ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 544 สงครามใหญ่กำลังจะเริ่มขึ้น
บทที่ 544 สงครามใหญ่กำลังจะเริ่มขึ้น
“นี่! พวกเจ้าได้ยินหรือไม่ มีวีรบุรุษคนหนึ่งสามารถทำลายกองกำลังชั้นยอดที่แข็งแกร่งที่สุดของเจ้าวิญญาณได้ภายในคืนเดียว!”
“จิ๊ ๆ ข้าว่าข่าวของเจ้าช่างล้าสมัยเหลือเกิน วีรบุรุษท่านนั้นไม่เพียงแต่ทำลายกองกำลังชั้นยอด แต่ยังปะทะกับเจ้าวิญญาณด้วย!”
ฝูงชนพากันสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ ช่างร้ายกาจเหลือเกิน!?
“แล้วผลเป็นอย่างไร? ถูกเจ้าวิญญาณสังหารหรือไม่?”
“มีคนกล่าวว่าทั้งสองฝ่ายต่างบาดเจ็บสาหัส…”
ฝูงชนพากันสูดลมหายใจเฮือกใหญ่อีกครั้ง ทั้งสองฝ่ายต่างบาดเจ็บสาหัส แล้วทำไมไม่ตายไปพร้อมกันเสียเลยเล่า!?
“ข่าวของเจ้าเชื่อถือได้หรือ?”
“ทำไมจะเชื่อถือไม่ได้เล่า นี่มันข่าวมือหนึ่งแท้ ๆ!” ผู้บำเพ็ญที่ถูกตั้งคำถามไม่พอใจ นั่นมันข่าวที่เขาเอาชีวิตเข้าแลกมาสืบมาอย่างยากลำบากนะ
“แล้วทางนั้นเป็นอย่างไรบ้าง?”
“แล้วนางที่นำหมาป่าเข้าบ้านอย่างเจ้าแห่งความตายที่สี่เป็นอย่างไรบ้าง?”
“เรื่องนี้ข้ารู้ ว่ากันว่านางถูกควบคุมโดยเจ้าวิญญาณแล้ว ไม่เพียงแต่นาง แม้แต่เจ้าแห่งความตายที่เหลืออีกสี่คนก็ถูกจับตัวไปด้วย”
การถูกเจ้าวิญญาณจับตัวไปนั้นหมายความว่า พวกเขาจะถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นซากศพ
ช่างน่าสงสารเสียจริง! แม้จะพูดเช่นนั้น แต่ไม่มีใครในกลุ่มที่กำลังสนทนาแสดงสีหน้าเห็นอกเห็นใจ กลับตบมือเฮฮาด้วยความสะใจในความโชคร้ายของผู้อื่น
“พวกเจ้าคงยังไม่เข้าใจถึงความร้ายแรงของปัญหา หากข้าเป็นพวกเจ้า ข้าจะรีบกลับไปเก็บข้าวของและย้ายไปใช้ชีวิตในโลกอื่นทันที”
ผู้บำเพ็ญผู้ได้รับข่าวสารเป็นคนแรกมองผู้คนที่กำลังตบมือเฮฮาด้วยสายตาเหมือนมองคนโง่
“เรื่องนี้… หมายความว่าอย่างไร?”
“ผู้ที่สามารถขึ้นเป็นเจ้าแห่งความตาย มีคนใดบ้างที่อ่อนแอ? พวกเขาแข็งแกร่งอยู่แล้ว และเมื่อถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นซากศพ พวกเขาจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นไปอีก!”
“รอดูเถิด ดินแดนว่างเปล่าใกล้จะถูกเปลี่ยนชื่อเป็นดินแดนแห่งความตายแล้ว”
ฮึ! พวกเขายังคิดว่าเจ้าแห่งความตายที่ถูกวิถีสวรรค์จัดการและถูกจำกัดให้อยู่ในทะเลทรายแห่งดินแดนว่างเปล่าจะยอมสงบลงจริง ๆ แต่จะสงบได้นานเท่าไหร่กัน?
เพียงแค่สามหมื่นปีเท่านั้น ในช่วงสามหมื่นปีนี้เขาแกล้งทำเป็นนอบน้อม ยอมให้ลูกน้องรับงานอย่างว่าง่าย ทำเสร็จแล้วก็กลับไปอย่างสงบ พวกเขาคิดจริง ๆ ว่าเขากลับตัวกลับใจแล้ว ไม่คิดเลยว่าจะสอนวิธีเรียกวิญญาณให้กับเจ้าแห่งความตายที่สี่ด้วย
เพียงแค่เจ้าแห่งความตายที่สี่ใช้วิธีเรียกวิญญาณ บาปทั้งหมดก็จะตกอยู่บนหัวของนาง เหล่าซากศพทั้งหลายจะไม่ถูกวิถีสวรรค์ลงโทษเลย! ความคิดนี้ช่างชั่วร้ายเหลือเกิน!
