ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 546 ขอให้ใบไม้สีเขียวขยับสักนิดได้ไหม?
บทที่ 546 ขอให้ใบไม้สีเขียวขยับสักนิดได้ไหม?
“ศิษย์น้องร่วมสำนักเจ้าอยู่ที่นี่หรือไม่?”
ผู่ตานย่อตัวลงหน้าหลุมใหญ่แล้วพึมพำเบา ๆ
“หลิงเยว่ เจ้าได้ยินข้าพูดหรือไม่?”
“เจ้าพูดอะไรสักหน่อยสิ อย่าหายตัวไปเลย พวกข้าเป็นห่วงเจ้ามาก” ผู่ตานเอ่ยเสียงสะอื้น ดวงตาของเขาร้อนผ่าวพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้
“แม้ว่าตอนนี้จะไม่สะดวกปรากฏตัว แต่อย่างน้อยก็ส่งข่าวมาให้พวกข้าบ้างสิ…”
“ถ้าส่งข่าวไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เจ้าทำให้ใบสีเขียวขยับสักหน่อยได้ไหม?” ผู่ตานแบมือออก ใบไม้สีเขียวบนฝ่ามือยังคงนิ่งเงียบ
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร ใบสีเขียวยังคงไม่มีการเคลื่อนไหว ภูตน้อยปลอบใจด้วยการลูบศีรษะของผู่ตานเบา ๆ มันไม่เข้าใจว่าทำไมนกน้อยตัวนี้ถึงขอให้ใบไม้เคลื่อนไหว แต่ถ้าการทำให้ใบไม้ขยับจะช่วยให้เขาไม่ร้องไห้ มันก็ยินดีช่วยเหลือ
ใบไม้สีเขียวค่อย ๆ ม้วนตัวเข้าหากัน จากนั้นก็พันรอบข้อมือของผู่ตาน ราวกับเป็นกำไลมรกต
เทพบุตรผมสั้น “???”
เขายังไม่ได้ทำอะไรเลยนี่!
หรือว่าหลิงเยว่ตอบสนองต่อผู่ตานจริง ๆ? นี่มัน…
ภูตน้อยมีสีหน้างุนงง
ผู่ตานสูดจมูกแล้วนำกำไลสีเขียวมาแนบกับใบหน้า หัวใจที่ดับสูญกลับมาลุกโชนอีกครั้ง ความรู้สึกเช่นนี้ช่างดีจริง ๆ!
“พวกเรากลับกันเถอะ”
ผู่ตานกลับมามีกำลังใจอีกครั้ง เพียงแค่รู้ว่าศิษย์น้องยังมีชีวิตอยู่ก็เพียงพอแล้ว!
ภูตน้อยพยักหน้าอย่างเหม่อลอย
ร่างของผู่ตานหายลับไปในภูเขาทิงหลินอย่างรวดเร็ว
ดินแดนแห่งนี้จมดิ่งสู่ความเงียบงันอีกครั้ง
ที่นี่เงียบสงบ แต่ดินแดนว่างเปล่ากลับต้อนรับความคึกคักมากมายนับไม่ถ้วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งวีรบุรุษผู้นั้นที่สามารถเอาชนะกลุ่มยอดฝีมือของเจ้าวิญญาณได้เพียงลำพัง และต่อสู้กับเจ้าวิญญาณจนทั้งสองฝ่ายบาดเจ็บสาหัส ได้ยินมาว่าเขายังจับตัว เจ้าแห่งความตายที่สี่ไปต่อหน้าเจ้าวิญญาณอีกด้วย
“สวรรค์! เมื่อใดที่ดินแดนว่างเปล่าของพวกเรามีผู้ทรงพลังเช่นนี้มาอยู่?”
“เจ้าดูถูกดินแดนว่างเปล่าเกินไปแล้ว ที่นี่มีผู้แข็งแกร่งมากมาย แค่โลกแห่งความตายเล็ก ๆ นั่นจะมาอวดดีได้อย่างไร!”
“ไม่ใช่ ตอนนี้สิ่งที่พวกเราควรให้ความสนใจไม่ใช่เรื่องที่วีรบุรุษผู้นั้นจับตัวเจ้าแห่งความตายที่สี่ไปเพื่อทำอะไรหรอกหรือ?”
“ยังต้องคิดอีกหรือ? แน่นอนว่าต้องเป็นการทรมานตัวการสำคัญผู้นี้อย่างหนักแน่ ๆ!”
