ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 547 ทำเอาหายใจไม่ออกจริง ๆ
บทที่ 547 ทำเอาหายใจไม่ออกจริง ๆ
หลิงเยว่กระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง ใบหน้าซีดเซียวลงกว่าเดิม นางไม่รู้ว่าทำไมพอตื่นขึ้นมา แม้แต่การใช้เคล็ดวิชาก็ยังทำไม่ได้ ทุกครั้งที่พยายามใช้พลัง ร่างกายของนางจะเจ็บปวดราวกับถูกฉีกกระชากร่างจนทนไม่ไหว
นางจะทำอย่างไรดี?
หลิงเยว่ไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้เลย หากไม่ใช่เพราะนางเสนอให้เข้าไปในภูเขา แล้วช่วยพวกเขาปลอมตัว บางทีเรื่องแบบนี้อาจจะไม่เกิดขึ้น…
ภูเขาใหญ่นับร้อยหรือแม้กระทั่งนับพันลูกที่มองไม่เห็นปลายทาง บัดนี้ถูกทำลายจนสิ้นซาก พลังทำลายล้างของกองทัพวิญญาณร้ายเป็นสิ่งที่หลิงเยว่คิดไม่ถึงทีเดียว
นางกลืนน้ำลายด้วยความหวาดกลัว แต่แม้แต่การเคลื่อนไหวเบา ๆ เช่นนี้ก็ยังทำให้ทั่วร่างปวดร้าวไปหมด
นางคิดหยิบอาหารจากมิติว่างเปล่ามารักษาอาการบาดเจ็บ แต่พบว่ามิตินั้นหายไปไม่เห็นร่องรอย…
นี่มันจะบีบให้นางตายหรืออย่างไร!?
หลิงเยว่กลั้นหายใจอีกครั้ง ดำดิ่งลงไปในกองเถ้าถ่านสีเทาดำ หวังว่าจะหาสักอย่างได้… แต่ช่างเถอะ แทนที่จะเสียเวลาอยู่ที่นี่ นางควรกลับไปที่ทะเลม่วงเพื่อเข้าสู่ร่างแท้และรักษาอาการบาดเจ็บ รอให้ฟื้นตัวบ้างแล้วค่อยกลับมาที่นี่อีกครั้ง เพื่อหาเผ่าปีศาจและสัตว์อสูรหมอกที่เหลือ
อืม ทำเช่นนั้นแหละ! โชคดีที่หลิงเยว่เคยไปสองภพกับสามวิญญาณผีมาก่อน โดยผ่านภูเขาทิงหลินนางจึงรู้ทางกลับไปที่ทะเลม่วง
ใช่แล้ว! นางต้องเดินเท่านั้นและเดินอย่างโซเซด้วย ไม่รู้ว่าด้วยขาสองข้างของนางจะต้องเดินกี่ปีถึงจะถึงทะเลม่วง
เพิ่งเดินไปได้ไม่กี่ก้าว หลิงเยว่ก็นึกขึ้นได้ว่านางไม่ได้อยู่คนเดียว นางยังมีระบบ!
“ระบบ ช่วยด้วย!”
[โอ้! ในที่สุดก็นึกถึงกันเสียที กำลังคิดอยู่เลยว่าจะนึกถึงข้าเมื่อไหร่!]
[ยันต์เคลื่อนย้าย : ราคาหนึ่งแสนอายุขัย ต้องการซื้อหรือไม่?]
“!!!”
หลิงเยว่มองดูยอดคงเหลือของตัวเองแล้ว ไม่มีทางที่จะมีเงินถึงหนึ่งแสนได้เลย!
[สามารถยืมได้]
“แม้แต่อายุขัยก็ยังยืมได้? เจ้าช่างดีกว่าระบบหลักมากนัก ข้าหวังว่าเขาจะไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย!”
[ตอนนี้เป็นสถานการณ์พิเศษ อนุญาตให้เจ้ายืมได้ แต่มีข้อจำกัดด้านเวลา เจ้าต้องชำระคืนทั้งหมดภายในสิบปี มิเช่นนั้น…]
นั่นหมายความว่าหลิงเยว่จำเป็นต้องหลอมรวมกับต้นไม้ปีศาจภายในสิบปี เพื่อทำภารกิจหลักที่ 24 ให้สำเร็จและได้รับชีวิตอมตะ จึงจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้
ภายในสิบปีเชียวนะ…
“ยี่สิบปีได้ไหม?”
