ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 541 ทำไมถึงไม่เป็นที่นิยม?
บทที่ 541 ทำไมถึงไม่เป็นที่นิยม?
หลิงเยว่จ้องมองไปด้านหลังอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดก็มองเห็นกองทัพวิญญาณที่ซ่อนตัวอยู่ในหมอกพิษได้อย่างชัดเจน มันคล้ายกับวิญญาณที่นางจินตนาการอยู่บ้าง
ดวงตาที่ควรจะว่างเปล่ากลับฝังอัญมณีสวยงามหลากสีสัน บางส่วนสวมเสื้อคลุมสีเทา ในมือถืออาวุธหลากหลายรูปแบบ
วิญญาณตาสองสีลอยอยู่กลางอากาศ ดวงตาสีม่วงและแดงเปล่งประกายเจิดจ้า มันค่อย ๆ ยกไม้เท้าวิเศษอันงดงามในมือขึ้น ปากขยับเปิดปิด ไม้เท้าปล่อยแสงสีดำรุนแรงออกมา ห่อหุ้มวิญญาณทั้งหมดเอาไว้
ความเร็วของพวกมันเพิ่มขึ้นแล้ว! เงาจำนวนมากพุ่งเข้ามา หลิงเยว่เห็นเพียงดวงตาหลากสีที่กะพริบไม่หยุด
ผู้คนที่หนีเอาชีวิตรอดเมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ยิ่งเร่งความเร็วในการหนี พร้อมกับผู้ชมจำนวนมาก!
“รู้อย่างนี้ไม่มาดีกว่า!”
“เจ้าแห่งความตายที่สี่ นางบ้าคนนั้น เสียสติไปจริง ๆ นางไม่รู้หรือว่าการเรียกกองทัพวิญญาณจะส่งผลอย่างไร!”
“แน่นอนว่านางต้องรู้ แต่คงเลือดขึ้นหน้าแล้ว จะคิดอะไรได้เล่า?”
…
ผู้คนที่มุงดูยังมีเวลาถกเถียงกันในขณะที่หนีเอาชีวิตรอด หลิงเยว่รู้สึกชื่นชมในเรื่องนี้มาก
ลองดูสี่วิญญาณผีและเผ่าสัตว์หมอกที่กำลังหนีสิ พวกมันไม่มีเวลาว่างที่จะเอ่ยปากพูดเลย ทุกตนต่างทุ่มเทพลังวิ่งสุดชีวิต โอ้… ยกเว้นลูกกลมสีดำกับผีตนที่สองที่ยังคงโต้เถียงกันอยู่
“ถ้าเช่นนั้นไปหลบในโลกเล็ก ๆ ของพวกข้าสักพักไหม?” คำพูดของหลิงเยว่ทำให้สองคนที่กำลังโต้เถียงกันหยุดการทะเลาะวิวาท
กุ่ยอีที่แบกหลิงเยว่และกุ่ยซานที่แบกโม่จวินเจ๋อพร้อมใจกันเปลี่ยนทิศทาง ดูเหมือนว่าพวกมันจะยอมรับความคิดเห็นของหลิงเยว่
“ตามมา”
เผ่าสัตว์อสูรหมอกลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ในที่สุดก็ตามไปด้วย
เป็นดังที่กุ่ยเอ้อร์กล่าวไว้จริง ๆ หากตอนนี้หนีไปยังเขตทะเลสีม่วง จะมีผู้คนตายมากขึ้น และบาปกรรมทั้งหมดนี้จะตกอยู่บนบ่าของพวกเขา การลงโทษของสวรรค์นั้นร้ายแรงนัก!
ผู้คนที่มุงดูต่างหนีไปในทิศทางที่หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีคนอยู่มาก เห็นได้ชัดว่าพวกเขากลัวการถูกสวรรค์ลงโทษเช่นกัน
“ไม่คิดว่าเจ้าจะมีประโยชน์ในยามคับขันเช่นนี้” กุ่ยเอ้อร์สืบทอดนิสัยปากร้ายของกุ่ยซาน มันบินผ่านกุ่ยอีอย่างรวดเร็ว มุ่งหน้าไปยังทิศทางของสองภพ
“เจ้าแน่ใจหรือว่าโลกเล็ก ๆ ของพวกเขาจะบรรจุสมาชิกในตระกูลของข้าได้?” ลูกกลมสีดำเล็ก ๆ ตกลงมาอยู่ด้านหลังหลิงเยว่ แล้วถามกุ่ยอี
“ได้” ทันทีที่กุยเอ่ยจบ อากาศบริเวณที่พวกเขาเพิ่งผ่านมาก็บิดเบี้ยว และวิญญาณร่างหนึ่งสวมเสื้อคลุมสีเทาปรากฏขึ้น
“!!!”
