแดนเดิมของลูกกลมสีดำ แม้ว่าตอนนี้จะว่างเปล่าไร้ผู้คนแล้ว แต่รอบ ๆ ยังเต็มไปด้วยร่องรอยการต่อสู้
อย่างไรก็ตามโม่จวินเจ๋อไม่ได้รับรู้ถึงกลิ่นอายของหลิงเยว่ในสถานที่ต่อสู้ กลิ่นที่นางทิ้งไว้ที่นี่จางมาก น่าจะเป็นของคนรอบตัวนางมากกว่า
กลิ่นอายที่ทิ้งไว้บนสนามรบทำให้โม่จวินเจ๋อรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด ราวกับว่าเพิ่งได้กลิ่นมาไม่นานนี้ แต่ตอนนี้กลับนึกไม่ออกเสียแล้ว
ตลอดทางที่เขาเดินทางมา เขาได้พบเจอผู้คนมากมาย… คนหนึ่งคนกับต้นไม้หนึ่งต้นเดินตามกลิ่นอายไป และเข้าใกล้ทะเลสีม่วงมากขึ้นเรื่อย ๆ…
ทั้งสองคงไม่รู้ว่าพวกเขาเคยอยู่ใกล้หลิงเยว่มากแค่ไหน อาจกล่าวได้ว่าอยู่ใกล้แค่เอื้อมด้วยซ้ำ น่าเสียดายที่ตอนนั้นพวกเขารีบหนีเอาชีวิตรอด จึงไม่ได้สังเกตว่ามีกลิ่นอายของหลิงเยว่อยู่รอบ ๆ หรือไม่
ตลอดทาง พวกเขาได้ยินข่าวว่าดินแดนเงาทมิฬและโลกแห่งความตายทั้งหกกำลังทำสงครามกัน วิญญาณผีในดินแดนเงาทมิฬหนีไปสาม อีกหนึ่งตนที่สู้ไม่ได้และกำลังจะถูกทำลาย หลังจากนั้นดินแดนเงาทมิฬก็จะถูกแบ่ง
“ซากศพพวกนั้นคงคิดว่ากุ่ยซื่อของดินแดนเงาทมิฬจับตัวเจ้าไปสินะ?” ต้นไม้ครึ่งปีศาจหัวเราะร่า คนตายก็ยังเป็นคนตายอยู่วันยังค่ำ สมองยังสู้คนเป็นกับต้นไม้มีชีวิตไม่ได้เลย!
“อย่างนี้ก็ดี ปล่อยให้พวกมันกัดกันเอง รอให้บาดเจ็บทั้งสองฝ่ายแล้วพวกเราค่อยไปแก้แค้น!” ต้นไม้ครึ่งปีศาจนั้นจดจำความแค้นได้ดีจริง ๆ เจ้าแห่งความตายโลกที่สี่ทำให้นางต้องทนทุกข์ทรมานไม่น้อย รวมถึงเจ้าแห่งความตายโลกที่หนึ่งด้วย เพราะเจ้าแห่งความตายสองตนนี้ นางจึงเกลียดชังเจ้าแห่งความตายที่เหลือด้วย
รอให้นางหาอีกครึ่งของตนเจอแล้วกลายเป็นต้นไม้ที่สมบูรณ์ก่อนเถอะ นางจะฆ่าพวกมันให้ตาย!