“ไม่ได้ ข้าต้องรีบไปเดี๋ยวนี้”
“ไป? จะไปที่ไหน คิดจะเป็นผู้อยู่อาศัยถาวรในโลกอื่น ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ นะ!”
“จริง ๆ แล้วพวกเราสามารถรวมตัวกันเพื่อปกป้องดินแดนว่างเปล่าได้…”
ผู้คนมากมายโต้เถียงกันอย่างดุเดือด และเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงที่เดียว แม้แต่ในตลาดกลางทะเลสีม่วงก็มีการถกเถียงกันเรื่องนี้เช่นกัน
เซี่ยซิ่นรุ่ยที่กำลังตั้งแผงขายของยิ่งฟังยิ่งรู้สึกหวั่นใจ ทำไมพวกเขาเพิ่งมาถึง ที่นี่ก็จะเกิดสงครามแล้ว?
“แล้วพวกเราจะทำอย่างไร?” จื่อเฉาอวี่ร้อนใจจนไม่อยากตั้งแผงขายของแล้ว โดยเฉพาะเมื่อเห็นผู้บำเพ็ญจำนวนไม่น้อยที่รีบเร่งจากไป ยิ่งทำให้นางตื่นตระหนกมากขึ้น
ซีชางกลับไม่ตื่นตระหนก ยังคงย่างเนื้อสัตว์ระดับต่ำจากความว่างเปล่าแล้วเสียบไม้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย “พวกที่จากไปก็แค่กลุ่มคนขี้ขลาดที่ไม่มีความสามารถเท่านั้น”
“พูดถูกต้อง แค่กองทัพซากศพเอง พวกเราดอกไม้สีม่วงไม่กลัวหรอก!” หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนคว้าเนื้อย่างมากินอย่างเอร็ดอร่อย “ดังนั้นพวกเจ้าไม่ต้องกลัว ที่สำคัญคือถึงกลัวไปก็ไม่มีประโยชน์ ซากศพตนเดียวก็สามารถบีบพวกเจ้าตายได้อย่างง่ายดายแล้ว”
เหล่านักเรียน “…”
ถ้าพูดไม่เป็นก็ไม่ต้องพูด!
“ในเมื่อพวกท่านสามารถจัดการกับกองทัพซากศพได้ ก็ต้องสามารถจัดการกับวิญญาณร้ายได้แน่นอน แล้วทำไมตอนนั้นถึงปฏิเสธคำขอของอาจารย์ของพวกข้า”
“ใช่แล้ว บอกว่าสิ่งที่ตายแล้วต้องให้สิ่งที่ตายแล้วมาต่อกร แล้วสิ่งมีชีวิตจะทำได้อย่างไร”
หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนหยุดกินเนื้อย่าง พยายามรักษาหน้าโดยกล่าวว่า “ความหมายขององต์ชายเย่าคือ พวกวิญญาณนั้นจัดการกับวิญญาณเหมือนกันได้ดีกว่า แต่หากพวกข้าจะจัดการจริง ๆ ก็ไม่ใช่เรื่องยาก”
เหล่านักเรียนทั้งหมดต่างเหลือบตามองด้วยความไม่เชื่อถือ แต่ก็ไม่ได้ตื่นตระหนกมากนัก เพราะหากเกิดเรื่องขึ้นมา ยังมีคนที่แข็งแกร่งคอยยืนอยู่ข้างหน้า อีกอย่างพวกเขาก็จ่ายค่าเช่าแล้ว เผ่าภูตม่วงมีหน้าที่ปกป้องพวกเขา!
หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนกินเนื้อย่างไปหลายสิบไม้ติดต่อกัน เขาตบพุงของตนแล้วอธิบายจุดประสงค์ที่มาครั้งนี้ “ระยะเวลาเช่าของพวกเจ้าใกล้จะหมดแล้ว…”
“ข้าจ่ายค่าเช่าให้ราชินีของพวกเจ้าแล้ว”
หลิงเยว่หัวโล้นและชิงหลงมาถึงตลาดพอดี นอกจากนี้พวกเขายังใช้ลมหายใจแห่งชีวิตเช่าทหารภูตหนึ่งกอง เพื่อปกป้องโลกผู้บำเพ็ญเป็นเวลาสามปีด้วย
เมื่อพวกเขามาถึง หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนที่อิ่มท้องแล้วก็ได้รับคำสั่งจากราชินีว่า ภายในสามปี พวกเขาจะต้องคุ้มครองกลุ่มผู้มาเยือนเหล่านี้
หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนบินวนรอบหลิงเยว่หัวโล้นไม่หยุด “ดูเหมือนว่าแม่ของเจ้าจะทิ้งของดี ๆ ไว้ให้เจ้าไม่น้อยเลยนะ ถึงขั้นเรียกใช้กองทัพของพวกข้าได้”
หลิงเยว่น้อยหัวโล้น “…”
บอกกี่ครั้งแล้วว่าหลิงเยว่ไม่ใช่แม่ของนาง!
“ช่างเถอะ เรียกว่าท่านแม่ก็ท่านแม่…”
สายตาของชิงหลงเปลี่ยนเป็นมีความหมายลึกซึ้ง “หวังว่าตอนนั้นจะคุ้มค่า”
“รับรองว่าคุ้มค่าเกินราคาแน่นอน!”
จู่ ๆ โลกผู้บำเพ็ญก็มีกองทัพภูตน้อยหนึ่งกองพลเข้ามาอยู่ ทำให้ผู้คนที่ได้ยินข่าวและรู้สึกตื่นตระหนก ค่อย ๆ สงบลงเล็กน้อย
“เรียกพวกเขามาแบบนี้ คงให้ลมหายใจแห่งชีวิตไปไม่น้อยสินะ?” เสียงของเล่อเหอพลันดังขึ้นจากด้านหลังของหลิงเยว่น้อยหัวโล้น ทำให้นางตกใจรีบซ่อนใบไม้แห้งในมืออย่างรวดเร็ว
“ลมหายใจแห่งชีวิตยังมีอยู่ ท่านวางใจได้” หลิงเยว่น้อยหัวโล้นยิ้มอย่างฝืน ๆ หากหลิงเยว่เคราะห์ร้ายจริง ๆ… นางมีหน้าที่และพันธะที่จะต้องปกป้องโลกและผู้คนที่หลิงเยว่ทุ่มเทชีวิตเพื่อปกป้อง
เพียงแต่ตอนนี้ต้นไม้แห่งชีวิตป่วย นางไม่รู้ว่าจะรักษาอย่างไร ได้แต่แอบเก็บใบไม้ที่เหี่ยวเฉาไปทุกวัน ไม่ให้คนอื่นรู้
“ทั้งหมดเป็นเพราะพวกข้าไร้ประโยชน์”
หลังจากผ่านเหตุการณ์ในโลกผู้บำเพ็ญเซียนมา เล่อเหอผู้เคยเปี่ยมด้วยความมั่นใจ ดูแก่ลงไปไม่น้อย ยิ่งตอนนี้หลิงเยว่หายตัวไป สงครามใหญ่ในดินแดนว่างเปล่ากำลังจะเกิดขึ้น แต่เขากลับช่วยอะไรไม่ได้เลย…
“ท่านบรรพจารย์ พวกข้าอายุน้อย บรรดาผู้แข็งแกร่งที่น่าเกรงขามเหล่านั้น ใครบ้างที่ไม่ได้บำเพ็ญเพียรมาหลายพันหลายหมื่นปี?” หลิงเยว่หัวโล้นจับนิ้วก้อยของเล่อเหอไว้ พลางแหงนหน้าขึ้นปลอบใจ
“พวกเราต้องฮึดสู้!”
“อืม ฮึดสู้!”
เล่อเหอพยักหน้าอย่างมุ่งมั่น เขาต้องฮึดสู้จริง ๆ แล้ว จะให้เด็กน้อยที่สูงไม่ถึงต้นขาเขามายืนหน้าแถวได้อย่างไร?
เขาคือปรมาจารย์ผู้ทรงพลังที่สุดของสำนักหลานเทียนนะ! เล่อเหอปัดเป่าความเสื่อมถอยในอดีตทิ้งไป การบำเพ็ญเพียรที่ติดขัดอยู่ในขอบเขตเซียนแท้มานานเริ่มคลายตัว
“ข้ากำลังจะก้าวข้าขอบเขต…”
เล่อเหอทิ้งประโยคนี้ไว้ แล้วหายตัวไปในทันที พร้อมสายลมที่พัดพาเสียงหัวเราะของเขามาเป็นระยะ
………………..