เร็วเกินไปแล้ว!
กลุ่มคนที่กำลังหนีเพิ่มความเร็วขึ้นอีกครั้ง “ไม่ได้ พวกเราต้องสลัดพวกมันไปก่อน!”
กองทัพวิญญาณไล่ตามมาอย่างกระชั้นชิด แม้พวกเขาจะหนีไปถึงสองภพ พวกมันยังสามารถตามหาพวกเขาได้
“จะสลัดอย่างไร กลิ่นอายของวิญญาณนั้นกำจัดยากเหลือเกิน”
อีกอย่างพวกเขาต่อสู้กับวิญญาณมานานแล้ว ทั่วร่างเต็มไปด้วยกลิ่นเน่าเหม็น
“ยิ่งไปกว่านั้น กลิ่นอายของพวกเจ้าก็ถูกเจ้าแห่งความตายที่สี่จดจำไว้แล้ว” ลูกกลมสีดำรู้สึกเสียใจอย่างยิ่ง หากเพราะเขาทำให้ทั้งเผ่าพินาศ ต่อให้ตายนับพันล้านครั้งก็ไม่อาจชดใช้ได้
กุยอี้ไม่เพียงแต่ปลอมแปลงตัวเองเท่านั้น แต่ยังใจดีช่วยเผ่าอสูรหมอกด้วย
ทีแรกคิดว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว แต่ผลปรากฏว่ากองทัพวิญญาณยังไล่ตามมาอีก และมุ่งตรงมาที่พวกเขาโดยเฉพาะ แม้แต่ผู้ชมที่เดินผ่านไปมาก็ไม่แม้แต่จะเหลียวมอง
ผู้ชมที่เตรียมตัวต้อนรับความตายจึงโชคดีรอดชีวิตมาได้ แล้วรีบจากไปด้วยความหวาดกลัว ขอเพียงอยู่ห่างจากสี่วิญญาณผีให้มากพอ กองทัพวิญญาณก็จะไม่ทำอันตรายพวกเขา
ผู้ชมที่คิดว่าหนีรอดมาได้แล้ว กลับมาเจอกับกองทัพวิญญาณโดยไม่คาดคิดอีกครั้ง อะไรกัน พูดว่าแค่อยู่ห่างจากสี่ปีศาจให้มากพอ พวกเขาก็จะไม่ถูกวิญญาณสังเกตเห็น ทั้งหมดนั่นมันเรื่องเหลวไหล พวกเขาลืมไปได้อย่างไรว่าทุกที่ที่วิญญาณผ่านไป จะไม่มีอะไรเหลือรอด แม้แต่หญ้าสักใบก็ตาม
พวกเขาถูกสี่วิญญาณผีทำร้ายจนย่อยยับจริง ๆ!
ไม่ใช่สิ แต่เป็นเพราะถูกเจ้าแห่งความตายที่สี่ทำร้ายจนย่อยยับต่างหาก ถึงแม้จะรู้ว่าทำลายสี่วิญญาณไปแล้ว สุดท้ายคงไม่มีจุดจบที่ดีอะไร และจุดจบนั้นจะน่าเวทนายิ่งนัก แต่พวกเขาก็ยังโกรธมาก!
“ได้ผลแล้ว!” ดวงตาหม่นหมองของลูกกลมสีดำที่คอยสังเกตด้านหลังอยู่ตลอดเวลา กลับมีประกายขึ้นมาอีกครั้ง ปากฉีกยิ้มกว้าง แต่ในวินาถัดมารอยยิ้มนั้นก็กลายเป็นแข็งทื่อ
ได้ผลบ้าอะไรกัน! “วิชาพรางตัวของเจ้านี่ เจ้าไปเรียนมาจากมนุษย์ไร้ค่าคนไหนกัน?” ลูกกลมดำใหญ่เอ่ยปากเยาะเย้ยทันที
ทำไมถึงว่าไร้ค่าเล่า?
ตำราวิชานั้นพวกเขาอุตส่าห์ขโมยมาจากมือของหนึ่งในสิบยอดฝีมือแห่งดินแดนว่างเปล่า วิชาพรางตัวของคนผู้นั้นล้ำเลิศเหนือธรรมชาติ ตราบใดที่เขาไม่เผยตัวเอง ไม่มีใครสามารถจำแนกตัวตนของเขาได้!
พวกเขาสามผีอาศัยวิชาพรางตัวนี้ขโมยมามากมายนับไม่ถ้วน ไม่เคยพลาดพลั้งเลยสักครั้ง!