โม่จวินเจ๋อตอบรับอย่างไม่ใส่ใจว่า “อืม”
เมื่อเทียบกับการแก้แค้นแล้ว การหาหลิงเยว่สำคัญกว่า ไม่รู้ว่าตอนนี้นางเป็นอย่างไรบ้าง แต่คาดว่าดีแน่นอน เพราะนางเป็นคนที่สามารถปรับตัวเข้ากับที่ไหนก็ได้
น่าเสียดายที่ครั้งนี้หลิงเยว่ทำให้โม่จวินเจ๋อผิดหวัง ตอนนี้นางอยู่ในสภาพที่ไม่ดีนัก เพราะดึงพลังมาเร่งให้พืชเติบโตมากเกินไป อีกทั้งยังต้องส่งพลังให้กับลูกกลมสีดำห้าลูกและตุ๊กตาอีกหนึ่งตัว ใบหน้าของนางซีดขาว แทบไม่ต่างจากพวกซากศพที่อยู่ตรงหน้า
ประตูเมืองที่แม้แต่ผีก็ยังมองว่าทรุดโทรม ถูกกองทัพซากศพเหยียบย่ำโจมตีจนไม่รู้ว่าปลิวไปไหนแล้ว
ซากศพหลั่งไหลเข้ามามากมาย ในนั้นมีซากศพชั้นสูงตนหนึ่งสังเกตเห็นหลิงเยว่ที่ซ่อนตัวอยู่หลังพืชพรรณ ดวงตาของเขาวาบขึ้นด้วยความสงสัย ชัดเจนว่าเมื่อครู่นี้เขาได้กลิ่นของคนเป็น แต่เพียงชั่วพริบตา หญิงสาวที่เผยใบหน้าเพียงครึ่งเดียวตรงหน้าเขากลับกลายเป็นซากศพไปเสียแล้ว
“มองอีกทีข้าจะควักลูกตาเจ้า!” หลิงเยว่ไม่ได้เรียนรู้วิชาพรางตัวมาเปล่า ๆ การปลอมตัวเป็นซากศพนั้นเป็นเรื่องง่ายดาย ยิ่งการปลอมแปลงพลังยิ่งเป็นเรื่องเล็กน้อย
ซากศพชายคนนั้นอยากจะทุบหน้าซากศพหญิงตรงหน้าให้แหลก แต่หลังจากประเมินพลังของทั้งสองแล้ว เขาได้แต่ถอยหลังพร้อมรอยยิ้มประจบ “ข้าขออภัย ข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี้…”
ซากศพชายพูดพลางถอยหลัง เมื่อถอยไปได้ระยะหนึ่งแล้ว เขาก็รีบเข้าร่วมกับกองทัพซากศพ เริ่มค้นหาตราประทับที่ซ่อนอยู่ในเมืองผี
หลิงเยว่ที่ทำให้คนตกใจจนหนีไป เช็ดเหงื่อเย็นบนหน้าผาก แล้วทรุดตัวลงนั่งบนพื้นด้วยขาที่อ่อนแรง ตอนนี้นางรู้สึกเจ็บปวดใจมาก
ไม่ใช่เจ็บปวดเพราะเมืองผีที่ถูกทำลายจนยับเยินกว่าเดิม แต่เจ็บปวดเพราะวัตถุดิบที่นางบ่มเพาะขึ้นมา มันคือผลงานที่นางทุ่มเทแรงกายแรงใจมาหลายเดือน แต่ตอนนี้กลับถูกกองทัพซากศพทำลายไปเกือบหมดแล้ว!
คาดว่าอีกไม่นาน วัตถุดิบที่เหลือก็คงทนไม่ไหวเช่นกัน
“ฮึ! เมืองผีมีพืชระดับต่ำมากมายเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
“มีข่าวลือว่าเมืองผีหรือทั้งดินแดนเงาทมิฬที่ไม่มีพืชพรรณงอกงามยิ่งกว่าโลกของพวกเราเสียอีก”
“เจ้าก็บอกเองว่าเป็นข่าวลือ ไม่เคยได้ยินคำว่าข่าวลือมักผิดพลาดหรือไร?”
“แต่มันไม่น่าจะผิดพลาดมากขนาดนี้…”
ซากศพพากันบุกเข้าไปในพื้นที่แล้วทำลายทุกอย่าง ทำให้หลิงเยว่ไม่กล้ามองด้วยซ้ำ นางถึงกับอยากจะตะโกนออกมาว่าตราประทับไม่ได้อยู่ที่นี่ พวกเจ้าจะทำลายดอกไม้และพืชพรรณไปทำไม!?