“เช่นนั้นการฆ่าเขาไม่ใช่ดีกว่าหรอกหรือ? เมื่อถึงเวลานั้นการลงทัณฑ์จากสวรรค์ก็จะตกลงบนเจ้าแห่งความตาย เพราะว่าเจ้าแห่งความตายที่สี่รับโทษแทนเขาจนตายไปแล้ว”
ผู้คนต่างพูดกันอย่างวุ่นวาย แต่น่าเสียดายที่ยังไม่มีใครเดาถูก
ชายอ่อนแอผู้ที่ถูกเรียกว่าเป็นนักรบอันดับหนึ่งของดินแดนว่างเปล่ากำลังลากร่างเจ้าแห่งความตายที่สี่ไปยังโลกแห่งความตาย
ร่างวิญญาณศักดิ์สิทธิ์และต้นไม้แห่งชีวิตตอนนี้ต้องอยู่ในมือของเจ้าแห่งความตายคนนั้นแน่นอน!
เจ้าวิญญาณโกรธจนควันออกหู ไม่เคยมีใครทำให้เขาโกรธจนหมดแรงได้ขนาดนี้มาก่อน แม้แต่เจ้าแห่งความตายก็ยังทำไม่ได้!
“ทุกคนไปตามหาชายคนนั้นมาให้ข้า!”
กองทัพวิญญาณร้ายดั้งเดิมรวมกับกองทัพซากศพจากโลกแห่งความตายทั้งหกที่ถูกเปลี่ยนเป็นวิญญาณร้ายต่างพากันออกไปตามหา
“กองทัพวิญญาณร้ายบุกมาแล้ว ทุกคนรีบหนีเร็ว!”
“หนีบ้าอะไรกัน ไปโจมตีเดี๋ยวนี้!”
เจ้าเขตแดนโม่อวี่ที่อยู่ใกล้กับดินแดนเงาทมิฬและโลกแห่งความตายทั้งหกมากที่สุด สะบัดปีกใหญ่ให้กับผู้ใต้บังคับบัญชาทันที
เจ้าเขตแดนโม่อวี่เป็นเผ่าพันธุ์อินทรี แต่พวกมันแตกต่างจากนกอินทรีตัวเล็ก แต่ละตัวมีขนาดเท่ากับภูเขาใหญ่ เมื่อบินออกมาเป็นฝูงใหญ่จะทำให้รู้สึกกดดันอย่างมาก
“ผู้ใดกล้าหนี ฆ่าได้ทันทีโดยไม่ต้องไต่สวน!”
“พวกข้ามาช่วยพวกเจ้าแล้ว!”
“ยังมีพวกข้าด้วย!”
…
เจ้าแห่งดินแดนว่างเปล่าพากันนำกองทัพของตนมาล้อมรอบดินแดนเงาทมิฬและโลกแห่งความตายทั้งหกไว้อย่างแน่นหนา ไม่ยอมปล่อยให้ซากศพแม้แต่ตนเดียวหลุดรอดออกไป
“พวกเจ้าแน่ใจหรือว่าต้องการเป็นศัตรูกับโลกแห่งความตาย?”
เจ้าวิญญาณเห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็ตกอยู่ในสภาวะใกล้ระเบิด
“พวกเจ้าโลกแห่งความตายแน่ใจหรือว่าต้องการเป็นศัตรูกับดินแดนว่างเปล่า?” ราชินีภูตสีม่วงตอบกลับทันที แม้ร่างกายจะเล็ก แต่บารมีนั้นยิ่งใหญ่นัก!
“แน่ใจหรือ?” เจ้าแห่งความตายอื่น ๆ ถามซ้ำอีกครั้ง
“ก็แค่ขอทางผ่านเพื่อตามหาคนเท่านั้น พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องตื่นเต้นถึงเพียงนี้” เจ้าวิญญาณไม่กล้าตอบว่าแน่ใจ เพราะดูจากสถานการณ์ตอนนี้ กองทัพวิญญาณร้ายคงไม่อาจต้านทานได้แน่นอน หากเจ้าแห่งความตายอื่น ๆ รวมถึงเจ้าเขตแดนปรากฏตัว สถานการณ์ก็จะแตกต่างออกไป!
“ขอผ่านทาง?”
“พวกเจ้าเผ่าวิญญาณยังรู้จักมารยาทขอทางผ่านด้วยหรือ?”
“ได้ งั้นพวกข้าก็จะขอทางผ่านเช่นกัน ขอทางผ่านดินแดนเงาทมิฬและโลกแห่งความตายทั้งหกภพ!” ประโยคนี้เป็นดั่งสัญญาณการโจมตี ทุกคนจึงเริ่มเคลื่อนไหว!