“ไม่ได้ เจ้ามีเวลาเพียงสิบปีเท่านั้น”
หลิงเยว่จะทำอย่างไรได้ นางจำต้องตอบตกลง หากไม่ตกลงก็เท่ากับรอความตาย และยังต้องให้ผู้คนมากมายร่วมรอความตายไปกับนางด้วย แต่หากตอบตกลง จะมีเพียงนางคนเดียวที่ต้องรอความตาย ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็คุ้มค่า
[ต้องการความช่วยเหลือในการฉีกยันต์หรือไม่?]
“คิดว่าข้าสามารถฉีกมันได้เองหรือ?”
ตอนนี้แม้แต่เดินยังลำบาก ในร่างกายไม่มีพลังเซียนแม้แต่น้อย ยิ่งไม่สามารถฉีกยันต์เคลื่อนย้ายไปยังจุดหมายได้เลย หลิงเยว่ถือแผ่นยันต์เคลื่อนย้ายขนาดเล็กในมือ เมื่อมันถูกฉีกออก แสงสว่างห่อหุ้มร่างนาง ไม่นานทั้งคนและแผ่นยันต์ก็หายวับไป
เมื่อหลิงเยว่ลืมตาขึ้นก็พบว่าตนยืนอยู่หน้าทะเลม่วงแล้ว
ความรู้สึกนี้ทำให้เขารู้สึกหายใจไม่ออกเสียจริง
ต้นไม้แห่งชีวิตที่รับรู้ถึงลมหายใจแห่งชีวิตพลันมีชีวิตชีวาขึ้นมา แม้แต่ตำแหน่งที่ใบไม้ร่วงหล่นยังงอกหน่อใหม่ขึ้นมา ราวกับกำลังแสดงความยินดีของตัวเอง หลิงเยว่หัวโล้นรับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของต้นไม้สีเขียวอ่อน นางรีบวิ่งออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว…
จนเจ้าอาวาสคนใหม่ของพุทธวิหารรู้สึกเหมือนมีลมพัดผ่านไป
เมื่อหลิงเยว่น้อยหัวโล้นมาถึงหน้าทะเลม่วง หลิงเยว่เพิ่งเดินไปได้ไม่เท่าไหร่ ยังห่างไกลจากร่างแท้ของตัวเองมาก
สาเหตุหลักคือทะเลม่วงนั้นใหญ่มาก ใหญ่กว่าโลกผู้บำเพ็ญของพวกเขาหลายสิบเท่า
“เจ้ากลับมาแล้ว!”
หลิงเยว่น้อยหัวโล้นเงยหน้าขึ้น มองดูหลิงเยว่ด้วยดวงตาที่เอ่อคลอไปด้วยน้ำตา
หลิงเยว่ย่อตัวลงด้วยสีหน้าตื่นเต้น มองตาของหลิงเยว่ตัวน้อย แล้วกล่าวว่า “ข้าทำให้พวกเจ้าเป็นห่วงเสียแล้ว”
หลิงเยว่หัวโล้นจับมือของหลิงเยว่อย่างเขินอาย แล้วพูดอย่างร้อนรน “ต้นไม้แห่งชีวิตป่วย ข้ารักษาไม่เป็น…”
“อย่าตื่นตระหนก คงเป็นเพราะข้าป่วย มันเลยป่วยตามไปด้วย รอให้อาการบาดเจ็บของข้าหายดี มันก็จะฟื้นตัวเอง” เมื่อได้ยินหลิงเยว่พูดเช่นนั้น หลิงเยว่น้อยหัวโล้นจึงสังเกตเห็นมือสีเทาอมฟ้าของหลิงเยว่ รวมถึงริมฝีปากที่ซีดขาว ทั้งตัวผอมจนดูผิดรูป น่ากลัวยิ่งกว่าพวกวิญญาณร้ายเสียอีก!