แต่นางไม่กล้าพูด เกรงว่าจะถูกโจมตีจากทุกด้าน แม้ลูกกลมสีดำทั้งห้าและกุ่ยซื่อจะกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ของหลิงเยว่ แต่ตอนนี้พวกเขาไม่สามารถสละพลังงานใด ๆ เพื่อปกป้องนางได้!
มนุษย์คนนั้นต้องไม่ตายเด็ดขาด พวกเขายังกินไม่พอ!
ลูกกลมสีดำเล็ก ๆ ส่งเสียงร้อง พร้อมกุ่ยซื่อที่ส่งเสียงร้องแหลม
พวกเขากำลังเรียกหาพวกพ้อง!
เจ้าแห่งความตายทั้งหกลงมือโหดเหี้ยมยิ่งขึ้น พวกเขาต้องฆ่าพวกมันให้ตายก่อนที่พวกสัตว์อสูรหมอกว่างเปล่าจะมาถึง ส่วนพวกวิญญาณผี ถ้าเหลือลมหายใจไว้ได้ก็เหลือ ถ้าเหลือไม่ได้ก็ช่าง แค่อสูรหมอกว่างเปล่าห้าตัวและวิญญาณผีหนึ่งเผ่าก็ทำให้การต่อสู้ยืดเยื้อมาถึงเพียงนี้ หากมีการสนับสนุนเพิ่มเติม แม้พวกเขาจะไม่แพ้ แต่คงจะสูญเสียอย่างหนักแน่นอน!
“เป็นกุ่ยซื่อ!”
เมื่อได้รับการเรียกจากกุ่ยซื่อ วิญญาณผีทั้งสามก็เร่งความเร็วขึ้นอีก
กุ่ยซื่อไม่เคยเรียกหาพวกเขามาก่อน คราวนี้คงจะทนไม่ไหวจริง ๆ แล้ว…
กุ่ยอีแค้นใจนัก ไม่คิดว่าหกภพจะไร้ยางอายถึงขนาดรวมตัวกันโจมตีดินแดนเงาทมิฬ ก็แค่ใบไม้แผ่นเดียวเท่านั้น ไม่ใช่ร่างวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เสียหน่อย!
ขณะที่พวกมันมาถึง พลังหยินที่กระจัดกระจายกลับรวมตัวกัน กองทัพทหารวิญญาณที่ถูกทำลายก็รวมตัวกันอีกครั้ง
กุ่ยอีปรากฏตัวขึ้นด้านหลังเจ้าแห่งความตายตนที่สี่ ในฝ่ามือของมันรวมพลังหยินบริสุทธิ์
เจ้าแห่งความตายตนที่สี่รู้สึกถึงอันตราย จึงรีบละทิ้งกุ่ยซื่อ และสกัดกั้นลูกพลังวิญญาณได้ทันเวลา แม้จะสกัดกั้นได้ แต่ไม่สามารถหยุดยั้งการระเบิดของมันได้
“พี่ใหญ่ อย่าสนใจข้า รีบไปหาหญิงคนนั้นเร็วเข้า!” กุ่ยซื่อรู้สึกไม่พอใจที่กุ่ยอีมาถึงก็แย่งคู่ต่อสู้ของเขาไปทันที “ช่างเถอะ ข้าจะไปเอง!”
เมื่อพูดจบ มังกรจากพลังหยินก็รวมตัวเป็นลำแสงพุ่งเข้าสู่เมืองผีทันที
กุ่ยอี “…”
เขาคิดว่าน้องชายของตนถูกรุมโจมตีจนเกือบตาย แต่ความจริงไม่ใช่เช่นนั้น แม้ลมหายใจของกุ่ยซื่อจะอ่อนแรงลงไปมาก แต่ยังไม่ถึงขั้นใกล้สิ้นใจ
ดังนั้นการเรียกพวกเขามาก็เพื่อจะหลบหนีไปช่วยหลิงเยว่เท่านั้นหรือ?