สงครามครั้งใหญ่ที่มีขนาดใหญ่กว่าโลกแห่งความตายหกภพได้เริ่มขึ้นแล้ว!
พื้นดินทั้งหมดสั่นสะเทือน แม้แต่หลุมใหญ่ในภูเขาทิงหลินที่อยู่ห่างออกไปหลายล้านลี้ยังสั่นสะเทือนจนเถ้าถ่านสีดำลอยฟุ้งขึ้นมา
และในหลุมใหญ่ที่ถูกย้อมด้วยเลือดสดของสามีภรรยานั้น มีมือสีเทาขาวข้างหนึ่งยื่นออกมาจากกองเถ้าถ่าน
ตามมาด้วยมืออีกข้างหนึ่งที่ยื่นออกมาเช่นกัน แตกต่างจากมือแรกที่กางออก มือข้างนี้กำลังกำบางสิ่งไว้แน่น เจ้าของมือค่อย ๆ ปีนออกมาจากกองเถ้าถ่านสีดำที่จมลงเรื่อย ๆ และส่งกลิ่นเหม็นรุนแรง
เพียงแค่การปีนออกจากหลุมก็ใช้เวลาไปหลายชั่วยาม
ในที่สุดนางก็ปีนขึ้นมาได้…
มันคือมนุษย์คนหนึ่ง
ผิวหนังเป็นสีเทาดำ สิ่งที่กำแน่นอยู่ในมือค่อย ๆ ปรากฏให้เห็นมันคือกิ่งไม้แห้ง บนกิ่งไม้มีแสงสีเขียวมรกตวาบผ่านไป
ตอนนี้นางไม่มีวิธีถอดวิชาพรางตัวออกจากร่างของเพื่อนร่วมทางได้ จึงต้องใช้วิธีโง่ ๆ เช่นนี้ในการค้นหา
การค้นหาเพื่อนร่วมทางที่ปลอมตัวเป็นเถ้าถ่านท่ามกลางเถ้าถ่านนับไม่ถ้วนนั้น จะง่ายดายได้อย่างไร?
แม้จะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่หลิงเยว่ไม่ยอมแพ้ ในที่สุด… นางก็พบสองดวงวิญญาณแล้ว แต่ยังขาดอีกสี่สิบแปด
“พวกเจ้าออกมาเองไม่ได้หรือ?” หลิงเยว่ที่เหนื่อยอ่อนทรุดตัวลงหน้าหลุมใหญ่ ตะโกนเข้าไปในหลุมด้วยสภาพครึ่งตายครึ่งเป็น
ให้นางผู้อ่อนแอที่สุดมาตามหาพวกเขา นางจะต้องตามหาไปจนถึงเมื่อไหร่กัน?
“รีบออกมาเองเถิด กองทัพวิญญาณร้ายได้จากไปแล้ว!” หลิงเยว่ตะโกนต่อไป
น่าเสียดายที่ไม่มีผู้ใดตอบสนองนาง ราวกับว่า… พวกเขาตายไปแล้ว
ตายแล้วหรือ? เป็นไปได้อย่างไร?
ม่านตาของหลิงเยว่และพื้นดินสั่นสะเทือนพร้อมกัน นางอ่อนแอเช่นนี้ยังมีชีวิตรอด ลูกกลมสีดำและสี่วิญญาณผีย่อมไม่มีทางเสียชีวิตที่นี่แน่นอน!
อีกอย่างพวกเขายังมีพลังชีวิตปกป้องตัวเอง ไม่มีทางตายได้
หลิงเยว่ยิ่งคิดยิ่งหวาดหวั่น ไม่สนใจบาดแผลสาหัสบนร่างกายอีกต่อไป นางต้องฟื้นฟูพลังเซียนโดยเร็ว เพื่อถอดวิชาพรางตัวออกจากร่างของเพื่อนร่วมทาง
กลัวว่าหากปล่อยไว้นานกว่านี้ พวกเขาจะตายจริง ๆ
หลิงเยว่สูดหายใจลึก จากนั้นค่อย ๆ หลับตาลง วิญญาณหลากหลายชนิดไหลทะลักเข้าสู่ร่างกายของนาง ก่อให้เกิดความเจ็บปวดราวกับถูกแทงด้วยเข็มแหลมคมนับพันเล่ม จนนางต้องร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด
มันยังไม่สำเร็จ ยังคงไม่สามารถเดินเส้นลมปราณตามเคล็ดวิชาได้!