“เจ้า…”
“รบกวนเจ้าพาข้าไปหาร่างแท้ได้หรือไม่ รอให้ข้าฟื้นตัวสักหน่อยแล้วจะอธิบายให้เจ้าฟัง” ไม่มีทางเลือก ด้วยเวลามีจำกัด เหล่าสหายยังคงรออยู่ในหลุม หลิงเยว่ไม่มีเวลาเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้
“ได้”
หลิงเยว่น้อยหัวโล้นจับมืออีกฝ่ายไปจนถึงตำแหน่งที่วางโลกผู้บำเพ็ญไว้ ทันทีที่หลิงเยว่สัมผัสกับร่างแท้ของตัวเอง นางก็หลอมรวมเข้าไปในทันที
“ช่วยบอกพวกเขาด้วยว่าข้ากลับมาแล้ว”
หลิงเยว่ไม่ทันได้ฟังการตอบสนองของหลิงเยว่น้อยหัวโล้นก็จมดิ่งสู่ห้วงนิทราในทันที
ใบไม้ทั้งหมดที่แผ่กิ่งก้านออกมาต่างหดตัวกลับเข้าไป
“กะ กลับมาแล้วหรือ?” เมื่อได้ยินข่าวนี้ทุกคนต่างมีสีหน้าไม่อยากเชื่อ ผู่ตานยังไม่ได้กลับมาเลย แต่เป็นหลิงเยว่ที่กลับมาก่อนเสียก่อน ดูเหมือนพวกเขาจะคลาดกันแล้ว
“กลับมาก็ดีแล้ว” ผู้อาวุโสมู่น้ำตาไหลพราก หากหลิงเยว่จากไปจริง ต้นไม้แห่งชีวิตย่อมเหี่ยวเฉา เมื่อไร้การปกป้องของนาง โลกผู้บำเพ็ญคงเดินสู่ความพินาศในที่สุด…
“นางกลับมาแล้ว แต่ตอนนี้นางกำลังรักษาบาดแผลอยู่”
หลิงเยว่น้อยหัวโล้นทำตัวราวกับผู้ใหญ่ สีหน้าเคร่งขรึมกำชับทุกคนไม่ให้ไปรบกวน
“บาดเจ็บหนักหรือ?” เล่อเหอแหวกฝูงชนมายืนหน้าหลิงเยว่น้อยหัวโล้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล
“อืม… หนักมาก”
แม้แต่ความสามารถในการบินขั้นพื้นฐานยังทำไม่ได้ ได้แต่เดินด้วยสองเท้า หากไม่ใช่เพราะต้นไม้แห่งชีวิตเตือนและนางกับหลิงเยว่มีการเชื่อมโยงทางจิตใจ ไม่รู้ว่าหลิงเยว่จะต้องเดินนานแค่ไหนกว่าจะมาถึงที่นี่
“แล้วอาจารย์จะต้องใช้เวลานานเท่าไหร่กว่าจะรักษาอาการบาดเจ็บให้หายดี?”
เหล่าศิษย์ทั้งหลายได้ยินว่าหลิงเยว่กลับมาแล้ว จึงทิ้งงานในมือ วิ่งกรูกันมาทันที
หลิงเยว่น้อยหัวโล้นส่ายหน้า นางก็ไม่รู้เหมือนกัน หลิงเยว่คือเสาหลักของโลกผู้บำเพ็ญ การกลับมาของนางย่อมทำให้ทุกคนรู้สึกสบายใจ
โลกผู้บำเพ็ญรวมถึงทะเลม่วงล้วนสงบสุข แต่ดินแดนเงาทมิฬและโลกแห่งความตายทั้งหกไม่อาจสงบได้ การต่อสู้ดำเนินไปอย่างดุเดือด โครงกระดูกและชิ้นส่วนร่างกายปลิวว่อนไปทั่วฟ้า
เจ้าวิญญาณถูกบรรดาเจ้าแห่งเขตแดนรุมโจมตี มันกำลังดิ้นรนเฮือกสุดท้าย
สงครามใหญ่คงจะจบลงในเร็ววัน…
เมื่อคิดได้เช่นนี้ บรรดาเจ้าแห่งเขตแดนและเหล่าผู้บำเพ็ญยิ่งลงมือโหดเหี้ยมมากขึ้น!
“หากพวกเจ้าฆ่าข้า เจ้าแห่งความตายจะต้องนำเหล่าเจ้าวิญญาณที่เหลืออีกสิบสามตนมาถล่มดินแดนว่างเปล่าแน่นอน!”
เจ้าวิญญาณดิ้นรนเฮือกสุดท้าย แต่น่าเสียดายที่เจ้าแห่งเขตแดนทั้งหลายตั้งใจกำจัดคนตายพวกนี้ที่บุกรุกโลกของพวกเขาให้หมดสิ้น
“ถล่มดินแดนว่างเปล่างั้นรึ? ก็ลองดูสิ!” ราชินีม่วงเกลียดชังเผ่าวิญญาณร้ายมากที่สุด พืชพรรณดอกไม้ใบหญ้ารบกวนพวกมันตรงไหนกัน?
พวกมันกับโลกแห่งความตาย และเผ่าวิญญาณผีจะกัดกันเองอย่างไร พวกเขาไม่เคยยุ่ง แต่จะออกมาก่อกวนสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ไม่