“เหตุใดจึงไร้ประโยชน์เช่นนี้ เป็นไปไม่ได้!” กุ่ยเอ้อร์และกุ่ยซานเอ่ยขึ้นพร้อมกัน
น่าเสียดายที่ความจริงปรากฏอยู่ตรงหน้า กองทัพวิญญาณยังคงไล่ล่าพวกเขาไม่หยุดหย่อน
“หากเช่นนั้น ให้ข้าลองดูได้หรือไม่?” หลิงเยว่ยกมือขึ้นอย่างอ่อนแรง
“ถูกต้อง เจ้าก็รู้วิชาพรางตัวเช่นกัน ไม่สิ วิชาพรางตัว ของเจ้าสามารถปลอมแปลงกลิ่นอายได้หรือ?” กุ่ยซานนึกถึงหลิงเยว่ที่เคยพรางตัวเป็นตุ๊กตาไม้ขึ้นมา
“นางสามารถพรางตัว ปลอมแปลงพลัง และหลอกพวกซากศพได้ ให้นางลองดูเถิด” กุ่ยซื่อเคยถามมาก่อนว่านางหลบพ้นสายตาของซากศพและรอดชีวิตมาได้อย่างไร หลิงเยว่ก็ได้สาธิตให้ดูแล้ว ซึ่งไม่มีข้อบกพร่องใด ๆ เลย
“เร็วเข้า วิญญาณร้ายไล่ตามมาแล้ว!” ทันทีที่ลูกกลมดำใหญ่พูดจบ การโจมตีของวิญญาณร้ายก็มาถึง
“ไปทางนั้น!” หลิงเยว่ชี้ไปทางเทือกเขา แม้ทุกคนจะมีข้อสงสัย แต่ก็ยังบินเข้าไปในป่าทึบนั้นทันที
มันกลายเป็นก้อนหินสีดำเล็ก ๆ ไปเสียแล้ว
“ต้องปิดประสาทสัมผัสทั้งห้าให้หมด!”
สัตว์ร้ายแห่งความว่างเปล่าถูกหลิงเยว่แปลงร่างให้เป็นก้อนหิน ส่วนวิญญาณผีทั้งสี่รวมถึงนางและโม่จวินเจ๋อที่ถูกทำให้สลบ กลายเป็นกิ่งไม้แห้งและใบไม้แห้ง หมุนวนร่วงลงสู่พื้นดิน
ก้อนหินใหญ่ยังคงกลิ้งลงเขาต่อไป ส่วนก้อนหินเล็กติดอยู่ด้านหน้าของก้อนหินจริง
ทุกคนเชื่อฟังและปิดประสาทสัมผัสทั้งห้า ยกเว้นโม่จวินเจ๋อผู้น่าสงสารที่ถูกทำให้สลบจนไม่สามารถทำได้ ดังนั้น หลิงเยว่จึงต้องใช้ร่างของตนเองที่เป็นใบไม้แห้งคลุมเขาไว้
กองทัพวิญญาณบุกเข้าสู่เทือกเขา ทันใดนั้นก็สูญเสียร่องรอยของหลิงเยว่และคนอื่น ๆ ไป ก้อนหินที่กลิ้งอยู่ข้างเท้าเตือนเหล่าวิญญาณว่า เป้าหมายของพวกมันได้เข้ามาในที่นี่จริง ๆ
“ฮึ ทำลายเทือกเขานี้ให้สิ้น!” เจ้าวิญญาณเอ่ยด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว
ไม่นานกองทัพวิญญาณก็เริ่มถล่มเทือกเขา ภูเขาพังทลาย สัตว์ปีกและสัตว์ป่าต่างพากันบินออกมา
น่าเสียดายที่พวกมันบินไปได้ไม่ไกล ก็กลายเป็นกระดูกแห้งกลางอากาศ ร่วงหล่นลงมา แม้แต่เสียงร้องครวญครางยังไม่อาจเปล่งออกมาได้
ทุกที่ที่กองทัพวิญญาณผ่านไป ต้นไม้เหี่ยวแห้ง ทุ่งหญ้ากลายเป็นเถ้าถ่าน ภูเขาแตกสลาย… กิ่งไม้แห้ง ใบไม้แห้ง และก้อนหินที่ปิดประสาทสัมผัสทั้งห้าไปแล้วนั้น ไม่รู้เลยว่าจอมวิญญาณนั้นคลั่งแค้นเพียงใด
ยิ่งไม่รู้ว่าอันตรายกำลังค่อย ๆ คืบคลานเข้ามาใกล้ นอกจากก้อนหินไม่กี่ก้อนที่กลิ้งลงไปยังเชิงเขาแล้ว กิ่งไม้และใบไม้แห้งเหล่านั้นกำลังจะกลายเป็นผงธุลีในไม่ช้า
ทั้ง ๆ ที่ปิดประสาทสัมผัสทั้งห้าไปแล้ว แต่หลิงเยว่กลับรู้สึกใจสั่นอย่างไร้สาเหตุ